** แน่นอนมากๆว่าเศรษฐกิจไทยยามนี้ต้องการ...แรงสนับสนุนจาก...มาตรการเงินและมาตรการทางการคลัง...ที่สอดประสานกันอย่างดีซึ่ง ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้รัฐบาลที่มี “พรรคเพื่อไทย”เป็นแกนนำนั้น...ภาพที่ภาคธุรกิจและสังคมได้เห็นคือการ “ประสานงา”...ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) กับรัฐบาล นำโดย อดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง2ท่าน และรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย...จนทำให้ภาคธุรกิจเกิดความเป็นกังวลอย่างมาก...แม้ว่าภายหลังคนในรัฐบาลจะออกมากลับลำว่าไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงาน หรือกดดันแบงก์ชาติ หรือตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะพยายามสร้างภาพให้เห็นถึงการพูดคุย และบอกว่าทั้งกระทรวงการคลังและแบงก์ชาติเห็นสอดคล้องกันเพื่อลดความกังวลดังกล่าวแล้วก็ตาม...สังคมส่วนใหญ่ก็ยังไม่ไว้วางใจท่าทีของรัฐบาลในการแทรกแซงแบงก์ชาติอยู่ดี...!!

มาถึงวันนี้สำหรับ...แวดวงการเงิน...เห็นว่าต่อจากนี้ไป...ภาพของการ “ประสานงา”ระหว่างแบงก์ชาติกับกระทรวงการคลัง...คงจะไม่มีอีกแล้ว...การประสานงานกันแบบสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเพื่อระโยชน์ของเศรษฐกิจไทยคงจะเริ่มเด่นชัดมากขึ้น...คงจะพูดจาภาษาดอกไม้ระหว่างกันมากขึ้น...ไม่มีอีกแล้วล่ะที่นายรัฐมนตรีจะออกมาบอกว่าแบงก์ชาติคือตัวถ่วงในการฟื้นเศรษฐกิจ...และไม่มีอีกแล้วที่นายกรัฐมนตรีจะออกมากดดันแบงก์ชาติผ่านสื่อว่าให้ลดดอกเบี้ย...อีกอย่างหนึ่งเลย...คุณวิทัย รัตนากร ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงก์ชาติ). ..กับ..คุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ...ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...คู่นี้เขาเพื่อน “ซี้ปึก”กันมานานหลายสิบปี...แม้ว่าในการทำงานความเห็นอาจจะไม่ตรงกันในบางประเด็น ในบางบริบทของเศรษฐกิจขณะนั้นๆ...แต่สังคมจะไม่เห็นภาพของการ “ประสานงา”ระหว่างแบงก์ชาติกับกระทรวงการคลัง...จนทำให้ภาคธุรกิจและสังคมเกิดความกังวลแน่นอน...!! ส่วนประเด็นแรกๆที่เราจะเห็นฝีมือของผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่...คือการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทบาทที่แข็งขึ้นแบบผิดปกติ และไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจไทย...ส่วนว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...ผลงานชิ้นแรกๆก็คือ มาตรการทางการคลังที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก็น่าจะเป็นมาตรการที่ผ่านการคิดวิเคราะห์มาแล้วอย่างดี...ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...ไม่ต้องเสียเวลามานั่ง “ฟังบรีฟ”จากปลัดกระทรวงและผู้บริหารของกระทรวงการคลังอีกแล้ว...วันแรกที่เข้ากระทรวงก็ลุยงานได้เลย...**

**อนันตเดช พงษ์พันธุ์**