เป็นเรื่องจนได้ เมื่อรัฐมนตรีช่วยผู้รักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งประเทศไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ วันที่10กันยายน 2568 ณ จังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยสรุปประเด็นสำคัญ 5 ข้อ
ข้อ 1 ถึง ข้อ 4 ก็ไม่มีอะไร ประเด็นเดิมๆ ซ้ำๆ ซึ่งเขมรก็คงรับปากไปงั้นๆ แต่ข้อ 5 นี่แหละที่เป็นปัญหา
เพราะพอข้อสรุปที่ประชุมบอกว่า “ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการผ่อนปรนให้มีการผ่านแดนบางประเภทและบางจุด ระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบ ต่อภาคธุรกิจและการขนส่งข้ามแดน โดยได้มอบหมายให้กลไก RBC ไปหารือความเป็นไปได้ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคงโดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนตามแนวชายแดนจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดก่อน” แถมรักษาการรมต.กลาโหมยังบอกอีกด้วยว่ามีประเทศที่ 3 ขอมา
การพูดเรื่องเปิดด่านตอนที่ทหารทั้งสองฝ่ายยังตรึงกำลัง ทหารเขมรเสริมกำลังไม่หยุดหย่อน ม็อบเขมรจัดตั้งยังก่อกวนอยู่ตลอด ชาวบ้านริมชายแดนต้องหวาดระแวง อยู่ไม่เป็นสุข ย่อมต้องโดนพายุแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ติเตียนโหมกระหน่ำแน่ๆ บางทีอาจจะน้อยเกินไปสำหรับความรู้สึกของผู้คนด้วยซ้ำ
ยิ่งมาบอกมีประเทศที่ 3 ขอมา ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก โจ๊กโดนระเบิดอาจจะเละน้อยกว่า เพราะคนไทยทั่วประเทศยังอยู่ในภาวะอึดอัด แค้นเคือง เศร้าเสียใจกับสิ่งที่เขมรทำกับเรา และต้องการให้ทหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก่อนที่จะเจรจาสำคัญอะไรกัน
ฝ่ายทหารก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ จนฝ่ายการเมืองต้องออกมาแถกไถไปว่า ยังเป็นแค่เรื่องแนวคิด ปัดโธ่! ถ้าไม่ถูกก่นด่าจากทั่วทุกสารทิศ ป่านนี้อาจจะเปิดด่านอะร้าอร่ามไปแล้วก็เป็นได้
ต่อมาสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยก็ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ของ นายคิตามูระโทชิฮิโระ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น 3 ข้อแสดงความยินดีที่มีการประชุมครั้งนี้ และข้อแรกก็พูดถึง “ผ่อนปรนการขนส่งสินค้าข้ามแดน”
คนที่ได้ฟังรักษาการรมต.กลาโหมแถลงก็เลย “อ๋อ! พี่ยุ่น นี่เองที่เป็นประเทศที่ 3” และก็นำมาสู่ความเละระดับสังขยาในเพจของสถานทูตญี่ปุ่นทันที
และที่ตอกย้ำชัดเจนว่า ประเทศที่ 3 นั้นคือ“ญี่ปุ่น” ก็คือ เมื่อเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชา นายอูเอโนะ อสุจิ เอ๊ย! ไม่ใช่ นายอูเอโนะให้สัมภาษณ์ชัดเจนเกี่ยวกับผลประโยชน์ของญี่ปุ่นในไทยและเขมร
แน่นอนว่า รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเดือดร้อนชนิดนั่งไม่ติด เพราะพรรคการเมืองใหญ่ๆ ล้วนได้รับการสนับสนุนอยู่เบื้องหลังโดยบรรดาบริษัทธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพล บริษัทเหล่านี้ก็มีฐานการผลิตทั้งในไทยและเขมร ด่านถูกปิด ไม่ให้มีการเข้า-ออก ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างดินแดนก็ไม่สามารถทำได้
คนญี่ปุ่นนั้นเป็นพวกมากมารยาท ร่ำลากันแต่ละที โค้งคำนับเป็นสิบๆ รอบ แต่พอเป็นเรื่องผลประโยชน์ของตน มารยาทมารย้วยอะไรก็ลืมได้หมด สมกับที่เคยได้รับฉายาว่า “ยิวแห่งเอเชีย” ซึ่งมีที่มาจากหนังสือพิมพ์ของชาวยิวเมื่อทศวรรษที่ 1920 (หาอ่านเอาเอง ค้นได้ไม่ยาก)
เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้ ทำให้เราได้ยินชื่อคณะกรรมาธิการต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมา จนชาวบ้านงวยงงไปหมด ไม่ว่าจะเป็น อาร์บีซี (Regional BorderCommittee) คณะกรรมการชายแดนภูมิภาค, เจบีซี (Joint Boundary Commission) คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี (General Border Committee) ผมก็งง เพราะคุ้นเคยแต่เจแอนด์บี
ใครๆ ก็พากันสงสัยว่า ทำไมเรื่องไทย-เขมร ต้องตั้งกรรมาธิการให้ซ้ำซ้อนกันเป็นบ้าเป็นบอขนาดนี้ราวกับเป็นสัตว์คนละสปีชี่ส์ พูดจาสื่อสารกันไม่รู้เรื่องซึ่งเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องมันก็ต้องลงเอยด้วยการทุบกันบ้างนั่นเอง และแท้จริงแล้ว คณะกรรมาธิการเหล่านี้เป็นประโยชน์กับไทยหรือเขมรมากกว่ากัน?
ญี่ปุ่นก็เป็นญี่ปุ่นนั่นแหละ ผลประโยชน์ของเขาต้องสำคัญที่สุด แต่ที่น่าด่าทอมากที่สุดคือนักการเมืองในรัฐบาลรักษาการของบ้านเรา ขณะที่ไทยเรากำลังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ แต่ยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ควรจะต้องรักษาความได้เปรียบเอาไว้ และเพิ่มความกดดันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประชาชนไทยส่วนใหญ่ (ยกเว้นสส.กากๆ บางคนของบางพรรค) ก็แสดงออกในช่องทางต่างๆ แล้วว่า เอาด้วย พร้อมจะอดทน เพื่อความสงบสุขในระยะยาว
ก็นี่ไง เสียงส่วนใหญ่ นี่ไง เสียงของ “ประชาชน” ที่ติดปากเกือบทุกวรรคเวลาหาเสียง แต่เอาเข้าจริง นักการเมืองเลวๆ ก็ดูเหมือนจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนนายมากกว่าอธิปไตยของชาติ และมากกว่าหลายชีวิตของประชาชนที่ตายไป
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี