แม้เหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนมัธยมในฟลอริด้าจะผ่านมากว่าสองอาทิตย์แล้วก็ตาม แต่คงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หลังของลาหักสะบั้น ปัญหานี้ยืดเยื้อเรื้อรังมานานและไม่มีท่าทีว่าจะจบลง เพราะสาเหตุหลักอยู่ที่พรรคการเมืองรับเงินสนับสนุนจากสมาคมปืนยาวแห่งชาติ (The National Rifle Association – NRA) ทำเป็นหูหนวกตาบอดแล้วหนีไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กันหมด คงรอให้ประชาชนมะริกันตายหมดประเทศแล้วค่อยขยับมาออกกฎหมายกระมัง
สมาคมนี้มีอิทธิพลสูงมากในสภา และเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพรรครีพับลิกัน มีงบมหาศาลทุ่มให้กับการล็อบบี้นักการเมือง แถมยังมีสมาชิกที่เป็นผู้ออกเสียงอีกราว 5 ล้านคน เมื่อปี 2016 เอ็นอาร์เอทุ่มงบประมาณ 4 ล้านดอลลาร์หรือ 133.5 ล้านบาทไปกับการล็อบบี้ และอีกกว่า 50 ล้านดอลลาร์หรือ 1.7 พันล้านบาท เพื่อหาเสียงสนับสนุนทางการเมือง
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สมัยกี่รัฐบาลกี่ประธานาธิบดี ดูเหมือนว่าปัญหานี้ก็ยังดำรงอยู่และยิ่งกลายเป็นบ่วงรัดคอประชาชนอเมริกัน เพราะส่งผลต่อสังคมมากมาย ไม่ต้องดูอื่นดูไกล จะทำอย่างไรถ้าทุกคนหลังส่งลูกไปโรงเยนแล้ว ไม่มีอะไรการันตีว่าเราจะได้เห็นหน้าลูกอีก วันนั้นอาจคือวันสุดท้ายที่ได้เห็นลูก เพราะบังเอิญมีเด็กสติพร่องหรือไอ้บ้าสักคนบุกเข้ามากราดยิงจนนักเรียนนับสิบรวมทั้งลูกของคุณเสียชีวิตโดยไม่ทันร่ำลา หากเรื่องนี้ไม่นับเป็นเรื่องใกล้ตัวก็คงไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
หลังจากเกิดเหตุกราดยิงติดต่อกันและนับวันจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ มะริกันชนเริ่มตระหนักว่าคงพึ่งประธานาธิบดีและพรรคการเมืองไม่ได้ เพราะไม่ว่าเหตุร้ายแบบนี้จะเกิดขึ้นกี่ครั้งและอายุของฆาตกรนับวันจะยิ่งน้อยลงทุกที แต่สมาคมปืนยาวหรือ NRA ยังคงคัดค้านอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมให้มีการจำกัดใดๆ ต่อสิทธิเสรีภาพที่จะถืออาวุธปืนตามที่ระบุเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ พูดง่ายๆ คือ ไม่รู้ไม่ดูไม่แคร์ชีวิตใครแต่ผลประโยชน์กูต้องปกป้องยิ่งชีพนั่นแหละ
นอกจากจะไม่แยแสต่อเสียงร้องไห้ของเด็กๆ และพ่อแม่ที่ลูกตกเป็นเหยื่อการกราดยิงแล้ว ซีอีโอของเอ็นอาร์เอ เวย์น ลาปิแอร์ ยังออกมาลอยหน้าแถลงอย่างไม่มีความละอายด้วยการเพิ่มยอดขายปืนให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นให้พวกครูซื้อปืนพกติดตัวเวลาไปสอนที่โรงเรียน เออ..คิดได้นะ
แม้ว่าชาวบ้านจะด่าระงมกับไอเดียเห็นแก่ตัวและเอาแต่ได้ของเอ็นอาร์เอ แต่ลุงทรัมป์ก็งับไอเดียนี้แบบสุดติ่งกระดิ่งแมว เล่นเอาเด็กนักเรียนและครูช่วยกันถอนหงอกกันคนละมือสองมือเลยหุบปากไปพักหนึ่ง แต่ยังไม่วายคุยโวโอ้อวดบ้าบอไปเรื่อยว่า หากตนอยู่ในสถานการณ์กราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่ฟลอริด้าวันนั้น จะวิ่งไปช่วยเด็กนักเรียนทันที แม้จะไม่มีอาวุธในมือก็ตาม
เดี๋ยวนะ..ลุงทรัมป์ วันเสาร์ที่ 3 มีนาคมที่เพิ่งผ่านมานี้เอง มีกระทาชายนายหนึ่งไปเดินป้วนเปี้ยนแถวทำเนียบขาวแล้วยิงตัวตาย คนในทำเนียบข่าวรวมทั้งนักข่าวรายงานเป็นเสียงเดียวกันว่าลุงกับเมียหลบอยู่ในห้องแทบไม่โผล่หัวออกมาเลยด้วยซ้ำ แล้วลุงยังจะกล้าเพ้ออีกเหรอว่าจะวิ่งไปช่วยนักเรียน แถมตอนที่เกิดเหตุร้ายในโรงเรียนใหม่ๆ ลุงก็แวะโรงเรียนแค่ชั่วโมงเดียว แล้วก่นด่าคนอื่นให้วุ่นไปหมด
ลุงจำไม่ได้หรือว่าตัวเองชูนโยบายสนับสนุนสิทธิในการพกพาปืนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2016 โน่นแน่ะ แถมได้รับการดันก้นให้หล่นแหมะบนเก้าอี้ประธานาธิบดีอย่างเปิดเผยจาก NRA เสียด้วย แต่คาดว่าแรงบีบจุกอก ลุงทรัมป์เลยอ้อมแอ้มๆ ออกมาแถลงว่ารัฐบาลจะดำเนินการออกกฎหมายห้ามใช้อุปกรณ์เสริมบัมป์สต๊อก (bump stock) ที่ช่วยให้ปืนไรเฟิลสามารถยิงกระสุนได้เป็นร้อยๆ นัดต่อนาทีคล้ายปืนกล และจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืน รวมถึงเพิ่มเกณฑ์อายุต่ำสุดที่สามารถซื้ออาวุธได้จาก 18 เป็น 21 ปี
ความน่าทุเรศของสมาคมปืนยาวแห่งชาติ (National Rifle Association) ยังไม่จบลงเท่านี้ พอลุงทรัมป์ผมเป๋แถลงปุ๊บ ก็ดาหน้าออกมาโวยวายทันทีโดยยืนกรานเสียงแข็งว่า
“NRA ไม่สนับสนุนการแบนใดๆ ”
ไม่ว่าจะผลจะเป็นอย่างไร ถึงหัวแถวไม่ขยับเพราะผลประโยชน์ทับหัวใจอยู่ หางแถวภาคประชาชนก็เริ่มขยับกันบ้างแล้ว เช่น มีการรณรงค์ทางโซเชียลมีเดียผ่านแฮชแท็ค #BoycottNRA (คว่ำบาตรเอ็นอาร์เอ) กระจายไปทั่วทำให้หลายหน่วยงานภาคเอกชนขยับตัวสั่งสอนเอ็นอาร์เอ
สายการบินเดลต้า แอร์ไลนส์กับยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ซึ่งเป็นสายการบินยักษ์ใหญ่ในอเมริกาออกมาคว่ำบาตรสมาคมปืนยาวแห่งชาติ (เอ็นอาร์เอ) ด้วยยุติการให้ส่วนลดแก่บรรดาสมาชิกเอ็นอาร์เอ นอกจากสองสายการบินยักษ์ใหญ่แล้ว ยังมีบริษัทอื่นร่วมคว่ำบาตรด้วยการเพิกถอนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่มอบให้แก่เอ็นอาร์เอและสมาชิกของสมาคม
บริษัทต่างๆ ที่ว่านี้คือกลุ่มบริษัทให้เช่ารถ เช่น อลาโม, เอวิส, บัดเจต, เอนเตอร์ไพรซ์ และเฮิร์ตซ์ ซึ่งมีสาขาทั่วอเมริกา ในกลุ่มธนาคารก็มีเฟิร์สต์ เนชั่นแนล แบงก์ ออฟ โอมาฮา และบริษัทประกันภัยอย่างชับบ์และเมตไลฟ์ นอกจากนี้ยังมีบริษัทบริการขนย้ายอย่างอะไลด์ แวน ไลนส์ และ นอร์ท อเมริกัน แวน ไลนส์ ตลอดจนบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างซีแมนเทค ต่างคว่ำบาตรเอ็นอาร์เอเช่นกัน บริษัทเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายทั่วอเมริกาทั้งสิ้น
ที่น่าจับตามองที่สุดคือการออกมาประกาศของบริษัทวอลมาร์ทและดิกส์ สำหรับผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในอเมริกาอาจจะไม่รู้จักห้าง Dick's Sporting Goods ซึ่งมีเครือข่ายทุกรัฐทุกเมือง ห้างนี้ขายอุปกรณ์กีฬาและปืน ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการออกมาประกาศในวันเดียวกับที่เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนที่ฟลอริด้าว่าจะไม่อนุญาตให้เด็กที่อายุ 18 ปีซื้อปืนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกแล้ว แต่จะขยับเรทอายุให้เป็น 21 ปีแทน
ทั้งนี้เพราะห้าง Dick's Sporting Goods มาพบข้อเท็จจริงภายหลังว่า มือปืนวัย 19 ปีที่สังหารนักเรียนและเจ้าหน้าที่ 17 คนซื้อปืนจากห้างดิกส์นี่เอง ห้างนี้งดขายปืนไรเฟิลหลังเกิดเหตุกราดยิงโรงเรียนประถมแซนดี้ ฮุค (Sandy Hook Elementary School )ในรัฐคอนเน็กติกัตเมื่อปี 2012 โดยซีอีโอได้ออกมาแถลงอย่าน่าชื่นชมโดยอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฟลอริด้าว่า
“พวกเราได้ยินเสียงร้องไห้ของพวกคุณ”
นอกจากนี้ยังชี้แจงต่อว่า แม้ทางร้านเคารพต่อสิทธิพลเมืองสหรัฐฯข้อ 2 และกฎหมายอนุญาตต่อผู้ครอบครองปืน แต่ทางร้านมีหน้าที่ต้องร่วมแก้ปัญหาโรคความรุนแรงจากปืนซึ่งทำให้อเมริกาป่วยจนสังหารเด็กไปเป็นจำนวนมาก
ส่วนห้างวอลมาร์ทที่ขายตั้งแต่สากกะเบือยังเรือรบก็ยืดอกออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเช่นกัน เพราะออกแถลงการณ์ว่าเปลี่ยนนโยบายอายุผู้ซื้อปืนให้เพิ่มจาก 18 ปีตามกฎหมายสหรัฐฯไปอยู่ที่ 21 ปี และถอดปืนร้ายแรงที่คล้ายกับอาวุธไรเฟิลที่ใช้ก่อเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมรัฐฟลอริดาล่าสุดออกจากเว็บไซต์ แถมถอดปืนอัดลม BB Gun และของเล่นเน้นความรุนแรงออกจากเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน
มาดูว่าเมื่อหางแถวขยับแล้ว เอ็นอาร์เอจะพลิ้วไปทางไหนอย่างไร คงต้องเกาะติดสถานการณ์กันอย่างไม่กะพริบตานาทีนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี