ในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ก็เข้าร่วมรัฐบาล
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้อยู่แล้ว หลังผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเสียงน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก มากจนกระทั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค
มี 2 ฝ่ายเท่านั้นที่จะจัดตั้งรัฐบาล
ฝ่ายแรก มี 3 คน ที่ทักษิณ ชินวัตร ส่งมาให้เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนที่เคยส่ง สมัคร สุนทรเวช ส่งสมชาย วงษ์สวัสดิ์ ส่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ ส่ง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ส่งชัชชาติสิทธิพันธ์ และส่งชัยเกษม นิติศิริ
ความจริงส่งอีก แต่ตกไปหลังการเสนอชื่อแค่ไม่ถึงวัน
ทำไมทักษิณต้องส่งสามรายชื่อ ?
เพื่อไม่ให้หือ ใครหือ ใครออกอาการเกเร ก็พร้อมที่จะเปลี่ยน
อีกฝ่ายคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรีที่มาจากการยึดอำนาจ และพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปในวิถีของการเลือกตั้ง ผ่านพรรคพลังประชารัฐ
หลังการเลือกตั้งมีสองฝ่ายนี้เท่านั้นที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเลือก
พรรคประชาธิปัตย์ต้องเลือกร่วมกับพลังประชารัฐ ที่ว่ากันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ ทั้งพลังประชารัฐ และพลเอกประยุทธ์
เพราะในที่สุดแล้ว พรรคประชาธิปัตย์คงไม่ไปยกมือให้ฝ่ายที่พรรคประชาธิปัตย์ต่อสู้มาตลอดเรื่องรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายให้ชาติบ้านเมือง 5/6 แสนล้านบาท หรือพวกที่ประชาธิปัตย์คัดค้านทั้งนอกสภา ในสภา เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2556 กรณีที่ลักหลับผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้ทักษิณได้ประโยชน์
ทำไมประชาธิปัตย์ไม่เลือกทางที่สาม ?
เป็นฝ่ายค้านอิสระน่ะเหรอ จะไปทำอะไรได้ สมัยนางปูเป็นนายก พรรคประชาธิปัตย์มีเสียงเป็นกอบเป็นกำมากกว่านี้ คัดค้านเสียงส่วนใหญ่ในสภา ที่เขาอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ประชาชนเลือกเขามาได้ไหม ?
ในที่สุดก็ต้องมาปักหลักข้างสนานีรถไฟสามเสน ในที่สุดก็เกิดการชุมนุมต่อเนื่อง ยืดเยื้อจากสามเสน มาราชดำเนิน มาราชประสงค์มาสวนลุมพินี จนในที่สุดถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยย้ำแล้วย้ำอีกว่า เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา
ในที่สุด ส่วนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้พบความจริงแล้ว ระบบรัฐสภา ใช้ไม่ได้กับคนหน้าด้าน
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาล
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ไม่แต่อดีตเลขาธิการพรรคการเมืองพูดเอาไว้สมัยที่ พลเอกเปรมติณสูลานนท์ ไม่เอาพรรคนั้นมาร่วมรัฐบาลว่า “ต่อไปจะร่วมรัฐบาลให้ได้ ไม่ยอมอดอยากปากแห้ง เป็นฝ่ายค้านต่อไปอีกแล้ว“
พรรคประชาธิปัตย์ ก็เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นๆนั่นแหละ คือร่วมรัฐบาล ก็มีผลงาน มีตำแหน่งแห่งที่ให้คนในพรรค
ดีกว่าเป็นฝ่ายค้าน
เสียดาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ?
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล โดยที่จะมีพลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ก็ตัดสินใจลาออกจาก ส.ส. ทันที
นี่นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
นายอภิสิทธิ์ย่อมทำหน้าที่ ส.ส. ดีกว่านักการเมืองหลายสิบหลายร้อยคนที่เพิ่งจะเปิดสภามา ประชาชนก็เริ่มรู้สึกเอือมระอากันแล้ว
ที่จริงแล้ว น่าเห็นใจนายอภิสิทธิ์ ตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้งแล้ว เขาเป็นหัวหน้าพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง เคยทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี และขณะเป็นนายกรัฐมนตรีก็เลือกพลเอก ประยุทธ์ จากรองผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการทหารบก
มาถึงวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
นักข่าวกลับไปถามนายอภิสิทธิ์ว่า จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ?
เป็นผมอาจตะเพิดนักข่าวไปแล้ว
ก็พรรคประชาธิปัตย์พรรคเก่าพรรคแก่ส่งชื่อ เสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะไปสนับสนุนคนอื่นพรรคอื่น หรือไม่มีพรรคด้วยซ้ำให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ยังไง???
แล้วจะเป็นยังไง ?
ผมพูดหลายครั้งแล้วว่า อย่าตั้งความหวังเอาไว้สูงกับการเลือกตั้ง ดูท่านที่ได้รับเลือกตั้งแต่ละท่าน จะทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง ให้คนยากคนจนได้สักกี่คน
ดูกันให้ชัด นักการเมือง แค่ต่อรองร่วมรัฐบาลก็เห็นกันแล้วว่า ไอ้ตัวไหนเห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง
รักชาติ รักประชาชน นั่นแค่ลมปากให้คนที่เลือกมันเคลิ้มเท่านั้นเอง
และน่าจะอีกไม่นาน ประชาชนก็จะได้เคลิ้มอีก !
สำเริง คำพะอุ
5 มิถุนายน 2562
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี