คาดไม่ถึงเลยครับว่า อี่นายซ้องปีป-อี่นายกาสะลองกับอ้ายหมอทรัพย์ในละครไพร์มไทม์ทางช่องน้อยสีวิกคลองเตย “กลิ่นกาสะลอง” จะกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์มากเยี่ยงนี้  ขนาดระดับท่านผู้ทรงเกียรติยังตามติดจนกระทั่งต้องแต่งกายคล้ายเลียนแบบมาเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลยทีเดียว

                    จริงๆต้องบอกว่า เรื่องการแต่งกายเข้าประชุมสภาของท่านส.ส.ผู้ทรงเกียรติหญิงจากพรรคอนาคตใหม่ ภายใต้การนำของช่อ-พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่จนเป็นที่วิพากษ์-วิจารณ์กันอย่างมากมายทุกซอกทุกมุม ยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ คุณชัย ราชวัตร นามปากกาของการ์ตูนนิสต์ประจำคอลัมน์ “ผู้ใหญ่ลีกับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่หัวเขียว “ไทยรัฐ” วิพากษ์วิจารณ์ ปาถกฐาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ไปแสดงในการประชุมประชาคมประชาธิปไตยที่เมืองอูลันบาตอร์ สาธารณรัฐประชาชนมองโกเลียเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2556 กล่าวได้ชัดเจนว่า เป็นปาฐกถาที่ “ไม่ปกติ”ผ่านทางเอเอสทีวีผู้จัดการรายสัปดาห์ว่า “โปรดเข้าใจ กะหรี่แค่เร่ขายตัว แต่หญิงชั่วเร่ขายชาติ”

                    แทบไม่มีอะไรให้ “ไม้หน้าสาม” ต้องกระเดียดเอานิ้วสั้นไปรันขี้เอาเสนียดมาแปดเปื้อนคอลัมน์ด้วยเลย แต่มันนิ่งเฉยไม่ได้เมื่อเข้าไปอ่านข้อความในเฟซบุ๊คของนักวิชาการชาวไทยที่หลบหนีคดี 112 ไปกินปลาดิบอยู่เมืองซามูไร “ปวิน ชัชชวาลพงษ์พันธ์”  ออกมาด่ากราดพฤติกรรมการแต่งกายเข้าประชุมสภาว่า เป็นส.ส.รุ่นใหม่ จากพรรคการเมืองใหม่ แต่ไม่มีส่วนไหนในสมองที่บอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แทนที่จะเอาเวลาไปคุยเรื่องสาระการประชุมสภากลับไปให้ความสำคัญเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม”

                    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายปวินออกมาวิจารณ์ช่อ-พรรณิการ์แบบลากไส้

                    ก่อนหน้านี้ช่อ-พรรณิการ์ถูกมือดีขุดภาพที่โพสต์ในเฟซบุ๊คเพจส่วนตัวเมื่อสมัยยังเป็นนิสิตจุฬาเป็นบัณฑิตที่รอเวลาเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรที่หอประชุมจุฬาทำท่าเบ้มุมปากต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์จนถูกสังคมไทยประณามอย่างมากมายถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว โดย ช่อ-พรรณิการ์ระบุว่า เป็นเรื่องเก่าที่ไม่ควรนำมายึดติด แต่ให้มาตัดสินเรื่องราวจากเหตุการณ์ปัจจุบัน  ซึ่งปวินบอกว่ารับไม่ได้ที่ช่อ-พรรณิการ์ระบุเยี่ยงนั้น และว่านี่คือคือวิถีชีวิตของวิญญูชน ที่ปัจจุบันนี้นี้กลายมาเป็นคนจงรักภักดีไปแล้ว

                    ถามว่า 1) สิ่งที่ช่อทำมันผิดไหม ถ้าไม่ผิด เราต้องยืนกราน เราเป็นคนรุ่นใหม่ตัวแทนอนาคตใหม่ เราต้องมีเกียรติภูมิ ถ้าเราคิดว่าไม่ผิด เราต้องอธิบายว่ามันไม่ผิดอย่างไร ไม่ใช่คุณถูกแรงกดดัน แล้วก็รับผิดในสิ่งที่ไม่ผิด เพราะการที่คุณทำอย่างนั้น มันยิ่งไปตอกย้ำมาตรฐานเดิมเรื่องเจ้า นั่นคือ ไม่ผิดแต่ต้องยอมรับผิด

                    ถามว่า2) การเปลี่ยนความคิดทางการเมือง เหมือนที่ช่อ-พรรณิการ์ บอกว่าตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วคิดได้แล้ว อันนี้ยิ่งทุเรศ พัฒนาการทางความคิดคน (ขอย้ำคำว่า “พัฒนาการ”) มัน one way เท่านั้น คือ เปลี่ยนจากเผด็จการ/ราชานิยม ไปสู่ประชาธิปไตย ไม่มีกรดไหลย้อนคือจากประชาธิปไตยกลับไปเป็นราชานิยม ถ้าอย่างนั้น เราจะมานั่งด่าคนอย่างเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์หรืออย่าง หงา คาราวาน กันทำไม สิ่งที่ช่อทำคือสิ่งที่หงาทำ เดินถอยหลังกลับไปสู่ราชาธิปไตย เมื่อวานผมถึงบอกว่า มีแต่คนพัฒนาไปสู่สภาพตาสว่าง นี่กลับถอยหลังไปสู่ความมืดบอด

                    ถามว่า 3) สิ่งที่ช่อในฐานะนักการเมืองต้องทำเมื่อวานคืออธิบายต้นเหตุของปัญหา นั่นคือ การเอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และเค้า ในฐานะนักการเมือง จะแก้ปัญหาอย่างไร นี่กลายเป็นว่า เออออห่อหมกไปแล้วว่า บอกว่าตัวเองผิดจริง ขอโทษขอโพย ขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ผิด

                    บอกตรงๆช่อ-พรรณิการ์นาง ป่วย มากๆ

                    กับอีกเฟซบุ๊คเพจหนึ่งที่เป็นนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์ใช้ชื่อว่า นางสาวศุภมาส เสนะเวส อดีตผู้ก่อตั้ง“ขบวนผู้หญิงกับการปฏิรูปการเมือง” หรือ WeMove โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นการแต่งกายเข้าประชุมสภาฯของน.ส.พรรณณิการ์ วานิช หรือ ช่อ  ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมาในธีมแม่หญิงเมืองเหนือ โดยบอกว่าตัวเองเป็น"อี่นายซ้องปีป"เลียนแบบในละครดัง"กลิ่นกาสะลอง"ทางช่อง 3 โดยมีเนื้อหาดังนี้ #ชุดระบำเทพธิดาดอย

                    "มีผู้ที่อ้างตัวเป็นอดีตนิสิตเก่าจุฬา วิจารณ์การแต่งกาย ฯลฯ อันเป็นการวิจารณ์ที่ไม่ได้ใช้สมอง ไม่ได้แสดงสติปัญญา ทำไมไม่วิจารณ์การทำงาน ผมไม่ได้รู้จักคุณช่อ ดีที่คุณช่อ ที่เป็นรุ่นน้องจุฬา ไม่ออกมาถอนหงอกตอบโต้ "

                    ทราบภายหลังว่าอันที่จริงเป็นสมาชิกอนาคตใหม่ และดูเหมือนจะเป็นผอ.ศูนย์เลือกตั้ง ที่ไหนสักที่

                    ที่แท้ขี้ข้าออกมาพิทักษ์นายนี่เอง แต่บอกว่าไม่รู้จัก!!

                    #โกหกเป็นนิสัยของคนพรรคนี้  …  ผมขอใช้คำว่า “สันดาน” ดูจะเหมาะสม หนักแน่นกว่าน่ะครับ

                    ดิฉันไม่ได้เป็นอดีตนิสิตเก่านะ ดิฉันยังเป็นนิสิตเก่า ความเป็นนิสิตเก่ายังคงดำรงอยู่ แล้วเลยสงสัยว่า ที่"รุ่นน้องจุฬา" ของคุณแสดงอาการลบหลู่ ทะลึ่งตึงตัง เบ้ปากใส่ พระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อคราเป็นบัณฑิตนั่น คุณไม่คิดอย่างไรเลยหรือ???

                    อันที่จริงเรื่องเนื้อหา ดิฉันวิพากษ์ไปมากแล้ว ดังที่แคปหน้าจอมา ตามลิงค์https://m.facebook.com/story.php…https://m.facebook.com/story.php…และมีอีกมากมาย

                    พวกคุณไม่อ่านที่เป็นประเด็นเนื้อหาเองนี่นา

                    สนใจมาตอบโต้แต่ประเด็นนี้ มันง่ายดีใช่ไหม?

                    สาเหตุที่คนออกมาจับจ้องมองการแต่งกายของเธอ เพราะอะไร ? เพราะเธอเองเป็นผู้ป่าวประกาศว่าจะ Educate เรื่องการแต่งกาย เพราะเธอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ย่อมเป็น #บุคคลสาธารณะ ภาษาอังกฤษเรียก Public Figure ย่อมถูกจับจ้องจากสาธารณะ

                    โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย ที่เธอกล่าวว่าจะ #ให้ความรู้คนในสภาเพราะไม่ว่าหญิงหรือชาย การแต่งกายคือบุคคลิก และรสนิยม

                    ซึ่งการแต่งกายของช่อ ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีความงดงามและเหมาะแก่กาลเทศะประการใด มีชุดที่งดงามชุดเดียว คือแบรนด์ Poem ซึ่งก็ถูกวิพากษ์ไปเยอะแล้วว่าเป็นชุดที่เหมาะสมหรือไม่ต่อข้อกำหนดสภาฯ นอกนั้น ก็เป็นชุดผูกคอโบว์ห้อยยาวราวกับเอาไว้ลากจูง และกระโปรงคับรัดก้นย้อยสีเขียวสะแหลนแปร๋น กับเสื้อปิดคอ(ที่ไม่ค่อยมี) #มิอาจเรียกได้ว่าแต่งกายงาม

                    ล่าสุดหนักไปอีก !!!!! ชุดประดับผ้าชนเผ่า สีสันราวจะมาระบำเทพธิดาดอย ที่กล่าวอ้างว่า#ได้รับอิทธิพลจากละคร

                    โอ้วว ช่างมีสติปัญญาเสียนี่กระไร

                    บ้าละครอะไรขนาดนั้น!!

                    แล้วจะเอาตรงไหนมาวิจารณ์ด้านสติปัญญา ???? หรือจะให้วิจารณ์เรื่องที่มาแขวะโรงแรมที่จัดงานประชุมอาเซียน

                    อือม ครูบาอาจารย์ที่รู้จริง เขาก็ถล่มเละเทะไปแล้ว

                    ... หรือวิจารณ์เรื่องมารยาท และความเข้าใจตลอดจนเคารพข้อบังคับการประชุมสภา

                    นั่นก็ไม่มีมารยาท และไม่ศึกษาหาความรู้ให้ถ่องแท้ วิจารณ์กันมากมายเหลือจะกล่าว

                    มีโอกาสก้าวเข้าสภา ทว่าสนใจเพียงแต่จะแต่งกายให้โดดเด่นฉูดฉาด เป็นเป้าสายตา เนื้อหาก็หลวมโพรก

                    #แล้วจะให้วิเคราะห์วิจารณ์อันใดเล่า #น้ำเน่าเสียขนาดนี้

                    เรียนคุณศุภมาส ขออภัยที่ต้องเอ่ยนามท่าน แต่ว่ากันตามจริงการเสพละครจนมีสภาพติดงอมไร้สติเสียสมาธิก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

                    ถ้าเสพละครอย่างมีสติ มีมารยาท และรู้จักกาลเทศะ

                    เพราะนายกฯลุงตู่เองก็เคยติดละครอย่างเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” จนออกมาชื่นชมก่อนการประชุมครม.มาแล้วด้วยซ้ำ

                    ทำให้ผมนึกถึงภาษาเหนือที่ รศ.ดร.เสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาดเคยขึ้นเวที กปปส. ก่อนการรัฐประหารโดยคสช. อัด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คำหนึ่งว่า จ๊าดง่าว อาจารย์เสรีเคยบอกว่าภาพที่ไม่เหมาะสมที่แสดงไว้ตอนวันรับพระราชทานปริญญาบัตรนั้น คนไม่ได้ออกมาด่าโจมตีเพราะsheเป็นนักการเมือง แต่เพราะหล่อนเลวเพราะพฤติกรรมที่เธอแสดงกับพระบรมฉายาลักษณ์ และอย่าพยายามไปแสดงแบบลิงแก้แหแถสีข้างถลอกว่าเป็นฝีมือIOทหาร แต่เพราะหล่อนเลวจริงๆ

                    สุดท้าย ก็แค่อยากให้ไปศึกษาคำว่า มารยาท และ กาลเทศะ ให้มากและถ่องแท้ด้วยเท่านั้น

                    เพราะความเข้าใจและปฏิบัติทั้งสองประการมันย่อมจรรโลงคำว่า “ผู้ดี” ให้เห็นขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะคุณค่าของความเป็นกุลสตรี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องกดขี่หรือความไม่เท่าเทียมทางเพศน่ะครับ

                    อย่าให้ใครเขาประณามได้ว่า โคตรเหง้าเหล่ากอ-พ่อแม่-ครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอน หรือสั่งสอนแล้วไม่เข้าไปบรรจุในสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง  เพราะมันจะเสียชื่อสถาบันอันทรงเกียรติ เสียเกียรติภูมิสถาบันการศึกษาอันเก่าแก่ที่ผลิตบุคลากรมาสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเป็นอเนกอนันต์        

                    ไม้หน้าสามอยากบอกว่า กาละเทศะ ซึ่งภาษาอังกฤษเขียนว่า circumstance  หมายถึง  ความเหมาะสม ความสมควร ความเหมาะเจาะ อาทิ เราต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับกาละเทศะ การแต่งกายตรงตามกาละเทศะไม่ใช่เรื่องของชาตินิยม แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมประเพณี อาทิ ไม่มีใครแต่งกายด้วยสีแดงเหลืองเขียว เข้าไปในงานสวดพระอภิธรรมศพหรืองานฌาปนกิจอย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของมารยาทและกาละเทศะ

                    ขณะที่  “มารยาท”  หรือ courtesy หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติหรือการแสดงวาจา ภาษา ท่าทางและพฤติกรรมต่างๆออกมาให้ปรากฎแก่สายตาของผู้คนทั่วไป

                    การรู้กาละเทศะและมีมารยาทไม่จำเป็นต้องมีสมองเลิศเลอจบการศึกษาระดับไหน ไม่ว่าจะเป็นอำมาตย์ เป็นไพร่เป็นเจ้าสัว เป็นผู้ต่อต้านเผด็จการหรือสนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการก็ตาม แต่การมีกาละเทศะและมีมารยาทเป็นไปตามการอบรมสั่งสอนให้บุคคลนั้นเป็นผู้ดีในสังคมไทย วัฒนธรรมไทย

                    ไม้หน้าสาม เข้าใจดีว่า ช่อ-พรรณิการ์ วาณิช คือผู้ทรงเกียรติในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย

                    ดังนั้น วุฒิภาวะจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมี ไม่ใช่แค่วุฒิภาวะเท่านั้น แต่สามัญสำนึกและสติก็ต้องมีอย่างต่อเนื่อง อย่าเป็นคนดีร่างกายครบสามสิบสอง แต่สมองพิการเลย ปวงชนชาวไทยจะไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์และแบบอย่างจากผู้แทนของเขาครับ

                    ท่านผู้ทรงเกียรติที่เป็นผู้หญิงมีมากมายในสภาผู้แทนราษฎรให้คุณช่อ – พรรณิการ์เอาอย่างเลียนแบบ อย่าไปจำภาพกาละกิณีที่เป็นสัมภเวสีอยู่นอกประเทศแล้วเอามาเป็นแบบอย่างเลยครับ

                    มารยาท-กาลเทศะ

                    จำไว้ และท่องให้ขึ้นใจครับ

วรพจน์  แสนประเสริฐ