วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวันอาทิตย์ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาแฟนฟุตบอลทั่วโลกคงเกิดอาการสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง เฉยเมยไปบ้าง เพราะการแข่งขันฟุตบอลลีกสโมสรสำคัญของโลกในหลายประเทศในทวีปยุโรปได้ทราบกันแล้วว่าใครได้รับชัยชนะจนเป็นแชมป์ ใครบ้างทีต้องลงไปเริ่มต้นใหม่ในลีกสโมสรระดับรองลงมาเพื่อก้าวขึ้นไปสู่ลีกสโมสรที่ใหญ่กว่าสร้างรายได้ให้มากกว่า อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกขวัญใจมหาชนของแฟนบอลทั่วโลกที่สุดท้ายทีมชวัญใจมหาชนอย่าง เป็ดย่าง “ลิเวอร์พูล” ก็แค่สร้างสีสันปล่อยให้แฟนบอลพันธุ์แท้พันธุ์ทางที่ตามเชียร์ฝันค้างกับตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษที่ใกล้เคียงที่สุดเป็น ครั้งแรกในรอบ 29 ปีด้วยการปิดฤดูกาลแข่งขัน 2018/2019 แค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลือแค่ลุ้นการปิดฤดูกาลนี้ด้วยการวัดฝีเท้ากับทีมคู่ปรับร่วมลีกอย่าง “ไก่เดือยทอง “-ท็อตแน่มฮอสเปอร์ส ในการชิงชัยถ้วยบิ๊กเอียร์ “ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก” เพื่อความเป็นจ้าวสโมสรยุโรปในวันที่ 1 มิถุนายน 2562 ที่สนามวันดาเมโตรโปลีตาโนในเมืองมาดริด ประเทศสเปน ซึ่งเป็น ครั้งที่ 64 แล้ว
ค่อยมาลุ้นกันว่าเป็ดย่าง-หงส์แดงจะคว้าแชมป์สมัยที่ 6 หรือ ไก่จะตามหลอนแฟนบอลเป็ดย่าง คว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรกันแน่
โอเครล่ะ นั่นมันเรื่องของฟุตบอลสโมสรในประเทศอังกฤษ


หันกลับมาศึกษาและจับตาการเมือง-เศรษฐกิจประเทศไทยหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้วเกือบ 60 วันแล้ว การเมืองไทยยังไม่มีทีท่าว่าพรรคการเมืองไหนจะได้โอกาสกุมบังเหียนรัฐนาวาไทยผ่ามรสุมสงครามเศรษฐกิจโลก เพราะความที่ประชาชนคนไทย สังคมไทยลังเลหลงใหลได้ปลื้มกับวาทกรรมการเมืองของบรรดาตลกบนหลังคารถผลการลงคะแนนเลือกตั้งเลยออกมากั๊กๆแบบบอกไม่ถูกพรรคการเมืองหนึ่งก็อ้างความชอบธรรมในวาทกรรมอ้างความเป็นฝ่ายประชาธิปไตยผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งเข้าสภามามากที่สุด
เป็นโจรใส่สูทในคราบนักการเมืองน้ำดี
ขณะที่นักการเมืองในซีกที่ถูกกล่าวหายัดเยียดให้เป็นฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจ คสช. ก็ยืนยันความถูกต้องชอบธรรมที่ได้เสียงกระแสนิยมหรือที่เรียกว่าคะแนนเสียงมหาชน(ป็อปปูลาร์โหวต)มากที่สุดคือ 8.43 ล้านเสียงจากจำนวนผู้มาใช้เสียงทั้งสิ้น 35.532 ล้านเสียงทิ้งพรรคเพื่อไทยที่ได้รับเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตที่เมื่อรวมคะแนนเป็นคะแนนเสียงมหาชนแล้ว ได้เพียง7.920 ล้านเสียงเท่านั้น
ใครคือผู้ชนะก็แล้วแต่มุมมองแล้วแต่มุมที่จะอ้าง
เรียกว่า “ลิงแก้แหแถสีข้างถลอก”ว่างั้นเถอะ!!
แต่จนถึงวันนี้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผ่านไปตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. ตามความอยากของนักการเมืองผู้อดอยากกระสันที่จะหากินกับงบประมาณประเทศไทย
ต่างฝ่ายต่างหาวาทกรรมหาความชอบธรรม ก็ไม่สามารถตั้งรัฐบาล ไม่สามารถกำหนดชี้ชัดได้ว่า ใครจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กุมบังเหียนรัฐนาวาลำนี้ให้ล่องลอยไปข้างหน้าอย่างมีอนาคตและจุดหมายได้
จนถึงวันนี้นาทีวินาทีนี้ยังไม่มีใครชี้ชัดลงไปได้ว่า กลุ่มก๊วนไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งน่าจะเป็นรัฐบาลที่เป็นที่พึ่งของประชาชน
กระทั่งล่าสุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง การเมืองปัจจุบัน กับ ความสุขของประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,295 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่าง วันที่ 1 – 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.9 ระบุ การเมืองปัจจุบันส่งผลกระทบทำลายความสุขของประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 10.1 ระบุไม่ทำลาย และที่น่าเป็นห่วงคือ จำนวนมากหรือร้อยละ 42.6 ระบุ ระดับความขัดแย้งทางการเมืองเปรียบเทียบกับช่วงเวลาการชุมนุมประท้วงในปี 2557 เพิ่มขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 39.5 ระบุเท่าเดิม และร้อยละ 17.9 ระบุลดลง
หากจะพูดถึงกรณีความขัดแย้งที่ผลสำรวจถูกระบุว่าจำนวนตัวอย่างการสำรวจในหัวข้อที่ว่าการเมืองปัจจุบันกับความสุขของประชาชนส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 89.9 รู้สึกว่าการเมืองปัจจุบันส่งผลกระทบทำลายความสุขของประชาชน ทั้งผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ตัวอย่างข้อมูลกว่าร้อยละ 42.6 เห็นว่าระดับความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันสูงขึ้นเมื่อเทียบกับระดับความขัดแย้งทางการเมืองเมื่อช่วงการชุมนุมของกลุ่มกปปส.ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.และหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย และช่วงก่อนการทำรัฐประหารของคสช.โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2557 แน่นอน เรื่องนี้มีผลมาจากการประกาศแบ่งฝักแบ่งฝ่ายว่า ฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายนิยมเผด็จการสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร (คสช.) มาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง กระทั่งหลังการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล
สอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนของมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิตที่สรุปผลว่า ข้อมูลตัวอย่างการสำรวจจำนวน 50.12% ต้องการให้นักการเมืองหลังการเลือกตั้งเป็นนักการเมืองที่ดี ทำตามหน้าที่ รักษาสัญญา ขณะที่ร้อยละ 31.43 อยากให้ทุกฝ่ายยุติการทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้ายป้ายสี โจมตีกันไปมาและ21.48% ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม ร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า ขณะที่ 17.51% ต้องการเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ดูแลเอาใจใส่ประชาชน ส่วน9.35 % เคารพกฏหมาย ยึดหลักประชาธิปไตย
ในการเมืองปัจจุบันนี้ฝ่ายที่พยายามเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ยังจับมือกันแน่นและพยายามเจราจาหว่านล้อมพรรคการเมืองอื่นๆให้มาสนับสนุนตนเองให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซีกนี้ต้องยอมรับว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยทั้งสามคน ไม่ว่าจะเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติศิริ และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่มีใครได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.เลยสักคน
จึงเกิดคำถามว่า อย่างนี้คือการเอาคนที่ไม่ได้เป็นส.ส.มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่
เรียกกันง่ายๆก็คือ นายกรัฐมนตรีคนนอก
หากย้อนไปดูการเคลื่อนไหวทางการเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 หรือเมื่อ 27 ปีที่ผ่านมาแล้ว
ยุคทมิฬทางการเมืองที่มีประชาชนผู้บริสุทธิ์สังเวยความตระบัดสัตย์ของนักการเมืองกับวาทกรรมทหารใหญ่รหัส 0413 "เสียสัตย์เพื่อชาติ"
ตั้งแต่ยุครัฐประหารรสช.ที่มี บิ๊กสุ-พลเอกสุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ.บิ๊กจ๊อด-พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผบ.สส. บิ๊กเต้-พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผบ.ทอ.และ บิ๊กตุ๋ย-พลเอกอิสรพงษ์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทบ.นายทหารจปร.5 รุ่นรหัส 0413 เป็นผู้นำการรัฐประหารรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาซึ่งในรัฐธรรมนูญ ปี 2534ได้บัญญัติเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ ทำให้ พลเอกสุจินดา คราประยูร ต้องตระบัดสัตย์สร้างวาทกรรมการเมืองเสียสัตย์เพื่อชาติ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกระแสเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส.เท่านั้น ซึ่งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่สนับสนุน พลเอกสุจินดา ตระบัดสัตย์เพื่อชาติก็ร่วมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากส.ส.ด้วยเช่นกัน
5 พรรคการเมืองที่เป็น "พรรคมาร"สนับสนุนให้พลเอกสุจินดาคราประยูร ตระบัดสัตย์เพื่อชาติประกอบด้วยพรรคสามัคคีธรรมของเสี่ยโอน-พ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ พรรค ชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปะอาชา พรรคกิจสังคมของนายมนตรี พงษ์พานิช พรรคประชากรไทนของนายสมัคร สุนทรเวช และพรรคราษฎรของพลเอกเทียนชัย สิริสัมพันธุ์ ซึ่งหัวหน้าพรรคมารทั้ง 5 พรรคนี้ ส่วนใหญ่ถึงแก่อสัญกรรมหมดแล้ว ยกเว้นพลเอกเทียนชัยเท่านั้น ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายเทพครั้งนั้นประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พรรคประชาธิปัตย์ของนายชวน หลีกภัยพรรคพลังธรรมของพลตรีจำลอง ศรีเมือง และพรรคเอกภาพของนายอุทัย พิมพ์ใจชน ส่วนส.ส.ในครั้งนั้น ทั้งพรรคการเมืองฝ่ายเทพและฝ่ายมารที่ยังคงเล่นการเมืองมาจนถึงการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 มีใครบ้างนั้นคงต้องหารายชื่อส่ำสัตว์เหล่านั้นในกูเกิ้ลแหละถึงจะทราบทั้งหมด
สำหรับสาเหตุที่พลเอกสุจินดาต้องตระบัดสัตย์เพื่อชาติ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนั้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535 เสี่ยโอน—พ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมที่ชนะการเลือกตั้งโดยลูกพรรคสามารถกวาดที่นั่งในสภาได้ถึง 79 ที่นั่งเหนือ พรรคชาติไทยของนายบรรหารที่ได้ 74 ที่นั่งชนะ พรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธที่ได้ 74 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ของนายชวน หลีกภัยที่ได้ 44 ที่นั่งสามารถรวบรวมผู้สนับสนุนในสภาได้เกินกว่าครึ่งหนึ่ง (จากพรรคสามัคคีธรรม 79 ที่นั่ง พรรคชาติไทย 74 ที่นั่ง พรรคกิจสังคม 31 ที่นั่งพรรคประชากรไทย 7 ที่นั่ง พรรคราษฏร 4 ที่นั่งพรรคมวลชนของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และพรรคปวงชนชาวไทย ของพ.ต.พล เริงประเสริฐวิทย์อีกพรรคละ 1 คนรวมแล้ว 197 เสียง)ซึ่งขณะนั้นจำนวนส.ส.ในสภามีทั้งสิ้น 360 คนตั้งรัฐบาลได้
แต่เสี่ยโอน-พ่อเลี้ยงณรงค์ ติดปัญหาส่วนตัวเนื่องจากถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำจากความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติดทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จึงได้ทำการขัดหลักการประชาธิปไตยโดยเอาพลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบกที่ไม่ได้ลงสมัตรส.ส.ไม่ผ่านการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎรมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางการต่อต้านของประชาชน นิสิตนักศึกษา นำโดย พลตรีจำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม , ร้อยตรี ฉลาด วรฉัตร อดีตส.ส.ตราด พรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล เลขาธิการสนนท.(สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ) นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดีตสมาชิกวุฒิสภาและนักสิทธิมนุษยชน ซึ่งปฏิบัติงานช่วยเหลือเด็กยากไร้ในชุมชนคลองเคย และผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป นายแพทย์เหวง โตจิราการหรือ"สหายเข้ม" เมื่อครั้งเคลื่อนไหวร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และเป็นแกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิน มูลนิธิหมอชาวบ้าน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ผู้นำสมาพันธุ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธุ์ เริ่มต้นด้วยการอดข้าวอดน้ำประท้วงอยู่หน้าอาคารรัฐสภา จากนั้นนับจากวันที่ 16 พฤษภาคม 2535การชุมนุมประท้วงได้ขยายตัวเพิ่มจำนวนผู้ต่อต้านการตระบัดสัตย์เพื่อชาติของพลเอกสุจินดา คราประยูรมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง จึงมีการให้ฉายาม็อบนี้ว่าม็อบมือถือ เนื่องจากผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ไปเช้า-เย็นกลับและติดต่อสื่อสารรวมตัวกันผ่านทางมือถือที่เพิ่งเข้ามามีบทบาทด้านการสื่อสารในประเทศไทย เหตุการณ์ชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกสุจินดาเริ่มเคลื่อนทหารเข้ามาประจำในกรุงเทพมหานครมากขึ้นเป็นลำดับ กระทั่งมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนผู้ชุมนุมประท้วงกับเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจบริเวณถนนราชดำเนินกลางจนรัฐบาลต้องสั่งให้มีการสลายการชุมนุมทำให้ประชาชนเกิดการบาดเจ็บล้มตาย เกิดการจลาจลในกรุงเทพมหานคร กระทั่งค่ำคืนของวันที่ 19 พฤษภาคม 2535 พลเอกสุจินดาได้ออกแถลงการณ์ว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบไว้ได้หมดแล้ว แต่ก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยอ้างว่าเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมประท้วง



จำได้ว่านักการเมืองหลายคนที่ปัจจุบันที่อยู่ในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองครั้งนั้นสวมสูทนักการเมืองพรรคเทพเคยขึ้นเวทีปราศรัยคัดค้านการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา คราประยูรที่เป็นคนนอกที่ไม่ผ่านการเลือกตั้งร่วมกับนักการเมืองพรรคมารที่เคยทรยศต่ออุดมการณ์นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยสนับสนุนคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนักการเมืองเหล่านั้นหลายคนมีโอกาสเข้าไปนั่งในรัฐสภาอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ผ่านไป และกำลังสนับสนุนบุคคลที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแข่งกับนายทหารที่ทำการรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนที่คอร์รัปชั่นผลาญงบประมาณประเทศอย่างย่อยยับมากมาย จนถูกประชาชน เกษตรกรชาวนาเดินขบวนครั้งใหญ่ขับไล่ออกจากตำแหน่ง แต่คนเหล่านั้นหามีสามัญสำนึกกับการสร้างหายนะทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศชาติขัดขืนต่อสู้ยื้อเวลาอยู่ในตำแหน่งกระทั่งทหารต้องมายึดอำนาจการปกครอง และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่ำสัตว์เหล่านั้นส่วนหนึ่งก็ได้กลับเข้ามารัฐสภาและกำลังจะสนับสนุนให้เกิดนายกรัฐมนตรีคนนอก ทั้งที่ในเวลานี้นักการเมืองอีกซีกที่ถูกยัดเยียดว่านิยมเผด็จการและต้องการสืบทอดอำนาจคสช.แต่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นส.ส.กลับถูกกีดกันและโจมตีตลอดเวลากระทั่งคนในชาติจากข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพลล์ ไม่มีความสุข และเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งจนอาจเลยเถิดไปสู่ความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อหลังการเลือกตั้ง 22 มีนาคม 2535 จนได้นายกรัฐมนตรีคนนอกที่ตระบัดสัตย์เพื่อชาติ ซึ่งข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นจำนวน ร้อยละ 89.9 ระบุว่าสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันกระทบความสุขของประชาชน
จนถึงเวลานี้การแย่งชิงจ่าฝูงเพื่อก้าวไปสู่แกนนำการจัดตั้งรัฐบาลคงคล้ายกับการชิงแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษที่จบสิ้นไปแล้ว ระหว่างฝ่ายที่พยายามบอกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.คณะนายทหารที่เข้ามายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนเมื่อปี 2557 ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่แต่ผลักดันให้คนนอกสภาแต่อยู้ใต้อุ้งกลุ่มอำนาจเก่าขึ้นมาชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีผู้นำรัฐบาล กับกลุ่มที่ถูกอีกฟากตราหน้าว่าสนับสนุนการสืบทอดอำนาจทหารฝ่ายเผด็จการภายใต้การนำของพรรคพลังประชารัฐและพรรคการเมืองน้อยใหญ่อีกจำนวนหนึ่งเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรี หรือให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขึ้นมาให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาก็ยังได้ผู้นำประเทศในหลักการประชาธิปไตยอยู่ดี
ฉะนั้นอย่าแปลกใจกับผลการสำรวจความคิดเห็นกรณีความสุขประชาชนกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเลย เพราะทุกคนย้อนวันเวลาไปสู่อดีตจากพฤติกรรมการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
บังเอิญใกล้จะถึงวันรำลึกเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เลยต้องนำมาย้อนความทรงจำนักการเมืองบางคนอีกครั้ง
ย้อนพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ส่ำสัตว์ที่แต่งตัวใส่สูทผูกไทค์เป็นผู้ดีทั้งที่จิตใจโสมมไม่ต่างจากโจร
เพราะนักการเมืองในยุคนั้นก็เป็นนักการเมืองในยุคนี้แถมบางคนยังเป็นแกนนำอีกต่างหาก
แต่ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าโจรใส่สูทที่เป็นักการเมืองคงตระบัดสัตย์เพื่อตัวเองมากกว่า
หรือบางทีตระบัดสัตย์เพื่อไม่ต้องอดอยากไปเป็นฝ่ายค้าน
อย่างนักการเมืองอาวุโสในพรรคเพื่อไทยเคยลั่นวาจาไว้...อย่างแน่นอน!!!
แม้การเมืองไทยขณะนี้ยังไม่ถึทางตันไม่ถึงจุดเดือดอย่างเหตุการณ์หลังการเลือกตั้ง 22 มีนาคม 2535ก็ตาม แต่การยื้อแย่งการแข็งกร้าวเพื่อชิงอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินถึงขนาดประกาศชัดของนายธนาทร จึงรุ่งเรืองกิจและพรรคอนาคตใหม่ที่ระบุชัดเจนว่า "ไม่มีวันยอมแพ้เผด็จการ"ก็น่าจะทำให้การเมืองเกมนี้ดูจะอึมครึมและรอเวลาระเบิดออกมาเท่านั้น

วรพจน์ แสนประเสริฐ

เปิดแผน บริการ ระบบขนส่งสาธารณะ วันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.นี้
มีเรื่องเล่าเมื่อ 20 ปีก่อน! 'ดร.ธรณ์' เปิดความทรงจำที่ภูพิงค์ เข้าเฝ้า'พระพันปีหลวง' หลังเหตุสึนามิ
‘อนุทิน’ถึงมาเลเซียแล้ว เตรียมร่วมพิธีเปิดประชุมสุดยอดอาเซียนพรุ่งนี้
'บอดี้สแลม'ยืนถวายอาลัย 'สมเด็จพระพันปีหลวง'ก่อนแสดง (คลิป)
นครบาลเผยเส้นทางเลี่ยง เคลื่อนพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' สู่พระบรมมหาราชวัง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี