ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ อ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงิน โดยอัยการคดีพิเศษที่ 4 ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นจำเลยความผิดฐานฟอกเงิน
เรื่องของเรื่องก็คือ บริษัทกฤษฎามหานครกู้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด ประมาณ หมื่นล้านบาทโดยที่ไม่ชอบมาพากลนัก จนทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารติดคุกอยู่หลายคนในขณะนี้ ขณะเดียวกันมีเศษเงินจำนวนหนึ่ง ไปอยู่ในบัญชีของพ่อนักการเมือฝ่ายรัฐบาลขณะนั้น (รัฐบาลทักษิณ) และบัญชีของนายพานทองแท้
คณะกรรมการที่ตรวจสอบเชื่อว่าเศษเงินที่ปลิวมาเข้าบัญชีนายพานทองแท้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของค่าตอบแทน ที่บิ๊กบอส สั่งการให้กรุงไทยปล่อยให้บริษัทกฤษฎามหานครกู้
คณะกรรมการตรวจสอบส่งเรื่องให้ ปปช. ปปช. ส่งต่อให้อัยการ
หลังจากคณะกรรมการต่างๆ ต่างใช้เวลาตรวจสอบโอ้เอ้ศาลารายมาเป็นเวลานาน ก็ส่งฟ้องศาล
ศาลอ่านคำพิพากษา มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งจำเลยต่อสู้คดีว่า หลังจากกู้เงินจากธนาคารกรุงไทยแล้ว นายวิชัยได้นำเงินไปซื้อหุ้นและดำเนินการต่างๆ โดย 10 ล้านบาทโอนเข้าบัญชีจำเลยป็นส่วนที่นายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย จะร่วมลงทุนกับจำเลย ในการทำธุรกิจนำเข้ารถหรู
ศาลเห็นว่า เงินดังกล่าวเป็นส่วนที่ได้จากการกระทำความผิดมูลฐานตาม พรบ การฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (4) ความผิดเกี่ยวกับการยักยอกหรือฉ้อโกงหรือกระทำการโดยทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยารธนาคารพาณิย์ ไม่ว่าเงินนั้นจะแปรสภาพป็นทรัพย์สินมากี่ครั้งกี่หน ก็ยังคงเป็นกระทำความผิดฐานฟอกเงินตลอดไป ไม่ใช่เงินบริสุทธิ์ตามที่จำเลยอ้าง ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนัก
ส่วนจำเลย กระทำความผิดฐานรับโอนเงินจากการกระทำความผิด ตามกฎหมายต้องได้ความชัดเจนว่า ผู้ที่รับโอนมาต้องรับทราบว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ข้อเท็จจริงได้จากการนำสืบจำเลยเป็นบุตรนายทักษิณซึ่งเป็นนายก ขณะที่นายวิชัยกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำเลยสนิสนมกับนายรัชฎาบุตรนายวิชัย นายวิชัยจะทำความผิดหรือไม่ คดียังไม่ตัดสิน
ขณะมีการโอนเงินเข้าบัญชีจำเลย จำเลยเพิ่งเรียนจบจากรามคำแหง มีทรัพย์สินอยู่แล้ว 4 พันล้านบาท เงินที่โอนเข้ามา 10 ล้านเพียง น้อยนิด0.0025 % หรือเทียบกับเงินกู้หมื่นล้านเพียง 0.001 %
จำเลยย่อมไม่ทราบว่าเป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิด
ศาลยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะความเห็นอีกฝ่ายให้จำคุก 4 ปี แต่อีกฝ่ายยกประโยชน์ให้
คำพิพากษาต้องเป็นคุณแก่ฝ่ายจำเลย
ด้วยความเคารพต่อศาล เห็นว่าคดีนี้อัยการสมควรที่จะอุทธรณ์ ทั้งนี้เพราะขณะเกิดเหตุจำเลยอายุ 26 ปี บรรลุนิติภาวะ เป็นบัณทิตย์รัฐศาสตร์ รู้ผิด รู้ดี รู้ชั่ว อย่าเอาเงิน 10 ล้านบาทไปเทียบกับเงิน 4 พันล้านบาท หรือ หมื่นล้านบาท ว่าเป็นเงินน้อยนิด
เงินมาก เงินน้อย ถ้าเกิดจากการกระทำความผิดมันก็ต้องติดคุก
และอย่าคิดว่าคนมีเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้านแล้วมันจะไม่โกง เริ่มต้นของการมีเงิน นั่นก็มาจากการละโมบโลภมาก แสวงหาความร่ำรวย เอารัดเอาเปรียบ ค้ากำไรเกินควรหรือผูกขาดแล้ว
เป็นอย่างนี้ทุกรายครับ ศาลที่เคารพ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี