เมืองไทยที่ไม่เจริญเท่าที่ควร เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยแยกดีแยกชั่วไม่ได้
ทั้งนักการเมือง และกองเชียร์ที่สนับสนุนนักการเมือง
ยกตัวอย่างนักการเมืองแค่ ๒ พวกใหญ่ ๆ คือพวกที่มาจากการรัฐประหาร พูดให้ชัดคือ พวกบิ๊กตู่ บิ๊กป้อม กับพวกที่อยู่ใต้อิทธิพลของทักษิณ พูดให้ชัดคือ พวกพรรคเพื่อไทย
สองพวกนี้รวมทั้งบริษัทบริวารและกองเชียร์ของพวกเขา คือตัวอย่างรูปธรรมที่ชัดแจ้งที่สุด ไม่นับกลุ่มรอง ๆ อื่น ๆ บนเวทีการเมืองไทยวันนี้
บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม แม้ปัจจุบันจะแยกทางกันเดินในความพยายามที่จะอยู่ในอำนาจรัฐต่อ และมีดีกรีที่ไม่เท่ากันในท่าทีที่มีต่อพฤติกรรมการโกงกินของทักษิณ แต่ในอดีตทั้งสองคนนี้เคยสร้างทั้งคุณงามความดีและความเคลือบแคลงสงสัยให้สังคม
ไม่พูดถึงเรื่องที่อยู่ในอำนาจติดต่อกันมากว่า 8 ปี แต่ไม่สามารถทำตามสัญญาอะไรได้ แต่พูดเฉพาะเรื่องที่สังคมตั้งข้อสงสัย ตั้งแต่เรื่องเลี้ยงโต๊ะจีนตอนตั้งพรรค เรื่องแหวนมารดานาฬิกาเพื่อน เรื่องการประกอบธุรกิจของเครือญาติที่มีพฤติกรรมอันสังคมรับไม่ได้ มาจนถึงเรื่องการสอบสวนโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคนที่สังคมมีเครื่องหมายคำถามว่าจะเป็นการชิงเก็บหลักฐานบางอย่างอะไรหรือเปล่า
ถ้าต้องการให้การเมืองไทยสะอาดบริสุทธิ์ นักการเมืองที่ถูกกล่าวหามากมายถึงขนาดนี้ แม้ไม่ผิด ต้องออกจากการเมืองก่อน พิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อน ต้องมีจิตสำนึก มีมโนธรรมที่จะทำในสิ่งนี้เหมือนประเทศที่การเมืองเจริญแล้วเขาทำกัน
แต่นี่ประเทศไทย เหตุการณ์จึงมิได้เป็นเช่นนั้น นอกจากนักการเมืองขาดจิตสำนึก ไม่ยอมรับกับความด่างพร้อยที่เกิดขึ้นแล้วยังพยายามทุกอย่างที่จะให้ตนสามารถอยู่ในอำนาจต่อให้นานแสนนาน กองเชียร์นักการเมืองก็แยกดีแยกชั่วไม่ออก แยกออกแต่เพียงว่า นี่พวกกู กูต้องปกป้อง กูต้องเชียร์ กูต้องสนับสนุนให้มันอยู่ในอำนาจต่อ
ส่วนพวกที่อยู่ใต้อิทธิพลของทักษิณ หรือพวกพรรคเพื่อไทยนั้น แม้รู้ทั้งรู้ว่าทักษิณมันโกง มันเจ้าเล่ห์ ยุให้คนไปต่อสู้ให้มัน ทำเพื่อมัน ติดคุกแทนมัน ก็ยังพร้อมที่จะสยบ เป็นบริษัทบริวารของมัน เป็นทาสรับใช้มัน ยอมกระทั่งเดินกุมเป้ากางเกงตามก้นเด็กเมื่อวานซืนที่ไม่เคยเล่นการเมือง ไม่ประสีประสาอะไรกับการเมืองนอกจากออกมาแก้ต่างแก้ตัวให้พ่อที่โกงจนต้องหนีคุกของมัน ยอมขายเกีรติยศศักดิ์ศรีของความเป็นนักการเมือง ยกให้เด็กเมื่อวานซืนเป็นหัวหน้าครอบครัวการเมืองของตน เพียงเพราะพ่อมันรวย เงินมันหนา กองเชียร์กลุ่มนี้ มันก็เชียร์กันจนหูดับตับไหม้ ไม่สรุปบทเรียนว่าเคยหลับหูหลับตาเชียร์จนได้คนเอ๋อ ๆ มาเป็นผู้นำประเทศแล้ว
นี่สะท้อนให้เห็นว่า เมืองไทยเรา คนไทยเราแยกดีแยกชั่วไม่เป็น แยกเป็นแต่พวกมึง พวกกู เท่านั้นเอง
ถ้าบริบทของสังคมการเมืองไทยเป็นเช่นนี้ อย่าหวังเลยว่าจะเห็นความเจริญเติบโตของบ้านเมือง
พูดเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าสังคมไทยไม่มีคนดี ตรงกันข้าม มี มีมากพอสมควรด้วย แต่คนดี ๆ เหล่านี้ เขาเห็นสภาพแวดล้อมของการเมืองเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่อยากเปลืองตัว ทั้งไม่มีแรงพอที่จะมาต่อสู้ให้กับบ้านเมืองในระบบการเมืองแบบนี้ได้
เมืองไทยคงอีกนาน กว่าประชาชนส่วนใหญ่จะตื่นตัวทางจริยธรรม และมีจิตสำนึกพอที่จะไม่ยอมให้นักการเมืองเลวทั้งหลาย ที่ไม่บริสุทธิ์สะอาด ไม่ว่าจะมาภายใต้หน้ากากคนดี หรือหน้ากากประชาธิปไตย มีที่ยืนอยู่บนเวทีการเมืองได้..... เวทีการเมืองที่ต้องการคนที่ไม่มีประวัติแปดเปื้อนไม่เข้ามากอบโกยโกงกิน และพร้อมจะอุทิศตนเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๒๑ มกราคม ๒๕๖๖
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี