บาดเจ็บพุ่ง1,200คน
ผวาสิ้นโลก
อุกาบาตถล่มรัสเซีย
รุนแรงกว่าปรมาณูฮิโรชิมา20เท่า
“ปูติน”ส่งกองทัพช่วยชาวบ้าน
ห้ามแตะต้องวัตถุแปลกปลอม
ความคืบหน้าเหตุการณ์อุกกาบาต เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูงถึง 54,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนแตกกระจายเป็นสะเก็ดร่วงลงบริเวณเทือกเขาอูราล ทางตอนกลางของรัสเซีย เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ว่า จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 1,000 คนแล้ว ขณะที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มตื่นตระหนกว่า การมาเยือนของอุกกาบาตอาจเป็นลางบอกเหตุของวันสิ้นโลก ครั้งใหม่
บรรดาผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนกล่าวตรงกันว่า ลูกไฟดวงใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่บริเวณทะเลสาบที่เป็นน้ำแข็ง แถบชานเมือง ท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใส หลังจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และแรงสั่นสะเทือนเข้ามากระทบอย่างรุนแรง
ยอดเจ็บพุ่ง รวมกว่า1.2พันคน
ทั้งนี้ ทางการรัสเซียได้รับรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็นกว่า 1,200 คน ส่วนใหญ่มีบาดแผลตามร่างกายจากการถูกเศษกระจกบาด ซึ่งเกิดจากการได้รับพลังงาน และคลื่นสั่นสะเทือนความถี่สูงของอุกกาบาต นอกจากนี้ ยังมีรายงานบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ได้รับความเสียหายกว่า 3,000 แห่ง
ปูติน สั่งระดมช่วยเหลือประชาชน
แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทยรัสเซีย ระบุว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งการด่วนให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย ทหาร กว่า 20,000 คน กระจายกำลังลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในแคว้นเชลยาบินสก์ ทางภาคกลางของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับความเสียหายจากอุกกาบาตมากที่สุด พร้อมกับยอมรับว่า เขารู้สึกโล่งใจที่ลูกอุกกาบาตไม่ตกในย่านที่มีประชาชนอยู่อาศัย
ส่วนสมาคมวิทยาศาสตร์รัสเซียเปิดเผยว่า อุกกาบาตดังกล่าว เคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก และแตกออกจากกันราว 30-50 กม. เหนือพื้นโลก ก่อให้เกิดพลังงานหลายกิโลตัน หรือเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูขนาดย่อมๆ
เตือน อย่าเข้าใกล้สะเก็ดอุกกาบาต
ด้าน กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียแถลงว่า รัฐบาลรัสเซียขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่แถบเทือกเขาอูราลทางตอนกลางของประเทศว่า อย่าเข้าไปใกล้วัตถุแปลกปลอมเป็นสะเก็ดของอุกกาบาต หลังจากได้รับรายงานจากประชาชนหลายคนที่แจ้งเข้ามาว่า พบบางอย่างผิดปกติ
เผยภาพจุดตก เกิดหลุมกว้าง8ม.
ขณะที่ ภาพข่าวทางโทรทัศน์ที่ถ่ายไว้ที่ทะเลสาบเชบาร์กุล ห่างจากตัวเมืองเชลยาบินสค์ 60 กม.พบหลุมรูปทรงกลมขนาดใหญ่อยู่บนพื้นน้ำแข็ง ซึ่งตำรวจบอกว่า เกิดจากอุกกาบาต ส่วนชาวประมงท้องถิ่นบอกว่า เห็นลูกอุกกาบาต ตกลงมาก่อนที่จะแยกเป็น 7 ชิ้นส่วน หนึ่งในนั้นตกลงบนฝั่งตรงข้ามกับเมืองเชบาร์กุล กระแทกกับแท่งน้ำแข็งน้ำและไอน้ำ ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 เมตร ตำรวจได้ปิดล้อมพื้นที่ และทำการตรวจกัมมันตภาพรังสี พบว่า อยู่ในระดับปกติ ทั้งนี้ มีบางเว็บไซต์ลงโฆษณาเสนอที่จะขอซื้อสะเก็ดอุกกาบาตจากเมืองเชบาร์กุลด้วย นาซา เผย
แรงกว่านิวเคลียร์ฮิโรชิมา20เท่า
ทางด้าน นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ (นาซา ) กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มเกิดขึ้นแค่ในทุก 100 ปีเท่านั้น โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2451 ที่เมืองทันกัสคา ของรัสเซียเช่นกัน ส่วนการระเบิดของอุกกาบาตครั้งนี้มีความรุนแรงเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นที 300,000 ตัน และรุนแรงกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 20 เท่า
ผวา“จุดจบ”โลกรอบใหม่!
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ชาวรัสเซียจำนวนไม่น้อยยังคงอยู่ในอารมณ์ตื่นกลัวและหวาดผวา ประชาชนบางส่วนพากันนึกถึงคำพยากรณ์ของนักบุญมาลาไค และนอสตราดามุส เมื่อกว่า 400 ปีก่อน ที่ระบุตรงกันว่า คริสตจักรนิกายโรมันแคทอลิกจะมีสมเด็จพระสันตะปาปา 112 พระองค์ และก่อนถึง“จุดจบ”โลกจะมีสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์สุดท้ายจะเป็นชาวโรมัน หรือชาวยุโรป
โดยคำทำนายดังกล่าวสอดคล้องกับการประกาศสละตำแหน่งของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 111 และเป็นชาวเยอรมัน ทำให้ชาวแคทอลิกจำนวนไม่น้อยเริ่มหวั่นเกรงคำว่า “จุดจบ”ในคำทำนายอาจหมายถึงการสิ้นโลก และการที่อุกกาบาตเดินทางมาเยือนโลกอาจเป็นลางบอกเหตุเริ่มต้น
นักวิทย์ฯไทยชี้ อุกกาบาตขนาดเล็ก
ทางด้าน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) ชี้แจงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีเหตุระเบิดประหลาดเหนือท้องฟ้าของประเทศรัสเซียว่า จากการดูคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่าเป็นอุกกาบาตขนาดเล็กที่หลุดเข้ามาในวงโคจรของโลก และระเบิดในบรรยากาศโลกทำให้เห็นเป็นแสงสว่างวาบ
ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า อุกกาบาตขนาดเล็กนี้เข้ามาสู่บรรยากาศด้วยความเร็วที่มากกว่าเสียง ทำให้สังเกตเห็นภาพแสงขาวๆ พุ่งพาดผ่านท้องฟ้าก่อนที่จะมีเสียง และคลื่นกระแทกตามมา และเนื่องจากอุกกาบาตชิ้นนี้ระเบิดในบรรยากาศ จึงยังไม่พบรายงานว่ามีผู้พบเห็นเศษชิ้นส่วนของอุกกาบาตนี้ ทั้งนี้ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าวัตถุนี้คืออะไรจนกว่าจะนำชิ้นส่วนมาศึกษาวิเคราะห์หาองค์ประกอบและที่มาของวัตถุดังกล่าว
เล็ดลอดระบบตรวจจับนาซา
“ตามปกติแล้วจะมีอุกกาบาตขนาดเล็กหลุดเข้ามาในบรรยากาศของโลกทุกๆ วัน โดยทั่วไปไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ แต่ในครั้งนี้วัตถุนี้อาจมีขนาดใหญ่กว่าและมีมวลรวมหลายตัน เมื่อเข้ามาในบรรยากาศโลกด้วยความเร็วสูง จึงเกิดการระเบิดเหนือพื้นโลก 20-30 กม. เห็นแสงสว่างวาบและมีเสียงระเบิดตามมาเป็นระลอกในภายหลัง และถึงแม้ว่าจะมีโครงการเฝ้าระวังวัตถุใกล้โลกของ NASA และหลายหน่วยงาน ที่คอยติดตามวัตถุในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถตรวจจับวัตถุที่มีขนาดเล็กๆ ที่อาจมีวงโคจรที่ผ่านเข้าใกล้โลกได้ทั้งหมด เนื่องจากมีความสว่างน้อย และมีจำนวนมากนับล้านวัตถุ” ดร.ศรัณย์ กล่าว
ไม่เกี่ยวดาวเคราะห์น้อย2012DA14
รอง ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับวันที่องค์การ NASA ของสหรัฐฯ ได้คำนวณการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 ว่าจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในระยะประมาณ 27,700 กม.ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ตามเวลาประเทศไทย แต่ขอยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันเนื่องจากอุกกาบาตเล็กที่ตกที่รัสเซียโคจรจากทางทิศเหนือไปทิศใต้ ส่วนดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 โคจรจากทิศใต้ไปทิศเหนือ และมีระยะห่างของสองวัตถุหลายแสน กม.
นักดาราศาสตร์-นักวิจัยเฝ้าเก็บภาพ
ทั้งนี้ ทีมนักดาราศาสตร์ และนักวิจัยของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาด 2.4 เมตร ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ติดตามการโคจรมาใกล้โลกของดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากในขณะที่ดาวเคราะห์น้อยโคจรมาใกล้โลกที่สุดจะอยู่เหนือฟากฟ้าของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับเหตุการณ์เคราะห์น้อย 2012 DA14 เดินทางผ่านโลก ในเวลาประมาณ 02.24 น. ของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ น ทางสมาคมดาราศาสตร์ไทย นำโดย นายพรชัย อมรศรีจิรทร กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย พร้อมคณะรวม 6 คน ได้ตั้งกล้องขนาด 5 นิ้ว เพื่อบันทึกภาพอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 1.30-05.30 น. ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จ.สระบุรี
ถ่ายลำบาก เหตุขนาดเล็ก-แสงน้อย
ทั้งนี้ ในการถ่ายดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 ค่อนข้างจะเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากดาวเคราะห์น้อยมีขนาดเล็ก เคลื่อนที่เร็ว และมีความสว่างน้อย เพียงระดับ 7 ในขณะที่ดาวสว่างน้อยที่สุดที่ตาคนมองเห็นได้คือ 6 ส่วนดาวบนท้องฟ้าสว่าง เฉลี่ย 3-4 ส่วนซีรุอุสหรือดาวโจรสว่างที่สุดบนท้องคือ -1 (ไม่นับดวงจันทร์และดวงอาทิตย์)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี