20 มิ.ย.62 เว็บไซต์ นสพ. The Japan Times เสนอรายงานพิเศษ "The fate of Japan, and everyone else" เมื่อ 18 มิ.ย. 2562 ระบุว่า ญี่ปุ่นกำลังเผชิญปัญหาประชากรวัยแรงงานที่ลดลงสวนทางกับจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น กระทบต่อรายจ่ายของรัฐบาลด้านบำนาญและสวัสดิการด้านสุขภาพ และเมื่อประกอบกับการไม่ค่อยอยากต้อนรับแรงงานต่างด้าว ในระยะยาวภาคธุรกิจของญี่ปุ่นยากที่จะไปต่อได้
ย้อนไปเมื่อทศวรรษ 1980s (ปี 2523 - 2532) ญี่ปุ่นเคยถูกคาดหมายว่าอาจจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกา ขึ้นไปเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก ด้วยศักยภาพที่เต็มเปี่ยมทั้งอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ยานยนต์ ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้า - อิเล็กทรอนิกส์ แต่นั่นคือเรื่องของอดีต ปัจจุบันแม้ญี่ปุ่นจะมีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐและจีน แต่ทุกอย่างไม่เหมือนเมื่อ 3 ทศวรรษก่อนอีกต่อไป
ข้อมูลในปี 2559 พบว่าหญิงชาวญี่ปุ่นมีบุตรเฉลี่ยเพียง 1.4 คน น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) อันเป็นเครือข่ายของประเทศพัฒนาแล้วซึ่งอยู่ที่ 1.7 คน และน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานคือแม่ 1 คน ควรมีลูก 2.1 คน จึงจะมีประชากรรุ่นใหม่เพียงพอมาทดแทนรุ่นก่อนหน้าได้ นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนคนตายมีมากกว่าคนเกิดตั้งแต่ปี 2550 และคาดว่าในทศวรรษ 2030s (ปี 2573 - 2582) ประชากรชาวญี่ปุ่นจะหายไปถึง 8.2 ล้านคน หรือเท่ากับการสูญเสียประชากรทั้งหมดในกรุงโตเกียว
ไม่เพียงเท่านั้น หากเทียบสัดส่วนประชากรวัยแรงงาน (อายุ 20 - 64 ปี) กับวัยเกษียณ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) ปัจจุบันคนวัยทำงาน 2 คน เลี้ยงคนชรา 1 คน แต่ในปี 2593 จะเหลือคนวัยทำงาน 1.3 คน เลี้ยงคนชรา 1 คน และในปีดังกล่าวกำลังแรงงานในญี่ปุ่นจะหายไปถึงร้อยละ 25 สิ่งเหล่านี้คงไม่เกินจริงหากจะเรียกมันว่า "วันโลกาวินาศ (Doomsday)" ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เพราะตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา รายจ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมร้อยละ 11 ของผลิตภัณฑ์มวลรามประเทศ (GDP) พุ่งขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 22 ในปี 2561
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันหนี้ภาครัฐของญี่ปุ่นพุ่งสูงไปถึงร้อยละ 226 ของ GDP สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศกลุ่ม OECD และมากกว่าหนี้ภาครัฐของสหรัฐเท่าตัว แต่มาตรการของรัฐบาล เช่น การตัดลดรายจ่ายหรือการเพิ่มภาษี กลับกลายเป็นการทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากมีบุตรยิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันแม้การนำเข้าแรงงานต่างด้าวจะช่วยปรับสมดุลโครงสร้างเศรษฐกิจได้ แต่ประเทศญี่ปุ่นที่ผู้คนยึดมั่นในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนก็ไม่ค่อยชอบแนวทางนี้
เห็นได้จากจำนวนแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในญี่ปุ่น ในปี 2556 อยู่ที่ 7 แสนคน เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี ในปี 2561 พบว่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.46 ล้านคน ถึงกระนั้นก็คิดเป็นเพียงร้อยละ 2 ของประชากรญี่ปุ่นทั้งประเทศเท่านั้น หรือจำนวนคนต่างด้าวที่พำนักในญี่ปุ่นก็มีเพียงร้อยละ 1.9 ในปี 2560 ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศ OECD ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 13
รายงานข่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยคำถามที่ว่า แล้วญี่ปุ่นจะหาทางแก้ไขวิกฤตินี้ได้หรือไม่ อนึ่ง ไม่ใช่เฉพาะประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น บรรดาประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลายแม้กระทั่งสหรัฐก็ประสบปัญหาเดียวกัน เพียงแต่ระดับความรุนแรงยังน้อยกว่า
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.japantimes.co.jp/opinion/2019/06/18/commentary/japan-commentary/fate-japan-everyone-else/#.XQszVIgzYdU
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี