17 สิงหาคม 2562 สำนักข่าว Voice of America (VOA) สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ “Thai Junta Critic: Prison Like Hell on Earth” บอกเล่าเรื่องราวของ นายสิรภพ กรณ์อรุษ (Siraphop Kornaroot) ชายวัย 55 ปี ผู้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำเกือบ 5 ปี ในยุครัฐบาลทหารคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในข้อกล่าวหาทั้งคดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ก่อนได้รับการประกันตัวเมื่อ 11 มิ.ย. 2562 โดยที่ผ่านมาระหว่างถูกควบคุมตัว ความคืบหน้าของคดีนี้มีน้อยมาก
บรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย มองสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายสิรภพ ว่าเป็นความพยายามของฝ่ายเผด็จการในการจัดการกับเขา โดยนายสิรภพถูกควบคุมตัวในวันที่ 25 มิ.ย. 2557 หรือราว 1 เดือนหลังวันที่ 22 พ.ค. 2557 ที่กองทัพในนาม คสช. ตัดสินใจเข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ และนายสิรภพ ผู้ใช้นามปากกาในงานเขียนของเขาว่า “รุ่งศิลา (Rungsira)” เป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องดังกล่าวอย่างรุนแรง
นายสิรภพ อธิบายกับทีมงาน VOA ว่านามปากกา “รุ่งศิลา” นั้นหมายถึง “เกิดมาอย่างผู้เข้มแข็ง” และชะตากรรมที่หนุ่มใหญ่รายนี้ประสบ ได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็น “นักสู้ (Fighter)” และเล่าว่า ชีวิตในเรือนจำนั้นราวกับการจำลองขุมนรกมาไว้บนโลกของเรา ที่นั่นไม่มีคำว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผู้ต้องขัง 40-50 คน อาศัยรวมกันในห้องขังขนาด 5x12 เมตร ไม่มีหนังสือ ไม่มีการละเล่น มีแต่เพียงน้ำดื่มเท่านั้น ขณะที่นักโทษคดีการเมืองจะถูกแยกจากผู้ต้องขังในคดีอื่นๆ เพื่อลดโอกาสในการได้พูดคุยกันให้น้อยที่สุด
รายงานข่าวระบุว่า นายสิรภพเคยมีโอกาสในการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่เขาปฏิเสธเพราะต้องการยืนยันว่าเขาไม่มีเจตนาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพของคนไทยตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งหมดที่ทำคือการต่อต้านคณะทหารที่ทำรัฐประหารเท่านั้นเพราะมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ประชาชนควรมีอำนาจในมือ และไม่ควรมีใครต้องถูกจับกุมคุมขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็นอันเป็นสิทธิของพลเมือง
ทั้งนี้ ศาลทหารที่พิจารณาคดีของนายสิรภพ ปฏิเสธคำของประกันตัวเขาถึง 7 ครั้ง ก่อนจะยินยอมเมื่อคณะทำงานในการควบคุมตัวโดยพลการ (Working Group on Arbitrary Detention) ซึ่งทำงานภายใต้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์คดีนี้ ขณะที่นายสิรภพ มองว่า การที่เขาได้รับการปล่อยตัว น่าจะเป็นเพราะตรงกับช่วงเวลาที่รัฐบาลพลเรือนที่สนับสนุนฝ่ายทหารได้เข้ามาแทนรัฐบาลเผด็จการทหาร และพยายามบอกให้โลกรู้ว่าประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย
แต่ถึงกระนั้น ชะตากรรมของผู้ต่อต้านรัฐบาลทหารใช่ว่าจะปลอดภัย อาทิ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังมีการให้อำนาจหน้าที่กับบางหน่วยงานให้คล้ายกับอำนาจของรัฐบาลเผด็จการทหารเดิม นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกทำร้ายร่างกายทั้งคนที่อยู่ภายในและนอกประเทศ รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลที่สนับสนุนฝ่ายทหารก็ถูกโจมตีด้วยกลไกทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
แคทเธอรีน เกอร์สัน (Katherine Gerson) เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) กล่าวว่า การให้ประกันตัวนายสิรภพเป็นเพียง “ข่าวดีชิ้นหนึ่ง (one piece of good news)” ในช่วงเวลาที่ทางการไทยไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนต่อนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเหล่านี้ ด้านศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (Thai Lawyers for Human Rights) สรุปคดีการเมืองที่เกิดขึ้นว่า แบ่งเป็นคดี ม.112 จำนวน 169 คน คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จำนวน 144 คน และคดียุยงปลุกปั่น จำนวน 121 คน
รายงานของสื่อสหรัฐฯ ยังกล่าวอีกว่า แม้คดีของนายสิรภพกำลังถูกโอนจากศาลทหารไปยังศาลพลเรือน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเขาอย่างมาก ธุรกิจออกแบบบ้านของนายสิรภพต้องปิดตัว บัญชีธนาคารถูกระงับ ลูก 2 คนต้องออกจากโรงเรียนเดิม คนหนึ่งไปทำงาน อีกคนไปเรียนสายอาชีพ หนุ่มใหญ่รายนี้ย้ำว่า แม้เขายังอาจถูกตำรวจนอกเครื่องแบบเฝ้าติดตามพฤติกรรม แต่เขาก็จะใช้สื่อออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์การเมืองไทยต่อไป โดยประสบการณ์ในเรือนจำทำให้เขารู้สึกว่าตนเองอดทนมากขึ้น
“ผมไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะมาจับผมอีกครั้ง นรกนั่นมันไม่มีอะไรน่ากลัวอีกต่อไป ผมไม่ได้สู้เพื่อชัยชนะของผม แต่สู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนรุ่นลูกผมต่างหาก” นายสิรภพ กล่าวในท้ายที่สุด
ขอบคุณเรื่องจาก https://www.voanews.com/east-asia-pacific/thai-junta-critic-prison-hell-earth
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี