23 ก.ย. 2563 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอข่าว Sex workers in Thailand launch petition to have prostitution decriminalized ระบุว่า ที่ประเทศไทย มีความพยายามรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 1 หมื่นคน ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในการเสนอร่างกฎหมายต่างๆ เพื่อยกเลิกความผิดฐานค้าประเวณีในกรณีที่สมัครใจไม่ถูกบังคับหรือล่อลวง และไม่ใช่เด็กหรือเยาวชน โดยเริ่มรวบรวมรายชื่อมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2563 ล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วประมาณ 1,000 คน นับ
มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ (Empower Foundation) องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) ที่รณรงค์เรื่องสิทธิของผู้ขายบริการทางเพศและพนักงานในสถานบันเทิง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ใน จ.เชียงใหม่ ทางภาคเหนือของไทย เป็นเจ้าภาพรณรงค์ในเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน โดยหวังว่าหากได้รายชื่อครบแล้วจะนำเสนอต่อรัฐสภา เพื่อให้มีการแก้ไขกฎหมายต่อไป ซึ่ง ไหม จันตา (Mai Chanta) ตัวแทนมูลนิธิดังกล่าว ระบุว่า ร้อยละ 80 ของผู้ขายบริการทางเพศเป็นแม่และเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว แต่กฎหมายทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นอาชญากร
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ด้านหนึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธและเป็นสังคมแบบอนุรักษ์นิยม แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมทางเพศที่มีชายไทยเป็นลูกค้าหลัก บาร์อะโกโก้และร้านนวดที่แสงไฟสว่างไสวทั้งในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ รวมถึงเมืองชั้นนำด้านการท่องเที่ยวอีกหลายแห่งของไทย สามารถพบนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปใช้บริการอยู่เสมอ
บรรดานักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีและผู้มีความหลากหลายทางเพศ มองว่า การกำหนดให้การขายบริการทางเพศเป็นอาชีพผิดกฎหมายซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2503 แทบไม่ช่วยปกป้องผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว การจับกุมและถูกปรับเงินซ้ำซากยิ่งซ้ำเติมให้คนเหล่านี้ยากจน ขณะที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ของไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันกำลังยกร่างแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการค้าประเวณี โดยจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นทางออนไลน์ในปี 2564 แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม แต่ยืนยันว่าไม่ละเลยข้อเสนอแนะของผู้ขายบริการทางเพศ
รายงานขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่เผยแพร่ในปี 2557 ว่าด้วยการต่อสู้กับการระบาดของโรคเอดส์ (HIV/AIDS) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ขายบริการทางเพศในประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ 123,530 คน แต่บรรดาผู้ที่ทำงานกับประชากรกลุ่มนี้ คาดว่าน่าจะมีมากกว่าจำนวนดังกล่าวถึง 2 เท่า รวมถึงยังมีผู้ขายบริการทางเพศที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ลาว กัมพูชาและเวียดนาม
ทั้งนี้ กฎหมายไทยในปัจจุบัน กำหนดให้การค้าประเวณีมีโทษปรับสูงสุดถึง 4 หมื่นบาท หรือจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ (พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 7-ผู้แปล) แต่หากเป็นการซื้อบริการทางเพศผู้ที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี (พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 8-ผู้แปล) อาจถูกจำคุกสูงสุดได้ถึง 6 ปี
ข้อมูลจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ของไทย ระบุว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา มีผู้ถูกจับกุมและเปรียบเทียบปรับในความผิดเกี่ยวกับการค้าประเวณีมากกว่า 24,000 คน ซึ่ง สุรางค์ จันทร์แย้ม (Surang Janyam) ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) NGO อีกองค์กรหนึ่งที่ทำงานด้านสิทธิผู้ขายบริการทางเพศ ย้ำว่า ต้องยกเลิกความผิดฐานค้าประเวณีเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน เพราะอุตสาหกรรมทางเพศสร้างรายได้มหาศาลให้กับเศรษฐกิจไทย แต่กลับไม่มีกลไกใดปกป้องคนกลุ่มนี้
ที่มา scmp
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี