วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ต่างประเทศ
รุมซัด‘อาชญากรรมสงคราม’ ‘ฮุนเซน’จอมบงการ โจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์

รุมซัด‘อาชญากรรมสงคราม’ ‘ฮุนเซน’จอมบงการ โจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์

วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : เขมร โจมตีประชาชน ไทย สู้รบ อาชญากรสงคราม ฮุนเซน
  •  

รุมซัด‘อาชญากรรมสงคราม’

‘ฮุนเซน’จอมบงการ

โจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์

‘อันวาร์’เสนอตัวแก้ปัญหา

ทูตไทยเตรียมแจงเวทีโลก

ยันเขมรเปิดฉากโจมตีก่อน

 

กองทัพไทยประณามเขมรป่าเถื่อน คร่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ โฆษกทบ.โต้ “สื่อเขมร” กล่าวหาไทยใช้ F-16 โจมตีพื้นที่พลเรือน ยืนยันไม่มีการโจมตีพื้นที่ปราสาทพระวิหาร “ภูมิธรรม” ซัด “ฮุนเซน”เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม” หลังบัญชาการ ยิงพลเรือน-โรงพยาบาล ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ งัด70สื่อทั่วโลกออกข่าวเขมรเริ่มก่อน เรียก‘มาริษ’กลับไทยด่วน ยอมรับคุย‘อันวาร์’ สะพัด!‘ทักษิณ’ล็อบบี้ประสาน‘อันวาร์’คุยกับไทย-เขมรหยุดยิง ด้าน“ทักษิณ”เตรียมบินอุบลฯ ติดตามช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบไทย-กัมพูชา รับวันเกิด 26 ก.ค. ขณะที่ทูตไทย เตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิด และเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน


เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 พล.ต.วิธัย ลายถมยา โฆษกกองทัพไทย แถลงถึงเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงโจมตีใส่เขตพื้นที่ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนชาวไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย รวมทั้งมีทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากว่า กองทัพไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้อาวุธยิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องของกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป้าหมายพลเรือน ประกอบด้วย ชุมชนเมือง โรงพยาบาล โรงเรียน การกระทำอันป่าเถื่อนเหล่านี้ คร่าชีวิตและทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากอย่างไร้เหตุผล

ซัด‘ฮุน เซน’อาชญากรรมสงคราม

“ทั้งนี้ จากหลักฐานที่มีอยู่ เชื่อได้ว่า รัฐบาลกัมพูชา โดยฮุน เซนคือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีอันน่าสะเทือนใจเหล่านี้ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพต่อชีวิตมนุษย์และการไม่แยแสต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน การกำหนดเป้าหมายโจมตีพลเรือนโดยเจตนาถือเป็น อาชญากรรมสงคราม และผู้ที่รับผิดชอบต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราขอเรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศและประชาคมโลกสอบสวนอย่างอิสระและโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ทำผิด จะได้รับการลงโทษอย่างเหมาะสม”โฆษกกองทัพไทยระบุ และเรียกร้องให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อพลเรือนทันที ประชาคมโลกต้องไม่เพิกเฉยต่อความทารุณที่เกิดขึ้น และต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดความยุติธรรมและความรับผิดชอบ

ไทยโต้ใช้F-16โจมตีเป้าหมายทหาร

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกแถลงตอบโต้กรณีสื่อกัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อากาศยานโจมตีเป้าหมายพลเรือนว่า กองทัพบกขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และเห็นว่าเป็น ข่าวบิดเบือน (Disinformation) ที่อาจถูกใช้เพื่อหวังผลต่อการรับรู้ในเวทีต่างประเทศ จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามลำดับดังนี้ 1.ยืนยันฝ่ายไทยใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก จำกัดวงอยู่เฉพาะเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามทางทหาร และระมัดระวัง ภายใต้หลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL)

2.มีข้อมูลด้านการข่าวระบุ ฝ่ายกัมพูชาพยายามตั้งจุดยิงอาวุธสนับสนุน เช่น ปืนใหญ่ และจรวด ใกล้พื้นที่ชุมชน เข้าข่ายเป็นการใช้“ใช้พลเรือนเป็นโล่กำบัง” (Human Shields) ซึ่งขัดหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง 3.ไทยหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่อาจกระทบพลเรือน แม้จะมีสิทธิตอบโต้ตามหลักการป้องกันตนเอง แต่ฝ่ายไทยพยายามไม่ดำเนินการทางทหารต่อเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อพลเรือนโดยไม่จำเป็น เพื่อแสดงออกถึงการให้ความสำคัญต่อมาตรฐานมนุษยธรรม

ดำเนินการทุกขั้นตอนตามกติกาสากล

4.ทหารไทยยึดถือกติกาสากล หากติดตามสถานการณ์จะเห็นชัดเจนว่า ฝ่ายไทยดำเนินการทุกขั้นตอนโดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และพันธกรณีด้านมนุษยธรรม 5.การปฏิบัติการทางทหารของกองทัพบก ดำเนินการบนพื้นฐานของเหตุผลความจำเป็นเคร่งครัดในกรอบกติกา ผ่านการพิจารณารอบด้าน แม้ในยามถูกยั่วยุหรือถูกใส่ร้าย และ6.การใช้อากาศยานเพื่อนำพาอาวุธไปสู่เป้าหมายทางทหาร มีความน่าเชื่อถือสูงในความแม่นยำ มีประสิทธิภาพสูงต่อการทำลายที่หมายในลักษณะแบบจำกัดวง ต่างจากอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอื่นๆ ของกัมพูชา ซึ่งขาดความแม่นยำต่อเป้าหมายแบบเฉพาะจุด จึงเป็นเหตุให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่

ทั้งนี้ กองทัพไทยยืนหยัดในการป้องกันตนเอง ปกป้องประชาชน และผืนแผ่นดินไทยด้วยความสง่างามให้เป็นที่ยอมรับ ภายใต้หลักสากล

ไม่ได้โจมตีพื้นที่ปราสาทพระวิหาร

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่มีรายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้ทำหนังสือถึงองค์การยูเนสโก (UNESCO) โดยกล่าวอ้างว่าฝ่ายไทยได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนในการปฏิบัติการทางทหาร จนส่งผลให้ปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหาย ในเรื่องนี้ กองทัพบกขอเรียนว่า การปฏิบัติของกำลังทหารไทยมีเป้าหมายอย่างชัดเจนในการตอบโต้เฉพาะต่อกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา โดยมิได้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารแต่อย่างใดและพื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารไม่ได้อยู่ในแนวทิศทางของการใช้อาวุธฝ่ายไทย ดังนั้น ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชาที่ระบุว่าปราสาทพระวิหารได้รับความเสียหายจากการโจมตีของฝ่ายไทย จึงถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ยังสอดคล้องกับข้อมูลที่กองทัพบกได้ตรวจพบว่า มีความพยายามเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจากฝ่ายกัมพูชาในหลายประเด็นอย่างต่อเนื่อง

กองทัพบกขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างรอบคอบภายใต้หลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลหรือทรัพย์สินที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหาร

ผช.ทูตทหาร ตปท.แสดงความเสียใจ

วันเดียวกัน กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ได้จัดการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรองกรมข่าวทหารบก ภายในกองบัญชาการกองทัพบกโดยมี พลตรี ประเสริฐ หมวดเชียงคะ ผู้อำนวยการสำนักวิเทศสัมพันธ์ เป็นประธานในการประชุม โดยได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับข้อเท็จจริง กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ซึ่งหัวหน้าคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และขอให้สถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายโดยเร็ว ผ่านการเจรจาทางการทูตและระบุว่าคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนกองทัพบกไทยในทุกด้าน

นอกจากนี้ กองทัพบกได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาติดต่อสื่อสารในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหน่วยทหารในพื้นที่ รวมไปถึงระดับกระทรวงการต่างประเทศและการเจรจาในระดับรัฐบาลซึ่งฝ่ายไทยยังคงแสดงจุดยืนในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องในมิติความสัมพันธ์ทวิภาดีและพันธกรณีระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการเจรจาในกรอบทวิภาคีกับกัมพูชาผ่านกลโก JBC, RBC. และ GBC เพื่อร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“อันวาร์”เสนอตัวช่วยยุติปัญหา

ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้โทรศัพท์มาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาว่า นายอันวาร์อยากเป็นตัวกลางเพื่อแก้ไขปัญหา และเห็นว่าปัญหาควรจะยุติจากการประทะหรือเผชิญหน้ากัน ซึ่งฝ่ายไทยไม่มีปัญหา แต่ขอให้ฝ่ายกัมพูชา มีความชัดเจน เพราะที่ผ่านมาไทยพยายามทำสิ่งนี้มาตลอดแต่ไม่เป็นผล สิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายกัมพูชาเป็นคนยิงก่อน และถือเป็นเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันแล้วว่า ไม่ให้ขึ้นปราสาทตาเมืองธม โดยเฉพาะทหาร ที่ประจำอยู่ห้ามมีอาวุธติดตัว แต่ฝ่ายกัมพูชาขึ้นมาพร้อมอาวุธ ดังนั้นสถานการณ์เช่นนี้ต้องการความจริงใจ เพราะตลอดแนวชายแดน กัมพูชามีการยั่วยุ ไม่มีวินัย และส่งผลกระทบมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพพยายามอดทนอดกลั้น ในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นไทยจึงขอให้นายอันวาร์ไปเคลียร์เรื่องนี้กับทางกัมพูชาให้มีความชัดเจนก่อน ว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำซากอีก ชัดเจนเมื่อไหร่แล้วค่อยมาคุยกัน

ประณามเขมรยิงร้านสะดวกซื้อ-รพ.

ทั้งนี้ นายอันวาร์ได้พูดคุยกับพล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่จะโทรมาหาตน ซึ่งตนก็ยอมรับในหลักการ แต่วิธีการจัดการขอให้กัมพูชาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความจริงใจ เพราะไทยยึดถือหลักสันติมาโดยตลอด และเป็นฝ่ายขอเจรจามาตลอด แต่กัมพูชาไม่เคยสนใจ มีแต่ปล่อยให้ฝ่ายไทยยื่นเงื่อนไขอย่างเดียว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ และเห็นภาพชัดเจนเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้นั่งบัญชาการ พร้อมการแผนที่ 1:50,000 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาพูดเองว่าให้ยึดแผนที่ 1:200,000 ดังนั้น สิ่งที่สมเด็จฮุน เซนพูดมาแต่ตนอยากให้สาธารณะชนได้รู้ว่าสิ่งไหนเป็นข้อเท็จจริง อย่างกรณีเอาคลิปมาออก และโพสต์ในเฟสบุ๊กตัวเองชัดเจน แต่พอมีปัญหาเกิดขึ้นก็บอกว่ามีการให้คนอื่นไปทำ ก็อย่างที่ตนตั้งคำถามว่าลักษณะผู้นำอย่างสมเด็จฮุน เซน จะเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นฟ้องอยู่แล้วว่า ถ้ายึดมั่นในหลักการจริงๆ ต้องยิงเข้าสู่เป้าหมายทหาร ไม่ใช่เป้าพลเรือน จึงเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน

“ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ กัมพูชาเปิดแนวรบทั้ง 4 แนวใน 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย มีเจตนาสร้างปัญหา ยิงเข้ามา ดังนั้นสิ่งที่ต้องประณามสมเด็จฮุน เซน และพล.อ.ฮุน มาเนต อย่างรุนแรงและต้องรับผิดชอบก็คือมีการยิงมาที่พลเรือน ไม่เข้าสู่เป้าหมายทางทหาร โดยเฉพาะระเบิดที่ลงร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างจากถังน้ำมันใหญ่เพียง 40 ม.เท่านั้น ซึ่งหากมาโดนถังน้ำมันใหญ่ จะเกิดความเสียหายในพื้นที่พลเรือนเป็นอย่างมาก ถือว่าผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง ที่สำคัญยังยิงมาที่กลางโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่ง 2-3 เหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตรวมๆ 20 คนแล้ว และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน”

ชี้เข้าข่าย“อาชญากรรมสงคราม”

นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า เมื่อเจรจาแต่ในทางปฏิบัติไม่ได้หยุดยิงเลย ทั้งยังไปร้องว่าไทยเป็นผู้รุกรานก่อน และเปิดฉากยิงก่อน แต่สื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 70 แห่งออกข่าวยืนยันว่า กัมพูชาเปิดฉากจริงก่อน ซึ่งตนมีตัวอย่างและพร้อมส่งให้สื่อมวลชน ขณะเดียวกันฝั่งกัมพูชายังอ้างอิงฝ่ายเดียว ดังนั้นสิ่งที่กัมพูชาพูดเป็นการแสดงเจตจำนงที่จะรุกรานไทย และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการทำลายพลเรือนที่ถือเป็นความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนค่อนข้างมาก ซึ่งมีรายละเอียดภาพถ่ายอย่างชัดเจน และมีเด็กเสียชีวิต

ส่วนเรื่องเวทีต่างประเทศขณะนี้ ตนได้เรียก นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศซึ่งขณะนี้อยู่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้กลับประเทศไทยโดยด่วน เพื่อมาช่วยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายมาริษ ได้พบและพูดคุยกับเลขาธิการ UN และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยให้รายละเอียดและหลักฐานไปแล้ว

“สำหรับตัวผม ยังไม่เห็นท่าทีของกัมพูชาที่จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นต้องรับผิดชอบ“ นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามว่า เรียกว่าเป็นอาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เห็นว่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง ที่อยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งก็เข้าข่ายการสร้างอาชญากรรม

“อ้วน”ป้อง“แม้ว”อ้างรู้สึกเหมือนปชช.

นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนั้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่

เมื่อถามว่า ยังมีความคิดเห็นของนายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.พรรคเพื่อไทย ที่อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญยุติการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นความรู้สึกและความเห็นของนายก่อแก้ว และคงเป็นความรู้สึกของประชาชนอยู่มากเหมือนกัน อย่างไรก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เมื่อถามว่า ไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาลฯ ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวเพียงสั้นๆว่า“ผมไม่ใช่ศาลฯ”

สะพัด!“ทักษิณ”โทร.ล็อบบี้“อันวาร์”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ภายหลังทหารกัมพูชา เปิดฉากยิงทหารไทยที่ปราสาทตาเมืองธม จังหวัดสุรินทร์ ทำให้เกิดการสู้รบ ตลอดแนวชายแดนไทย ในพื้นที่ 6 จุด นายทักษิณ ได้โทรศัพท์ไปหานายอันวาร์ เพื่อขอให้เป็นตัวกลางเจรจาให้ไทยกับกัมพูชาหยุดยิง โดยนายภูมิธรรม จะทำหน้าที่ ประสานงาน กับฝ่ายกองทัพ ซึ่งในเบื้องต้น นายภูมิธรรม ยังรอดูท่าทีฝ่ายกองทัพ เนื่องจากมีทหาร ประชาชนของไทย เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมถึงกังวลว่าจะถูกฝ่ายกัมพูชาตลบหลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลต่ออธิปไตยของไทย ส่วนความเคลื่อนไหว พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.ยังบัญชาการรบอยู่ในพื้นที่

“ทักษิณ”บินอุบลฯติดตามช่วยปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณว่า วันที่ 26 ก.ค.เวลา 08.00 น. จะออกเดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบไทย - กัมพูชา พร้อมรับฟังปัญหาและให้กำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ โดยเวลา 09.00 น. จะเดินทางไปยังโรงครัวที่ศูนย์พักพิงหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองเดชอุดม ซึ่งเป็นของ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมจัดทำข้าวกล่องกระจายไปศูนย์พักพิงประชาชน 4 - 5 จุด ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ วันที่ 26 ก.ค.ตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบ 76 ปี ของนายทักษิณ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้ให้ สส.อีสานจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ และ สส.ในจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนก่อนแล้ว

UNSCนัดประชุมฉุกเฉินเหตุปะทะ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council - UNSC) เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิดในวันนี้ (25 ก.ค.) เวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 22.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพื่อหารือสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกำลังทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีขึ้นตามคำร้องขอของ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ส่งผลให้พลเรือนไทยได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 13 ราย และมีทหารไทยบาดเจ็บอีก 1 นาย ขณะที่ทางการกัมพูชายังไม่รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บอย่างเป็นทางการ

ทูตไทย เตรียมแถลงข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาวานนี้ โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำ สหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย

ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย

ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว 15 นาที โดยจะมีเพียง 15 ชาติสมาชิกของ UNSC ร่วมกับผู้แทนถาวรไทยและกัมพูชาเข้าชี้แจงและกล่าวแถลงการณ์ของแต่ละประเทศ ในเวลา 15.00 น. วันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ตามเวลาในนครนิวยอร์ก หรือเวลา 02.00 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม ตามเวลาในไทยต่อไป ซึ่งในส่วนของไทย นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติจะเป็นผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว

ยันเขมรวางทุ่นระเบิด-โจมตีไทยก่อน

สำหรับหนังสือของคณะผู้แทนถาวรแห่งราชอาณาจักรไทยประจำสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ระบุว่าคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อคณะผู้แทนถาวรและคณะผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำสหประชาชาติ และขอแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยสรุปรายละเอียดคือ 1.เมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร จากการตรวจสอบพบว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ และรายงานล่าสุดของประเทศกัมพูชาระบุว่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.2024 กัมพูชายังคงเก็บรักษาทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ไว้

2.เมื่อวันที่ 24 ก.ค.เวลา 08.20 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ประเทศไทย เป็นเหตุให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บทันที 2 นาย หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพกัมพูชาได้เปิดโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าต่อดินแดนของประเทศไทยใน 4 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและเด็ก โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน รวมถึงโรงพยาบาล และโรงเรียนก็ได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน

ละเมิดกติกาสากลอย่างรุนแรง

3.การโจมตีด้วยอาวุธอย่างต่อเนื่องโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ ของกองทัพกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อมาตรา 2(4) ของ กฎบัตรสหประชาชาติ รวมถึงหลักการแห่งความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัฐอย่างชัดเจน ประเทศไทยได้ใช้ความอดกลั้นและยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุด

4.ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาต่อพลเรือน ทรัพย์สินของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 อย่างร้ายแรง โดยเฉพาะมาตรา 18 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่หนึ่ง (ว่าด้วยการคุ้มครองผู้บาดเจ็บและเจ็บป่วย – การคุ้มครองโรงพยาบาล)และมาตรา 19 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 (ว่าด้วยการคุ้มครองหน่วยงานและสถานพยาบาล)

5.ประเทศไทยยังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในหลักการยุติข้อพิพาทโดยสันติวิธี และปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อการใช้กำลังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศ

ประเทศไทยขอเรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศเรียกร้องให้กัมพูชายุติการใช้การสู้รบโดยทันที และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างสุจริตใจ ประเทศไทยขอยืนยันอีกครั้งถึงความพร้อมในการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว รวมถึงคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ซึ่งมีกำหนดการประชุมในช่วงต้นเดือนกันยายน 2025 เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งที่ยังคงค้างอยู่

“สหรัฐ-อียู”เรียกร้องหยุดยิง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ว่า นางแทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพกัมพูชา ตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ ว่ารัฐบาลวอชิงตันขอเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน ซึ่งสหรัฐขอแสดงความเสียใจอย่างสูงสุดต่อทุกการสูญเสีย และขอเรียกร้องให้ไทยกับกัมพูชา ร่วมกันแก้ไขความขัดแย้งโดยใช้วิธีการอันสันติ

ขณะที่นายอานัวร์ เอล อานูนี โฆษกด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า อียูมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต อียูขอเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา และใช้วิธีการที่สันติ ตามแนวทางของกฎหมายระหว่างประเทศ

สถานทูตสหรัฐฯ และสถานกงสุลในประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า”สำนักงานโฆษก 24 กรกฎาคม 2568 สหรัฐอเมริกามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับรายงานการต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เรารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากกับรายงานถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับพลเรือนผู้บริสุทธิ์ เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียชีวิต เราเรียกร้องอย่างจริงจังให้ยุติการโจมตีโดยทันที ปกป้องพลเรือน และระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี”

ฝรั่งเศสขอให้ยึดสันติวิธีแก้ข้อพิพาท

แถลงการณ์จากกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 กล่าวว่า ฝรั่งเศสขอแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุปะทะบริเวณชายแดนระหว่าง กัมพูชา-ไทย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต

ฝรั่งเศสขอเรียกร้องให้กัมพูชาและไทยยุติการปะทะโดยทันที และยึดหลักสันติวิธีในการแก้ไขข้อพิพาทตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ขอแนะนำให้พลเมืองฝรั่งเศสหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนดังกล่าว สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว ขอให้เดินทางออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด และสามารถแจ้งข้อมูลติดต่อของตนต่อสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสได้

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สื่อไต้หวันรายงาน! กัมพูชายิงถล่มปั๊มน้ำมันไทย พบศพแม่ลูกกอดกันในร้านสะดวกซื้อ สื่อไต้หวันรายงาน! กัมพูชายิงถล่มปั๊มน้ำมันไทย พบศพแม่ลูกกอดกันในร้านสะดวกซื้อ
  • ประณามไทย! วุฒิสภากัมพูชาออกแถลงการณ์ 6 ข้อ วอนนานาชาติช่วย ประณามไทย! วุฒิสภากัมพูชาออกแถลงการณ์ 6 ข้อ วอนนานาชาติช่วย
  • สถานทูตสหรัฐฯออกแถลงการณ์ กังวลเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สถานทูตสหรัฐฯออกแถลงการณ์ กังวลเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
  • จีนจับตาใกล้ชิด! หวังให้\'ไทย-กัมพูชา\' ยุติชายแดนเดือด แก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา จีนจับตาใกล้ชิด! หวังให้'ไทย-กัมพูชา' ยุติชายแดนเดือด แก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา
  • \'ฮุน มาเนต\'เรียกร้อง UNSC ขอจัดประชุมด่วนหยุดยั้งการรุกรานของไทย 'ฮุน มาเนต'เรียกร้อง UNSC ขอจัดประชุมด่วนหยุดยั้งการรุกรานของไทย
  • การบินเขมรยืนยัน! เที่ยวบินไทย-กัมพูชาดำเนินการตามปกติ เหตุปะทะชายแดนไม่กระทบ การบินเขมรยืนยัน! เที่ยวบินไทย-กัมพูชาดำเนินการตามปกติ เหตุปะทะชายแดนไม่กระทบ
  •  

Breaking News

'ประวิตร'อดีต ผบ.ทบ.ห่วงใยทหารไทยทุกนาย ย้ำภารกิจพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือเกียรติสูงสุดของชีวิต

'อุ๊งอิ๊งค์'ย้ำการกระทำกัมพูชา ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง ขัดต่อหลักสันติวิธี

'รมว.นฤมล'เยี่ยมศูนย์พักพิง จ.สุรินทร์ ซาบซึ้งครูเสียสละแม้เป็นผู้ประสบภัย

ในหลวง มีพระราชสาส์น อำนวยพรไปยังประธานาธิบดีมัลดีฟส์ เนื่องในโอกาสวันเอกราช

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved