ทะเลจีนใต้ : บ้านหลังเดียวกันของจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน

ทะเลจีนใต้ : บ้านหลังเดียวกันของจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน

วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568, 14.55 น.
Tag :

หลายปีก่อน คณะนักวิชาการของจีนค้นพบสมุดบันทึก “เกิงลู่ปู้” 6 เล่ม ที่บ้านของหลินซือเหริง ชาวประมงสูงอายุในตำบลเหยี่ยนเฟิง เมืองไห่โข่ว มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน ตอนพ่อของหลินซือเหริงยังหนุ่ม เขาล่องเรือประมงจากท่าเรือพู่เฉียนทางตอนเหนือของเกาะไห่หนานและหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างล่องเรือตามแนวชายฝั่งไทยนานหลายปี หนึ่งในสมุดบันทึกโบราณแห่งตระกูลหลินเหล่านั้นคือ “กุ่ยไฮ่เหนียนเกิงหลิวปู้” ที่บันทึกเส้นทางล่องเรือสู่ไทย

“เกิงลู่ปู้” คือบันทึกเส้นทางเดินเรือในทะเลจีนใต้ที่เขียนโดยชาวประมงจีน และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเป็นเวลานับร้อยนับพันปี


เนื่องจากชาวประมงมักจดบันทึกด้วยสำเนียงท้องถิ่นหรือภาษาพูดบ้านเกิด คณะนักวิชาการของจีนจึงเปรียบเทียบกับแผนที่จนค้นพบข้อมูลทิศทางและความเร็วของการเดินเรือ สุดท้ายจากบันทึก “กุ่ยไฮ่เหนียนเกิงหลิวปู้” สามารถจำแนกเส้นทางเดินเรือ 31 เส้นทาง และชื่อสถานที่ 36 แห่ง ในอ่าวสยาม (อ่าวไทย)

ยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีการเดินเรือพัฒนาในระดับสูงแล้ว ภูมิปัญญาทางทะเลโบราณเหล่านี้ได้รับยกย่องเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ระดับชาติของจีน เนื่องจากบันทึกประวัติศาสตร์การพัฒนาและการจัดการหมู่เกาะในทะเลจีนใต้อย่างยาวนานและสันติของชาวจีน รวมถึงเป็นหลักฐานถึงการแลกเปลี่ยนฉันมิตรและการค้าอันเจริญรุ่งเรืองในหมู่ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลจีนใต้มาหลายชั่วอายุคน

ผู้คนบางส่วนเรียกขานทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นน่านน้ำกึ่งปิดขนาดประมาณ 3.5 ล้านตารางกิโลเมตร ว่าเป็น “ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งเอเชีย” โดยนี่นับว่าทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้อง

ข้อมูลสถิติที่ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนระบุว่านับจากสงครามกรุงทรอยในมหากาพย์ของโฮเมอร์ มีสงครามเกิดขึ้นรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอย่างน้อย 2,000 ครั้ง ซึ่งสงครามครั้งยืดเยื้อที่สุดกินเวลานานกว่า 200 ปี ทำให้ประวัติศาสตร์ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นประวัติศาสตร์ของสงคราม

ความแตกต่างสำคัญที่สุดระหว่างทะเลจีนใต้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนคือทะเลจีนใต้เปรียบดังบ้านเรือนหลังใหญ่ของจีนและกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาค

หลายพันปีก่อน ทะเลจีนใต้เป็นช่องทางสำคัญของเส้นทางสายไหมทางทะเลสายโบราณ โดยเครื่องเคลือบจิ่งเต๋อเจิ้นที่ค้นพบในไทย โบราณวัตถุยุคราชวงศ์หยวนที่ค้นพบจากซากเรืออับปางในน่านน้ำเกาะปาลาวันของฟิลิปปินส์ เครื่องเคลือบและท่อนไม้ที่ค้นพบจากซากเรืออับปางหมายเลข 1 และหมายเลข 2 บนเนินตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลจีนใต้ บอกเป็นนัยว่าทะเลแห่งนี้เป็นน่านน้ำแห่งการสื่อสารแลกเปลี่ยนระหว่างอารยธรรมต่างๆ มาโดยตลอด

สำหรับไทยนั้นเป็นประเทศสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประวัติศาสตร์การค้าขายกับจีนผ่านทะเลจีนใต้มาเนิ่นนาน โดยเครื่องเคลือบแบบจีนโบราณตามพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในไทยเป็นหลักฐานอันชัดเจน

ยุคสังคมสมัยใหม่ จีนและกลุ่มประเทศอาเซียนมีประวัติศาสตร์ความร่วมมือในทะเลจีนใต้ที่ยาวนาน โดยจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนได้ลงนาม “ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้” ในปี 2002 ซึ่งระบุ “การแก้ไขข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องโดยสันติวิธีผ่านการเจรจาปรึกษาหารือฉันมิตร” และ “ไม่ดำเนินการใดๆ ที่สร้างความซับซ้อนหรือทวีความรุนแรงของข้อพิพาท หรือส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพ”

แต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์ในทะเลจีนใต้เกิดความผันผวน ทำให้ประเทศในภูมิภาคต้องหวั่นวิตก เนื่องจากบางประเทศนอกภูมิภาคมักส่งกองเรือและเครื่องบินเข้ามาลาดตระเวนและสำแดงพลังอำนาจทางทหารบ่อยครั้ง และยุยงประเทศอื่นๆ ก่อความยุ่งยากลำบาก ซึ่งบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง และถือเป็นต้นตอของความตึงเครียดในทะเลจีนใต้

การแทรกแซงของกองกำลังนอกภูมิภาคไม่เพียงทำให้ชาวประมงทำมาหากินอย่างสันติได้ยาก แต่ยังเพิ่มต้นทุนด้านความมั่นคงในภูมิภาคด้วย โดยสรจักร เกษมสุวรรณ อดีตนักการทูตไทย เคยกล่าวว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเจรจาหารือกันอย่างต่อเนื่องและแปรเปลี่ยนการเจรจาสู่ความร่วมมือ หากเราสามารถดำเนินความร่วมมือดังกล่าวและหลีกเลี่ยงการปะทะคะคานทางทหาร ย่อมแสดงให้ฝ่ายภายนอกเห็นว่าเราสามารถจัดการน่านน้ำอย่างเป็นมิตรและพวกเขาไม่ต้องเข้ามาแทรกแซง

นี่หมายความว่าหากเกิดความโกลาหลวุ่นวายในทะเลจีนใต้ ประเทศโดยรอบจะได้รับผลกระทบทั้งหมด และการแก้ไขปัญหานี้จำต้องพึ่งตนเอง

จีนและประเทศในภูมิภาคดำเนินความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางทะเล การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทางทะเล การเดินเรือและการขนส่งทางทะเล การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อรักษาเสถียรภาพในทะเลจีนใต้

ปี 2017 จีนและกลุ่มประเทศอาเซียนประกาศ “ปฏิญญาสำหรับทศวรรษเพื่อการคุ้มครองชายฝั่งและสิ่งแวดล้อมทางทะเลในทะเลจีนใต้ (2017-2027)” ซึ่งมุ่งปกป้องสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของทะเลจีนใต้ผ่านการเฝ้าติดตามมลพิษทางทะเลและการเก็บขยะทะเลร่วมกัน ขณะการเปิดแพลตฟอร์มสายด่วนเพื่อการค้นหาและกู้ภัยทางทะเลจีน-อาเซียน เพิ่มขีดความสามารถรับมือร่วมกันของประเทศต่างๆ ในยามเกิดอุบัติเหตุทางทะเล

ไทยมีบทบาทเด่นในฐานะ “สะพานแห่งการสื่อสาร” ในความร่วมมือเหล่านี้ โดยไทยมักเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวิชาการและปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน เชิญจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าร่วมและสร้างบรรยากาศการสื่อสารที่ผ่อนคลายและเท่าเทียมสำหรับทุกฝ่าย ทำให้ทุกฝ่ายสามารถแสดงจุดยืนและข้อวิตกกังวลของตนเองอย่างตรงไปตรงมา พร้อมแสวงหาจุดร่วมมือที่เป็นไปได้

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจทำให้ประเทศรอบทะเลจีนใต้กลายเป็นคู่ค้าสำคัญของกันและกัน โดยปัจจุบันจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนได้เสร็จสิ้นการเจรจาเกี่ยวกับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชั่น 3.0 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดทอนอุปสรรคทางการค้าในอนาคต ทำให้ประชาชนของประเทศรอบทะเลจีนใต้ได้รับประโยชน์จากสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้เพิ่มขึ้น

การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนช่วยเพิ่มความอบอุ่นแก่ความร่วมมือในทะเลจีนใต้ แต่ละปีมีนักศึกษาชาวไทยเดินทางไปเรียนภาษาจีน การแพทย์แผนจีน และศิลปะที่จีนเป็นจำนวนมาก ห้องปฏิบัติการทางทะเลของมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมินมีนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่จากจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาวิธีการปกป้องแนวปะการังในทะเลจีนใต้ และกลุ่มประเทศอาเซียนและจีนกลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวของกันและกัน

ยิ่งเข้าใจและไปมาหาสู่กันมากเท่าไร มิตรภาพยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเท่านั้น และการเสวนาระหว่างอารยธรรมในทะเลแห่งนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง

กองเรือของเจิ้งเหอในสมัยจีนโบราณสามารถแล่นไปถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งสิ่งที่พวกเขานำไปด้วยไม่ใช่ปืนใหญ่และกระสุนปืน แต่เป็นผ้าไหมและเครื่องเคลือบ เพราะการเดินทางเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อพิชิตชัยชนะแต่เพื่อแลกเปลี่ยนอารยธรรม

ทะเลจีนใต้ในวันนี้ต้องการภูมิปัญญาแห่งการเปิดกว้างและยอมรับซึ่งกันและกันเช่นนี้

โลกปัจจุบันนั้นเชื่อมโยงใกล้ชิดกันแล้ว ทะเลจีนใต้ที่มีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองจึงเป็นความปรารถนาร่วมกันของจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน ทุกฝ่ายจึงควรแสดงความรับผิดชอบปกป้องบ้านหลังนี้และคุ้มครองผืนทะเลสีน้ำเงินแห่งนี้ร่วมกันให้ดีที่สุด

บทความจาก นักวิจัย สถาบันวิจัยสำนักข่าวซินหัว
(แฟ้มภาพซินหัว : ทิวทัศน์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ วันที่ 25 เม.ย. 2024)

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top