1 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมากล่าวว่า หากเขาไม่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากบทบาทในการแก้ไขปัญหาสงครามหลายครั้ง จะถือเป็นการดูหมิ่นสหรัฐอเมริกา นี่คือความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ ผู้ซึ่งแสดงท่าทีชัดเจนมาตลอดว่าต้องการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะมีการประกาศผลรางวัลในวันที่ 10 ต.ค. ที่จะถึงนี้

'โดนัลด์ ทรัมป์' ได้แสดงความปรารถนาของเขาอีกครั้งหลังจากที่เขาเพิ่งประกาศแผนสันติภาพเพื่อยุติสงครามในฉนวนกาซา โดยกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของสหรัฐฯ หลายร้อยนายว่า คุณจะได้รับรางวัลโนเบลหรือไม่? ไม่เลย พวกเขาจะมอบให้กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมจะบอกคุณแบบนั้น มันคงเป็นการดูหมิ่นประเทศของเราอย่างร้ายแรง ผมไม่ต้องการ ผมต้องการให้ประเทศเราได้รับ มันควรจะได้รับ เพราะไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน

โดย'โดนัลด์ ทรัมป์' ยังแสดงความรู้สึกไม่พอใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า 'บารัก โอบามา' จากพรรคเดโมแครต คว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพไปครองในปี 2009 ในสุนทรพจน์เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ทรัมป์ย้ำถึงคำกล่าวอ้างล่าสุดของเขาว่า เขาสามารถไขสงครามได้ถึง 7 ครั้งนับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งในเดือนมกราคม 

เขาได้กล่าวว่า หากแผนการในฉนวนกาซาที่เขาเปิดเผยร่วมกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ประสบความสำเร็จ เราจะมี 8 ครั้ง 8 ครั้งใน 8 เดือน ซึ่งถือว่าดีมาก 

ซึ่งอย่างไรก็ตาม โอกาสที่ 'โดนัลด์ ทรัมป์' จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ ถือว่าแทบจะเป็นศูนย์ในสายตาของหลายคน

โอเอวินด์ สเตเนอร์เซน นักประวัติศาสตร์ผู้ทำการวิจัยและร่วมเขียนหนังสือเกี่ยวกับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ กล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนทางด้านคณะกรรมการโนเบลของนอร์เวย์ยืนยันว่า ไม่สามารถนำการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์มาเป็นปัจจัยการพิจารณารางวัลได้

คริสเตียน เบิร์ก ฮาร์ปวิเคน เลขานุการคณะกรรมการ กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า แน่นอนว่า เราสังเกตเห็นว่าสื่อให้ความสนใจผู้สมัครบางคนเป็นอย่างมาก แต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการหารือที่กำลังดำเนินอยู่ในคณะกรรมการเลย เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลทรัมป์ได้ระบุรายชื่อสงคราม 7 ครั้งที่กล่าวว่าเขาเป็นผู้ยุติลง ได้แก่ สงครามระหว่างกัมพูชา-ไทย, คอซอวอ-เซอร์เบีย, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก-รวันดา, ปากีสถาน-อินเดีย, อิสราเอล-อิหร่าน, อียิปต์-เอธิโอเปีย และอาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน