14 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ ได้อนุมัติความเป็นไปได้ในการขายอะไหล่และชิ้นส่วนซ่อมบำรุงสำหรับเครื่องบินขับไล่ให้แก่ไต้หวัน คิดเป็นมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 10,645 แสนบาท) นับเป็นการทำธุรกรรมที่มีศักยภาพครั้งแรกกับไต้หวันนับตั้งแต่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมระบุในแถลงการณ์ว่า การเสนอขายครั้งนี้จะช่วยปรับปรุงศักยภาพของผู้รับในการรับมือกับภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคต โดยการรักษาความพร้อมในการปฏิบัติการของกองบินเอฟ-16 ซี-130 และเครื่องบินอื่นๆ ของผู้รับ

ประเทศจีนอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวัน ซึ่งมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตน และไม่ปิดทางเลือกในการใช้กำลังเพื่อเข้าควบคุมเกาะนี้ ขณะที่รัฐบาลไต้หวันปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อการกล่าวอ้างอำนาจอธิปไตยของรัฐบาลปักกิ่ง และยืนยันว่ามีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินอนาคตของตนได้

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้บอกกับเขาว่าจะไม่รุกรานไต้หวันในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

การประกาศความเป็นไปได้ในการขายอาวุธครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีได้พบกันเมื่อปลายเดือนที่แล้วที่เกาหลีใต้ เพื่อพยายามหาทางบรรลุข้อตกลงทางการค้า ก่อนการประชุมดังกล่าว เกิดความกังวลในไต้หวันว่านายทรัมป์อาจ "ขายผลประโยชน์" ของไต้หวันให้กับนายสี ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

สหรัฐนมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับจีน แต่ยังคงรักษาความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการกับไต้หวัน และเป็นผู้จัดหาอาวุธรายสำคัญที่สุดให้กับไต้หวัน