วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นครวัดแหล่งมรดกโลกของกัมพูชา
สังคมอาเซียนนั้นทำให้มีการเปิดโลกทัศน์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อกันมากขึ้น คงไม่ใช่แต่การท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านไปมากันเท่านั้น ในมิติการเรียนรู้ต่อยอดทางวัฒนธรรมนั้นได้ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติเชิงความรู้ต่อกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญต่องานวิชาการมากการที่ได้พบกับ ดร.อัง จูเลียน นักวิชาการอิสระกัมพูชา ผู้ศึกษาด้านโบราณคดีและปริญญาเอกสาขามานุษยวิทยา จากประเทศฝรั่งเศส ผู้มีความรู้ภาษาสันสกฤตและการอ่านศิลาจารึกอักษรขอมโบราณภาษาสันสกฤตด้วยนั้น จึงเป็นเรื่องน่ายินดีต่อการร่วมมือทางวิชาการ ด้วยสองเดือนที่ผ่านมาของ ดร.อัง จูเลียน เป็นอาจารย์พิเศษของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) นั้นได้เกิดข้อมูลที่น่าสนใจจากการเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะทำงานแปลเรื่อง “วิถีชีวิตของคนเขมรในพิธีฉลองวัย” ผลงานวิจัยเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวเขมรตั้งแต่การเกิดจนตายเหมือนประเพณีชีวิตของไทย ซึ่งมีการขยายความและสร้างความเข้าใจจนชัดเจนขึ้น โดยไม่ได้เป็นความคิดเห็นของผู้แปล หากแต่เป็นการแปลที่อรรถาธิบายกำกับให้สิ้นสงสัย

การแข่งเรือในเทศกาล
หลายเรื่องที่นำไปสู่การเรียนรู้เช่นเรื่องพิธีมงคลการในเทศกาลมโฮปแขมร์ ว่าด้วยประเพณีการแต่งงานแบบเขมร ความเชื่อในตำนานพระทองนางนาคที่เกี่ยวข้องกับพิธีแต่งงาน เรื่องประเพณีป้อนข้าวเม่า (อ็อกอ็อมบ็อก) ประเพณีไหว้พระจันทร์ (ซ็อมเปียฮ ปเรียฮแค) ในเทศกาลออกพรรษา เรื่องประเพณีแข่งเรือ ลอยพระประทีปที่ประเพณีไทยนั้นมีเทศกาลลอยกระทง ในขณะที่กัมพูชานั้นมีเทศกาลแข่งเรือเป็นงานใหญ่ประจำปี เรื่องประเพณีอ็อกอ็อมบ็อก คือ กิจกรรมการเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ซึ่งไทยเรียกว่า ข้าวเม่า แขมร์เรียก อ็อกอ็อมบ๊อก, เรื่องปฏิทินกัมพูชา ที่นับเวลาในรอบปีเป็น ๓ ระบบ คือ ๑) ปฏิทินตามอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดีย ถือการเริ่มต้นศักราชใหม่คือ เดือน ๖ ประมาณหลังจากวันวิสาขบูชาผ่านไปแล้ว และเมื่อเข้าสู่ฤดูการทำนาในเดือน ๑ ตามปฏิทินเขมรโบราณซึ่งเป็นต้นฤดูฝน ๒) ปฏิทินทางจันทรคติ เดือน ๑ หรือเดือนอ้าย เดือนเจียง นับตามกลุ่มชาติพันธุ์ไท คือ เริ่มจากปลายปี ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม ๓) ปฏิทินสากล คือ นับจากเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม เช่น ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เรื่องนครวัด เป็นมรดกรูเป็ย กับ มรดกอรูเป็ย คือนครวัดหรือ อ็องโกร์วัด (Angkor Wat) มรดกโลกนั้นมีการแบ่งออกเป็นนครวัดที่เป็นโบราณสถาน ปราสาทหินแหล่งศึกษาอารยธรรมโบราณ มรดกในส่วนนี้จับต้องได้ ปรากฏหลักฐานเป็นรูปธรรม เรียกว่า มรดกรูเป็ย

การแต่งงานของเขมร
ส่วนสิ่งที่หลงเหลือมาจากอารยธรรมเขมรโบราณ ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่รอบ ๆ บริเวณปราสาทนครวัด และประชาชนกัมพูชาได้รับแนวคิดความเชื่อและปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนั้น เรียกว่า มรดกอรูเป็ย เรื่อง พระภูมิกับเนียก์ตา และยายเมา กับจเนียงตูกว่ากัมพูชามีประวัติความเป็นมาเนิ่นนานแต่โบราณกาล นับเป็นอาณาจักรเก่าแก่ที่มีความเชื่อดั้งเดิมของตนเองที่เรียกว่า “ชีวจล” ต่อมานั้นจึงได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ (พรหมันศาสนา) หรือฮินดู ลัทธิไศวนิกายจากอินเดีย และศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท (หินยาน) จากไทย ความคิดความเชื่อต่างๆ เหล่านี้ยังมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมเขมรตั้งแต่อดีตกาลจนมาถึงปัจจุบัน ดังเห็นได้จากการดำรงอยู่ของพระภูมิ และเนียก์ตาในหมู่บ้านชนบท ที่สามารถพบได้โดยทั่วไป เรื่อง นครเกาะทโลก ประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของกัมพูชา เรื่อง ชาติพันธุ์กวย หรือชาวกวย ชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่ในประเทศไทยและกัมพูชา มีอาชีพคล้องช้างที่มีมาแต่อดีตกาล ชาวกวยนี้มีวัฒนธรรมการถลุงแร่เหล็ก และตีเหล็ก ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นวัฒนธรรมชั้นสูงมาก มีอีกหลายเรื่องที่ได้จากนักวิชาการอย่าง ดร.อัง จูเลียน ล้วนเป็นแบบอย่างการเชื่อมโยงทางวิชาการด้านวัฒนธรรมต่อกันที่น่าจะเกิดขึ้นในมิตรประเทศอาเซียนแห่งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี