ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเดี๋ยวนี้คนเราจึงเลือกบริโภคข่าวที่ไร้รสนิยม ไร้สาระได้มากมายถึงเพียงนี้ ข่าวในยุคนี้มีแต่ฆ่ากัน ทำร้ายกัน หาสาระไม่ได้เลย ส่วนคนทำข่าวยุคนี้ก็ประหลาดมาก ไม่ต้องรู้จักแหล่งข่าวก็เขียนข่าวได้
แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัยนำคุณไปสนทนากับอดีตผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า และอดีตนายกสมาคมวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณผาณิต พูนศิริวงศ์ หรือที่ทุกคนรู้จักดีในนาม คุณแหน และ พี่แหน ของน้องๆ ในวงการนักข่าว
เรียนถามว่า พี่แหนเริ่มทำอาชีพนักข่าวมากี่ปีแล้วครับ
คุณแหน ก็แค่ 40 ปีเท่านั้นเองค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งก็หมายความว่าเท่ากับอายุของหนังสือพิมพ์แนวหน้าในยุคปัจจุบัน เท่ากันเป๊ะเลยค่ะ ประสบการณ์การเป็นนักข่าวและเป็นผู้บริหารหนังสือพิมพ์ของพี่ก็แสนสนุกน่าตื่นเต้นมาก เพราะได้มีประสบการณ์ขึ้นโรงขึ้นศาลจนนับไม่ถ้วน เพราะเราไปแคะคุ้ยขุดหาข่าวเรื่องการทุจริตของผู้มีอำนาจรัฐมาตีแผ่ ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจมาก เขาก็หาทางฟ้องเราเรื่อยมา เราก็สู้ไป เพราะเรายึดมั่นในพันธกิจของการเป็นผู้สื่อข่าวที่พยายามสร้างสังคมให้
ดีงาม ดังนั้น มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่สอนด้านสื่อสารมวลชนน่าจะเชิญพี่ไปเล่าประสบการณ์ให้น้องๆ ลูกๆ หลานๆ ในคณะฟังนะคะ โดยเฉพาะประสบการณ์บนโรงบนศาล (หัวเราะ) เพราะหลายครั้งพี่ก็ถูกตำรวจเชิญตัวไปให้ปากคำในโรงพักที่เรียกได้ว่าไกลลับโลก ต้องนั่งเครื่องบินไป แล้วก็ต้องต่อรถยนต์ไปอีกหลายชั่วโมง พอไปถึงโรงพัก ตำรวจก็จะให้ไปพิมพ์ลายนิ้วมือในห้องขัง พี่ก็ถามว่าทำไมต้องเข้าไปในห้องขังด้วยคะคุณตำรวจขา ดิฉันไม่ใช่ผู้กระทำผิด ก็ต้องเจรจากันกว่าจะลงตัวได้
สมัยที่พี่แหนเริ่มทำข่าวกับการทำข่าวสมัยนี้ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไรบ้างครับ
คุณแหน มันช่างแตกต่างกันจนรู้สึกตกใจมาก เมื่อไม่นานมานี้ได้พบอดีตคณบดีวารสารฯ ธรรมศาสตร์ท่านหนึ่งก็คุยกันว่า เดี๋ยวนี้เขาทำข่าวกันแบบนี้หรือ เอะอะอะไรก็หาข่าวจากอินเตอร์เนต แล้วก็ทำข่าว on line กันจนล้นเมือง เดี๋ยวนี้นักข่าวไม่ต้องรู้จักแหล่งข่าว ไม่ต้องไปสัมภาษณ์แหล่งข่าวแล้วหรือ ไม่รู้จักแหล่งข่าวแล้วเขียนข่าวได้อย่างไร เอาข้อมูลจากไหนมาเขียน ไม่มีการซักถามแหล่งข่าวหรือ แต่น่าประหลาดที่สุดท้ายก็กลายเป็นข่าว on line ส่วนข่าวสื่อสิ่งพิมพ์ก็ลดน้อยแล้วค่อยๆ หายไป และประหลาดอีกที่ว่าเดี๋ยวนี้ใครส่งอะไรให้ก็กลายเป็นข่าว on line ได้ทุกอย่าง มหัศจรรย์จริงๆ พี่เคยทดสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองโดยการส่งข่าวไปทาง on line แล้วก็พบว่าเขาเอาข่าวเราไปลงให้หมดเลย โดยไม่มีการสอบถามอะไรจากผู้ส่งข่าว สมัยพี่นั้นเวลาเราจะทำข่าว เราต้องไปพบแหล่งข่าวสร้างความรู้จักแล้วจึงขอสัมภาษณ์ แล้วกว่าข่าวที่เราเขียนจะได้ลงก็อาจจะหนึ่งหรือสองวันหลังจากนั้น แต่เดี๋ยวนี้ on lineลงได้ทันที เขาเขียนอะไรให้ก็ลงตามที่เขาเขียนมาแถมลงรูปให้ด้วยสนุกจังเลย ตัวอย่างสมัยที่พี่เริ่มทำข่าวในยุคเป็นนักศึกษาพี่ไปกราบขอประทานสัมภาษณ์สมเด็จพระสังฆราช ก็ต้องทำหนังสือขอพระอนุญาตก่อน แล้วรอหนังสือตอบลงมา แต่ถ้าเป็นแหล่งข่าวการเมืองหรือแหล่งข่าวสังคม พี่ก็จะไปพบแหล่งข่าวในงานสังคมต่างๆ เพราะงานเหล่านั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไปร่วมกันมาก พี่จะเล่าเรื่องน่ารักให้ฟังสักเรื่องคือ พี่หมัก (คุณสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี) มักชอบด่าแนวหน้าเป็นประจำ พี่ก็สงสัยว่าด่าเพราะอะไร คุณวารินทร์(พูนศิริวงศ์) ก็ไม่เคยมีปัญหากับพี่หมัก แต่ต้องบอกว่าเรารักพี่หมักนะคะ วันหนึ่งพี่ก็ไปเรียนถามพี่หมักในงานราตรีสโมสรว่าทำไมชอบด่าแนวหน้าจังเลย พี่หมักตอบว่า ก็ต้องด่าเจ้าของมันสิด่าลูกน้องมันจะไปได้ผลอะไร ด่าเจ้าของแล้วเขาก็จะไปเล่นงานลูกน้องเอง พี่ก็บอกว่าแต่ถ้าลูกน้องลงข่าวถูกต้อง เราก็ปกป้องลูกน้องนะคะพี่ขา (หัวเราะ) จะเห็นว่าการทำข่าวยุคก่อนกับยุคนี้ต่างกันมาก เพราะยุคก่อนต้องเข้าถึงแหล่งข่าวให้ได้ แต่ยุคนี้เขียนข่าวโดยไม่รู้จักแหล่งข่าว ประหลาดจัง อย่างเช่นข่าว on lineที่เปิดกันมากมายนั้น เขามีแหล่งข่าวบ้างไหม หรือเขาลอกข่าวจากใครไปเขียน สงสัยจัง แล้วเดี๋ยวนี้ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่เลยนักข่าวมีจำนวนไม่พอกับสถานที่แถลงข่าว เช่น ตามกระทรวงต่างๆนักข่าวก็น่ารักมาก แจกข่าวกันเอง แบ่งข่าวให้กัน พี่ไม่อยากบอกว่าลอกข่าว เดี๋ยวเขาเสียใจ (หัวเราะ) สมัยก่อนนั้นการลอกข่าวจากคนอื่นเป็นเรื่องที่เราถือว่าเสียเกียรติของคนทำข่าว ดังนั้นเราจึงไม่ลอกข่าว เราต้องมีแหล่งข่าวของเราเองและเขียนจากการสัมภาษณ์ของเราเอง สมัยก่อนนะก่อนที่นักข่าวใหม่ๆ จะออกไปทำข่าวสักชิ้น เราต้องให้ข้อมูลไปด้วยว่าแหล่งข่าวที่จะไปพบเป็นคนลักษณะเช่นไร มีนิสัยใจคออย่างไร ทำธุรกิจด้านไหน หรือมีหน้าที่การงานอย่างไร เพื่อนักข่าวใหม่จะได้มี back ground ของแหล่งข่าว จะได้สัมภาษณ์ได้ตรงประเด็น และบางครั้งเราก็ต้อง assign ประเด็นให้นักข่าวใหม่ไปสัมภาษณ์หรือสอบถามด้วย
ในฐานะพี่แหนเป็นอดีตนายกสมาคมวารสารฯธรรมศาสตร์ ในวงวิชาการได้เคยหยิบยกประเด็นสำคัญนี้ไปหารือกันบ้างไหมครับ เพราะหากปล่อยไว้เช่นนี้แล้ว ความน่าเชื่อถือของข่าวสารในบ้านเราจะหมดไปในที่สุด
คุณแหน เขาจัดเสวนาวิชาการเป็นระยะๆ นะคะ แต่ว่าไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะในวงเสวนาก็อาจจะมีปัญหาคือพยายามเชิญคนรู้จริงไปให้ความรู้ แต่เขาก็ไม่ว่างไปร่วมเสวนา หรืออาจไม่อยากไป ส่วนคนที่ไปพูดนั้น บางคนก็รู้ไม่ลึก รู้ไม่จริง ก็เลยทำให้การเสวนาไม่สามารถสรุปผลได้ชัดเจน และไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา แต่พวกเราก็พยายามหาทางออกของปัญหานี้ แม้จะยากก็ต้องทำไปเรื่อยๆ เพราะต้องการเห็นวงวิชาชีพสื่อฯ ก้าวหน้าต่อไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ
มีผู้คนมากมายวิพากษ์ว่า เดี๋ยวนี้ดูข่าวทีวี ฟังข่าววิทยุแล้วได้รับแต่ความเห็นของผู้ดำเนินรายการ แต่ไม่ได้สาระของข่าว ทำไมผู้ดำเนินรายการที่เรียกว่าข่าวยุคนี้จึงเป็นเช่นนี้ พี่แหนจะตอบอย่างไรครับ
คุณแหน ตอบสั้นๆ ตรงๆ ว่าผิดหลักการรายงานข่าว เพราะข่าวต้องเป็นข่าวจะแสดงความคิดเห็นผสมไปไม่ได้ ต้องรายงานข่าวตรงไปตรงมา ส่วนความเห็นจะไปอยูที่คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ หรืออยู่ที่ผู้ให้ความเห็น (commentator)ย้ำว่าข่าวต้องเป็นข่าว จะผสมความคิดเห็นใดๆ จากนักข่าวเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด แล้วที่หลายท่านบ่นอีกเรื่องคือ ทำไมทุกวันนี้จึงมีแต่ข่าวไร้สาระ ไม่มีข่าวที่ให้สติปัญญา ก็ต้องตอบว่าเพราะคนทำข่าวยุคนี้ชอบเล่นข่าวประหลาดไร้สาระเพื่อเน้นยอดขาย โดยไม่สนใจว่าผู้เสพข่าวจะได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต และประโยชน์ต่อประเทศชาติ พี่เองก็ประหลาดใจมากแล้วก็ประหลาดใจที่ข่าวยุคหลังๆ นี้ไร้สาระ เลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมคนเราในยุคนี้จึงมีความคิดแย่ลงได้ถึงเพียงนี้ น่าเป็นห่วงอนาคตของบ้านเมือง บางคนก็ทำข่าวขายข่าวเพื่อต้องการ rating เท่านั้น เน้นหาโฆษณาอย่างเดียว
สื่อฯ ดีๆ ก็ยังมีนะครับ แต่คนไม่เสพ ไม่ดู แต่ชอบสื่อฯ ที่ไม่มีสาระ เรื่องนี้พี่แหนจะตอบอย่างไรดีครับ
คุณแหน ใช่สื่อฯ ดียังมี แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน เมื่อเป็นเช่นนี้สื่อฯ ดีๆ ก็ตายหมด ยกตัวอย่างเมื่อหลายสิบปีก่อนแนวหน้าเคยทำหนังสือการเมืองรายสัปดาห์ หนังสือขายดีมากคนซื้อเยอะมาก เนื้อหาสาระดี คอลัมนิสต์ดีมีความรู้ดีมากแต่ไม่มีโฆษณาเลย สุดท้ายเราก็ต้องปิดตัว ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโฆษณาไม่เข้า
พี่แหนมองการทำข่าวฆ่ากันตายในยุคนี้อย่างไรครับ หลายคนประณามว่าทำข่าวแบบนี้ต้องมีการทำแบบจำลองให้คนดูด้วยหรือ จำเป็นหรือ
คุณแหน ก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่คิดจะฆ่ากันอย่างไรคะ (หัวเราะ) จะได้ฆ่ากันได้ง่ายขึ้น เช่น ข่าวการกราดยิงในห้าง Terminal 21 ที่โคราชเมื่อหลายเดือนก่อน ก็มีการทำแบบจำลองต่างๆ นานาในข่าวทีวีกันอย่างน่าอัศจรรย์คนที่ดูข่าวก็สามารถลอกเลียนตัวอย่างได้เลย
ผมเชื่อว่าคนทำสื่อฯ จำนวนหนึ่งอยากทำสื่อดีๆ แต่เมื่อทำสื่อดีแล้วขายไม่ได้ เขาก็อยู่ไม่ได้ เขาก็ต้องหันไปผลิตสื่อเน่าๆ เพื่อให้อยู่ได้ พี่แหนจะตอบเรื่องนี้อย่างไรครับ
คุณแหน ก็จริงตามที่เขาวิจารณ์ค่ะ เช่น แนวหน้านั้นก็เจอปัญหานี้ นักข่าวดีๆ ของเราถูกซื้อตัวไปเยอะ เพราะเราไม่มีเงินจ้างแข่งกับคนอื่น ส่วนเรื่องสื่อฯ อย่างทำข่าวดีๆ ผลิตรายการดีๆ แต่ไม่มีคนสนับสนุนจะอยู่ได้อย่างไร ก็เป็นเรื่องหนักใจมากค่ะ เดี๋ยวนี้คนซื้อโฆษณาเขาเลือก rating มากกว่าสาระ เขาเน้นการสนับสนุนรายการที่คนดูมากๆ แต่ไร้สาระก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรค่ะ แล้วยิ่งเดี๋ยวนี้บางกลุ่มก็หันไปดูจากon line เพราะคิดว่าไม่ต้องดูจากสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ยิ่งทำให้สื่อสิ่งพิมพ์ดีๆ อยู่ยากเข้าไปอีก
พี่แหนมองเรื่องข่าว on line หลายแห่งลอกข่าวหนังสือพิมพ์อย่างไรครับ
คุณแหน เขาก็ลอกกันมานานแล้วนี่คะ ลอกมาตลอดสื่อ on line หลายแห่งไม่มีนักข่าวเลย แต่ลงข่าวได้ตลอด มหัศจรรย์มาก แถมลงได้ตลอดด้วย ก็ต้องถามว่าผิดกฎหมายขโมยทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ เมื่อก่อนนี้ ปรมาจารย์สื่อฯคือคุณพิชัย วาศนาส่ง ถามว่า ทำไมทีวีสมัยนี้จึงนำข่าวหนังสือพิมพ์ไปอ่าน ทำไมทีวีไม่ทำข่าวเอง น่าประหลาดใจมาก ที่ทีวีและวิทยุได้ชื่อว่าทำข่าวได้ทัสถานการณ์มากที่สุด แต่กลับนำข่าวหนังสือพิมพ์ไปอ่าน ดังนั้นยุคนี้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์หลายคนจึงบอกว่า เดี๋ยวนี้ไม่ต้องซื้อหนังสือพิมพ์แล้ว เพราะมีคนอ่านหนังสือพิมพ์จากวิทยุและจากทีวีให้ฟังทุกเช้า ไม่ต้องเสียเงินซื้อหนังสือพิมพ์ เป็นแบบนี้แล้วอาจารย์เฉลิมชัยคิดว่ายังไงเล่าคะ
พี่แหนเคยถามคนที่ตอบว่าไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ เพราะมีคนอ่านข่าวให้ฟังจากวิทยุและโทรทัศน์ไหมครับว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ หนังสือพิมพ์จะอยู่ได้อย่างไร
คุณแหน ถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ แต่พี่ว่าเรื่องการสนับสนุนสื่อสิ่งพิมพ์นั้น นอกจากขึ้นอยู่กับผู้ซื้อหนังสือพิมพ์แล้ว ยังขึ้นอยู่กับเอเจนซีโฆษณาด้วย หากเขาไม่ซื้อโฆษณาหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์ก็คงไปไม่รอด อย่าลืมว่าหนังสือพิมพ์คือผู้ตรวจสอบผู้มีอำนาจรัฐ และให้ความรู้กับสาธารณชน ดังนั้นเอเจนซีโฆษณาควรจะมีจิตสำนึกในเรื่องนี้ด้วย ต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติมีผู้ตรวจสอบที่เชื่อถือได้ ต้องสนับสนุนสื่อที่ควรสนับสนุน เพื่อให้สื่อสิ่งพิมพ์อยู่ต่อไปเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจรัฐ ต้องทำให้สื่อที่น่าเชื่อถือสามารถอยู่ต่อไปได้ หากต้องการคนทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลผู้มีอำนาจรัฐ ก็ต้องช่วยสื่อฯ ดีๆ ให้อยู่ได้ ทุกวันนี้สื่อฯ ดีๆ พยายามช่วยตัวเองให้อยู่รอดให้ได้ แต่ก็เป็นปัญหาใหญ่มาก ก็อยากขอร้องให้บริษัทห้างร้านต่างๆ โปรดช่วยกันส่งเสริมให้ประเทศของเรามีคนดีๆ ด้วยการสนับสนุนให้สื่อฯ ดีๆ ช่วยกันกวาดล้างคนไม่ดีให้หมดไปจากประเทศของเรา ฝากเรื่องนี้ให้เอเจนซีโฆษณาและบริษัทห้างร้านต่างๆ พิจารณาเรื่องนี้ด้วยนะคะ
พี่แหนมองเรื่องสื่อมวลชนตบทรัพย์อย่างไรครับ เรื่องนี้มีผู้วิจารณ์มากมาย
คุณแหน นักข่าวตบทรัพย์หรือคะ ก็คงมีอยู่นะคะ คำถามที่ต้องถามกลับคือ ทำไมจึงปล่อยให้นักข่าวตบทรัพย์ได้นักข่าวดีๆ มีตั้งมากมาย ทำไมไม่คบนักข่าวดีๆ ทำไมจึงไปคบกับนักข่าวตบทรัพย์ แต่คนก็กลัวนักข่าวตบทรัพย์นะคะ แต่หากถูกตบทรัพย์ก็ร้องเรียนได้นะคะ
ช่วงนี้พี่แหนวางมือจากแนวหน้าแล้ว ใครดูแลแนวหน้าแทนครับ
พี่แหน ลูกชายชื่อผรณเดชดูแลแทนค่ะ ส่วนพี่ลาออกจากทุกตำแหน่งในแนวหน้า หุ้นก็ไม่ถือแล้ว เพราะไม่มีกำไรเลยให้แนวหน้าเช่าที่ทำบริษัทค่ะ ตอนนี้พี่ก็เลยไม่ต้องถูกฟ้องไม่ต้องวิ่งไปขึ้นโรงขึ้นศาลตามจังหวัดต่างๆ พี่เคยเจอบางคดีนะคะฟ้องดะไปทั่วประเทศ พี่ต้องร้องเรียนไปยังท่านอัยการว่าขอให้รวบคดีไว้ที่เดียวกัน เรามีหลักแหล่งแน่นอน ไม่คิดจะหนีไปไหน อัยการบางท่านก็เมตตาให้รวมคดีไว้เป็นคดีเดียวกัน เพราะมั่นใจว่าเราไม่คิดจะหนี และเห็นว่าเรารายงานข่าวตามข้อเท็จจริงโดยเฉพาะเรื่องการโกงบ้านกินเมืองนั้น แนวหน้าไม่ยอมให้คนโกงบ้านกินเมืองใช้อำนาจรัฐกอบโกยผลประโยชน์สาธารณะเพื่อตนเองอย่างแน่นอน แล้วคนที่ฟ้องเราแบบกลั่นแกล้งนั้นสุดท้ายสาธารณชนก็ได้ประจักษ์ว่าเขาโกงบ้านกินเมืองจริงๆ
คุณสามารถพบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN 2 ช่อง 784ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการ ย้อนหลังได้ที่ YouTube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี