เมืองปราโต้ Prato ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองฟลอเรนซ์ในแคว้นทาสกานี ประเทศอิตาลี เป็นแหล่งผลิตเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก  ตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมาแล้ว มีคนจีนเข้าไปทำมาหากินเกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้าในเมืองปราโต้จำนวนมากและได้มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ขณะที่คนอิตาลีทั่วประเทศติดเชื้อไวรัสโควิดกว่าสองแสนคนและเสียชีวิตกว่าหมื่นคนนั้นกลับไม่พบคนจีนในเมือง ปราโต้ ติดเชื้อโควิดแม้แต่คนเดียว

2 ใน 3 ของคนจีนกว่าแสนคนที่เข้าไปทำงานในเมืองปราโต้ที่มีประชากรราว 4 แสนคน นั้นอยู่อย่างผิดกฎหมาย โดยส่วนใหญ่เข้าไปแบบนักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าเพียง 3 เดือน แต่ทำงานต่อไปอีกหลายปี ส่วนใหญ่ ทำงานผลิตเสื้อผ้า “ผลิตในอิตาลี” ที่ขายได้ราคาแพงกว่าเสื้อผ้าที่ผลิตในประเทศจีน  โดยมีการนำวัสดุจากประเทศจีนเข้าไปตัดเย็บในโรงงานห้องแถวซึ่งมีอยู่มากมายในเมืองปราโต้เพราะแรงงานคนจีนนั้นทำงานหนักได้มากและค่าแรงถูกกว่าคนอิตาลีที่เป็นเจ้าของประเทศ

เมื่อตอนที่โควิดเริ่มระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ตอนปลายปี พ.ศ. 2562 นั้น คนอิตาลีมองคนจีนอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามว่าเป็นพาหะนำโรคร้ายจากเมืองจีนมาสู่อิตาลี

คนจีนบางคนเดินทางไปเยี่ยมบ้านในประเทศจีนช่วงปีใหม่ จึงรู้ถึงอันตรายและวิธีป้องกันตนจากโรคร้าย เมื่อกลับมาถึงอิตาลีจึงเริ่มกักตัวอยู่กับบ้าน 14 วันแยกจากคนในครอบครัวกระจายข่าว  ใช้หน้ากาก ถุงมือ รักษาระยะห่าง  และล้างมือ

ขณะที่ชาวอิตาลีส่วนใหญ่มัวฉลองวันคริสตมาส เล่นสกี กินเลี้ยงสังสรรค์ เบียดเสียดยัดเยียดกันในร้านกาแฟ ภัตตาคารและบาร์ ร้านค้าส่วนใหญ่ของคนจีนในเมืองปราโต้ได้ปิดลงและคนจีนจำนวนมากก็หายตัวไปจากท้องถนนและห้างสรรพสินค้า โดยเก็บตัวอยู่ในบ้าน  ระยะนั้นคนอิตาลีมองคนจีนอย่างมนุษย์ประหลาดที่ใส่หน้ากากเดินไปตามท้องถนน  โดยไม่เชื่อว่าอันตรายร้ายแรงกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้  ไม่ยอมเข้าใจและไม่ทำตามพวกคนจีน

ชาวจีนนำหน้ากากจากประเทศจีนมาแจกให้คนอิตาลี  ให้เด็กๆหยุดไปโรงเรียน แยกผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศจีนมากักตัวในโรงแรมที่จัดไว้เฉพาะ  ทั้งๆที่ยังไม่มีคำสั่งจากรัฐบาลอิตาลี

การที่คนจีนในเมืองปราโต้ไม่ติดเชื้อโควิดแม้แต่คนเดียว ขณะที่คนอิตาลีติดเชื้อกว่าแสนคน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า โรคโควิดอันร้ายแรงนั้นสามารถป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง คือใช้หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ ไม่เข้าไปในที่มีคนหนาแน่น และปฏิบัติตนตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข   เหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำไปเป็นตัวอย่างแก่ชาวไทยและชาวโลกได้เป็นอย่างดี