กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ในอดีตนั้นตำราวิชาการต่างๆ ที่เป็นความรู้นั้นมักคัดลอกจากจารึกและเอกสารโบราณ หรือจดตามความจำของปราชญ์ผู้รู้ที่ยังจดจำไว้ได้ ในยามที่ทุกคนต้องอยู่บ้านร่วมกันหยุดเชื้อเพื่อชีวิตจากวิกฤติโควิด-๑๙ นี้ ทำให้นึกถึงคุณของหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากรที่เริ่มรวบรวมตำราวิชาการที่กระจัดกระจายนั้นมาพิมพ์เผยแพร่ให้อ่านกัน หนังสือประเภทนี้รู้จักกันดีในชื่อ “หนังสือภาคหอ” ซึ่งหมายถึงหนังสือที่พิมพ์ใหม่จากเอกสารโบราณของหอมณเฑียรธรรม จากเอกสารเก่าของหอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งเป็นหอสมุดของสโมสรสมาชิก ผู้เป็นพระราชโอรสพระราชธิดา ร.๔ และพระบรมวงศานุวงศ์สร้างถวายฯ ที่ศาลาสหทัยสมาคม ต่อมารัชกาลที่ ๕ ได้โปรดเกล้าฯ อุทิศถวายหอพระสมุดวชิรญาณให้เป็นหอพระสมุดสำหรับพระนคร เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๔๘ ในรัชกาลที่ ๖ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร มาอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุ ริมถนนหน้าพระธาตุ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๙ หลังสุด รัชกาลที่ ๗เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้แยกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครออกเป็น๒ หอ คือ หอพระสมุดวชิราวุธ ตั้งอยู่ที่ตึกถาวรวัตถุเช่นเดิมให้เป็นที่เก็บหนังสือฉบับพิมพ์และ หอพระสมุดวชิรญาณ ให้ใช้เป็นที่เก็บหนังสือตัวเขียนและตู้พระธรรม พ.ศ.๒๔๗๖ รัฐบาลได้จัดตั้งกรมศิลปากร ทำให้หอพระสมุดสำหรับพระนครนั้นเปลี่ยนเป็นหอสมุดแห่งชาติมาจนวันนี้
กรมศิลปากรออกร้านลดราคา
สำหรับการพิมพ์หนังสือจาก “หนังสือภาคหอ” ทั้งหมดนั้น ในช่วง พ.ศ.๒๔๒๐-๒๔๓๐ ได้มีการพิมพ์หนังสือวชิรญาณที่ให้สมาชิกของหอสมุดฯเขียนเรื่องราวความรู้ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ นิทาน รวมสุภาษิตคำพังเพย วิทยาศาสตร์ ศาสนา กิจกรรมเศรษฐกิจและการพาณิชย์ ข่าวต่างประเทศและท้องถิ่น และเรื่องแปล ซึ่งพิมพ์เรื่องพระราชนิพนธ์ พระนิพนธ์ หนังสือส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ เป็นหลักในการพิมพ์ครั้งแรกและพิมพ์ในโอกาสพิเศษ ด้วยงบประมาณราชการ แต่เนื่องจากงบประมาณจำกัด จึงให้โรงพิมพ์เอกชนมาร่วมช่วยจัดพิมพ์ โดยมอบหนังสือร้อยละ ๒๐ ให้หอสมุดฯ เผยแพร่ต่อ หนังสือสำคัญครั้งแรกได้แก่ หนังสือพระราชนิพนธ์เรื่องไกลบ้านฉบับพิมพ์ครั้งแรก ปี ร.ศ.๙๓ (พ.ศ. ๒๔๑๗)หนังสือสวดมนต์ฉบับแรก รัชกาลที่ ๕ทรงสั่งให้พิมพ์อุทิศให้สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ แจกจ่ายไปยังวัดทั่วประเทศจำนวน ๑ หมื่นฉบับ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓และพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์ที่เขียนด้วยอักษรไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๓๖ ในครั้งแรกนั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เริ่มให้มีการพิมพ์เป็นหนังสือแจกในงานศพเป็นการแก้ปัญหาทุนจัดพิมพ์โดยพระองค์จะเขียนประวัติผู้ตายและความสำคัญของเนื้อหาด้วยพระองค์เอง
หอสมุดพระนครสมัยร.๖
สมัยรัชกาลที่ ๖ นั้นหอสมุดแห่งชาติได้มีเกณฑ์การตีพิมพ์ไว้ว่า งานนั้นควรเกี่ยวด้วยวิชาความรู้ มากกว่าที่จะเป็นหนังสือธรรมดาสามัญที่ราษฎรนิยมชมชอบ งานเหล่านี้ได้แก่บรรดาวรรณคดีและประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองและงานแปลทางพุทธศาสนา เช่น วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน อิเหนา เวสสันดรชาดก ฯลฯ หรือประชุมพงศาวดาร ซึ่งเริ่มตีพิมพ์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๔๑ เพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับการเขียนประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมไทย ปัจจุบันหนังสือภาคหอนั้นกรมศิลปากรได้การพัฒนาและพิมพ์งานวรรณคดีเก่า พงศาวดาร ซ้ำหลายครั้งพร้อมผนวกเอกสารเก่าให้ด้วย กับนำเสนอผลงานการศึกษาขุดค้นด้านโบราณคดีที่พบใหม่และงานการอนุรักษ์ศิลปกรรมจากโบราณสถานโบราณวัตถุสำคัญ จึงทำให้ “หนังสือภาคหอ” อย่างใหม่ในวันนี้ทันสมัยสำหรับการเรียนรู้ในสถาบันและผู้สนใจทั่วไปตามเจตนารมณ์การจัดพิมพ์แต่เดิม สนใจติดต่อที่ศูนย์หนังสือศิลปากร (อาคารเทเวศร์) ๘๑/๑ ถ.ศรีอยุธยา แขวงวชิระ เขตดุสิต กทม. ๑๐๓๐๐โทรศัพท์ ๐๒-๑๖๔๒๕๐๑ ต่อ ๑๐๐๔ ในเวลาราชการ และดูชื่อหนังสือภาคได้ที่http://bookshop.finearts.go.th/..ในราคาเพื่อการเผยแพร่สาระความรู้มรดกของแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี