วันอังคาร ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' สมรภูมิช่องบก: 2528-2530

บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' สมรภูมิช่องบก: 2528-2530

วันอาทิตย์ ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ช่องบก บทความพิเศษ รู้เขา รู้เขมร
  •  

ช่วง พ.ศ. 2528 ถึง 2530  เกิดการสู้รบระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพเวียดนามที่เข้ามาเคลื่อนไหวในดินแดนกัมพูชา โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มต่อต้านเวียดนามที่เคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนั้น และพยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในพื้นที่ของไทย


จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง

“ช่องบก” คือพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในเขตอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า “สามเหลี่ยมมรกต” ซึ่งเป็นจุดรอยต่อระหว่างสามประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และกัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร  ใกล้เขาพระวิหาร   โดยมีลักษณะภูมิประเทศเป็นป่าทึบและเทือกเขาพนมดงรักที่สูงชัน

ความขัดแย้งในพื้นที่นี้มีรากลึกย้อนกลับไปถึงยุคอาณานิคมฝรั่งเศส เมื่อการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่ชัดเจน แผนที่ที่ใช้ในสนธิสัญญาหลายฉบับมีความแตกต่างไม่ตรงกัน   ส่งผลให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์

โดยในช่วงพ.ศ. 2501 ถึง 2505เคยเกิดเหตุปะทะกันด้วยปืนใหญ่และเครื่องบิน ระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชามาแล้วที่ช่องบก  ซึ่งเป็นทางผ่านสำคัญไปสู่เขาพระวิหาร  ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 30 นาย  ขณะที่ทหารกัมพูชาก็สูญเสียใกล้เคียงกัน   การรบยุติลงตามคำสั่งของศาลโลก แล้วมาเจรจาแก้ปัญหากันด้วยสันติวิธี 

จุดปะทุของสมรภูมิ

ในช่วงปี พ.ศ. 2528–2530 ช่องบกกลายเป็นสมรภูมิเดือดอีกครั้ง เมื่อกองทัพเวียดนามซึ่งเข้ายึดครองกัมพูชาหลังโค่นล้มเขมรแดงในปี 2522 ได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ชายแดนไทยบริเวณช่องบก โดยอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ที่ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนชัดเจน และมีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าเขาที่ยากต่อการควบคุม ฝ่ายเวียดนามต้องการใช้พื้นที่นี้เป็นเส้นทางลำเลียงและเป็นฐานที่มั่นในการโจมตีกลุ่มต่อต้านในกัมพูชา

กองกำลังสุรนารีของไทย ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนภาคอีสาน ได้รับคำสั่งให้เข้าปฏิบัติการทันที ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบาก เต็มไปด้วยทุ่นระเบิดและแนวป่าทึบ ทหารเวียดนามสร้างบังเกอร์คอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาวุธหนักที่ได้รับการสนับสนุนจากฐานในลาวและกัมพูชา

ยุทธวิธีแห่งความอดทน

ฝ่ายไทยใช้ยุทธวิธีที่เรียกว่า “ขุดบ่อเพาะ” โดยขุดหลุมเข้าใกล้ฐานเวียดนามทีละน้อย ไม่เปิดฉากยิงทันที แต่เน้นการส่งเสบียงและกำลังบำรุงอย่างต่อเนื่อง วิธีนี้ทำให้ฝ่ายเวียดนามค่อย ๆ อ่อนล้าและเสียขวัญ

การสู้รบยืดเยื้อถึง 2 ปี และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2530   การรบที่สมรภูมิช่องบกยุติลงเมื่อกองทัพเวียดนามถอนกำลังออกจากกัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระหว่างประเทศและแรงกดดันจากนานาชาติ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเขตแดนบริเวณช่องบกยังคงเป็นประเด็นที่ต้องมีการหารือและปักปันเขตแดนกันอย่างเป็นทางการต่อไป

ราคาของสงคราม

การสู้รบครั้งนี้ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทหารไทยเสียชีวิต 109 นาย และบาดเจ็บ 664 นาย มีการใช้กระสุนปืนใหญ่ถึง 21,791 นัด สมรภูมิช่องบกจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวีรกรรมทหารไทยที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน

ฐานอนุพงษ์: อนุสรณ์แห่งความเสียสละ

“ฐานอนุพงษ์” ตั้งอยู่บริเวณห้วยพลาญเสือ ใกล้ช่องบก เป็นอนุสรณ์เพื่อรำลึกถึง ร้อยโทอนุพงษ์ บุญญะประทีป ผู้เสียชีวิตในระหว่างการปะทะกับกองกำลังเวียดนามเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530

ในวันนั้น หมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อยทหารราบที่ 1631 ภายใต้การนำของ ร.ท.อนุพงษ์ ได้เข้าช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่บาดเจ็บและเสียชีวิต จนถูกระดมยิงและเสียชีวิตในพื้นที่ปะทะ   ดังนั้นฐานแห่งนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความเสียสละของทหารไทยที่ยอมพลีชีพเพื่อชาติ

การฟื้นฟู

หลังสงคราม ช่องบกได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไทยพยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพื้นที่จากสมรภูมิเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจ โดยมีการพัฒนาอุทยานแห่งชาติภูจองนายอยให้เป็นจุดชมวิวสามเหลี่ยมมรกต

นอกจากนี้ ยังมีโครงการพระราชดำริที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านผ่านการส่งเสริมอาชีพ และความร่วมมือระหว่างไทย ลาว และกัมพูชาเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดน

แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ ช่องบกยังคงเป็นจุดเปราะบางของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่พิพาท หลังฝ่ายกัมพูชาขุดคูยาว 650 เมตรเพื่อตั้งจุดตรึงกำลัง ซึ่งไทยมองว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง เอ็มโอยู 43  (MOU43)

เหตุการณ์ยุติลงภายใน 10 นาทีหลังการเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้บัญชาการทั้งสองฝ่าย แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าช่องบกยังคงเป็นพื้นที่ที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ

โดย สุริยพงศ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • บทความพิเศษ : \'รู้เขา รู้เขมร\' ฝึกพูดเขมรวันละประโยค บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' ฝึกพูดเขมรวันละประโยค
  • บทความพิเศษ : \'รู้เขา รู้เขมร\' วิธีสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนชายแดนไทย–กัมพูชา  สำหรับทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ชายแดน บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' วิธีสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนชายแดนไทย–กัมพูชา สำหรับทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ชายแดน
  • บทความพิเศษ : \'รู้เขา รู้เขมร\' การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของชาวกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือน–ตาควาย บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของชาวกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือน–ตาควาย
  • บทความพิเศษ : \'รู้เขา รู้เขมร\' ภาษาและอักษรไทย-เขมร บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' ภาษาและอักษรไทย-เขมร
  • บทความพิเศษ : \'รู้เขา รู้เขมร\' ประวัติศาสตร์และข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ยุคปัจจุบัน บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' ประวัติศาสตร์และข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ยุคปัจจุบัน
  • บทความพิเศษ : \'รู้เขา รู้เขมร\' รู้เอ็มโอยู...รู้ทันการณ์ : รู้จัก MOU43 และMOU44 บันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา บทความพิเศษ : 'รู้เขา รู้เขมร' รู้เอ็มโอยู...รู้ทันการณ์ : รู้จัก MOU43 และMOU44 บันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา
  •  

Breaking News

ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ชวนดู “Boxing Songkran” เสาร์นี้ ฮาไม่พัก ต่อยไม่ยั้ง

RUN FOR MOM 2025 วิ่งเพื่อแม่ 9 สิงหาคม 2568 ณ อุทยานเบญจสิริ

'ตั๊กมยุรา'เผยดื่มน้ำผิดชีวิตพัง! เปิดความลับเรื่องน้ำดื่มที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ

'ช่อง 8 ปันน้ำใจ' เพื่อประชาชนและทหาร ที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved