บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS นำโดย นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และ บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ได้รับเกียรติจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำสิงคโปร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญร่วมมอบความรู้ด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ในงาน Enhancing Thailand: A Journey of Culture & Connectivity โดยมี นางอุรีรัชต์ เจริญโต ฯพณฯ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ดร. Hwang Yee Cheau, Chairperson, Career Women's Group SCCCI, Rachel Sim, Committee Member Career Women's Group, SCCCI and Director of V3 Group และแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงาน ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ ประเทศสิงคโปร์
นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ
งานดังกล่าวจัดโดย Singapore Chinese Chamber of Commerce & Industry หรือ SCCCI คณะกรรมการของกลุ่มนักธุรกิจสตรี (Career Women’s Group - CWG) ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายทางธุรกิจภายใต้หอการค้าและอุตสาหกรรมจีนของสิงคโปร์ (Singapore Chinese Chamber of Commerce & Industry - SCCCI) ชูแนวคิด Wellness Hub Thailand ผลักดัน Soft Power เพื่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันไทย โดยเฉพาะในผู้หญิงยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญบทบาทหลากหลาย การดูแลสุขภาพจึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือ “พลัง” ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับโลก
ในโลกยุค 5.0 ที่เทคโนโลยีและการแพทย์พัฒนาอย่างรวดเร็ว บทบาทของ “ผู้หญิง” ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพได้กลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน สุขภาพของผู้หญิงในวันนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องส่วนบุคคลอีกต่อไป หากแต่เป็น “หัวใจของความมั่นคง” ทั้งในระดับครอบครัว เศรษฐกิจ และโครงสร้างทางสังคมโดยรวม
ประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำของภูมิภาคเอเชียที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิงอย่างรอบด้าน ผ่านนโยบายสาธารณสุขที่ชัดเจน การสนับสนุนองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน รวมถึงการลงทุนใน เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิง (FemTech) ซึ่งกำลังกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ระดับโลกที่มาแรงในยุค 5.0
ทั้งนี้ FemTech ไม่ได้หมายถึงแค่เทคโนโลยีเพื่อการรักษาโรคในผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพฮอร์โมน การดูแลสุขภาพจิต การตั้งครรภ์ การนอนหลับ และการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งล้วนเป็นมิติสำคัญของการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเท่าเทียม ความมั่นคง และอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับผู้หญิงในทุกบทบาท
นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ กล่าวว่า เมื่อโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ “Aging Society” อย่างสมบูรณ์แบบ ประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีและระบบสุขภาพอย่าง สิงคโปร์ ก็กำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโครงสร้างประชากร โดยสำนักงานสถิติของสิงคโปร์คาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ. 2041 กว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดจะมีอายุ 60 ปีขึ้นไป การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) นั้น ไม่ได้เป็นเพียงความท้าทายด้านสาธารณสุข แต่ยังเป็นประเด็นสำคัญเชิงเศรษฐกิจและนโยบายระยะยาว ที่ต้องอาศัยการปรับตัวในระดับโครงสร้าง และคำตอบสำคัญของการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้คือ “การดูแลสุขภาพเชิงรุก” หรือ Proactive & Preventive Healthcare
(ที่สองจากขวา) ออท. อุรีรัชต์ เจริญโต และ คณะกรรมการนักธุรกิจสตรี CWG)
“หนึ่งในสิ่งที่ท้าทายสำหรับสังคมผู้สูงอายุ คือโรคติดต่อไม่เรื้อรัง หรือ NCDs (Non-Communicable Diseases) โดยจากงานวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO – World Health Organization) ในปี ค.ศ. 2022 เผยว่า ประชากรชาวสิงคโปร์กว่า 75% เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คิดเป็น 20,100 รายต่อปี หรือ 2.3 รายต่อชั่วโมง โดยมีสาเหตุหลักจาก โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคความดันโลหิตสูง รวมไปถึงภาวะความดันโลหิตสูงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจด้วย นอกจากนี้ อีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลในประเทศสิงคโปร์คือ อัตราการเกิดโรคอ้วนในประชาชน ซึ่งจากรายงานล่าสุดพบว่า ประชากรในประเทศสิงคโปร์กว่า 42% หรือ 2,437,680 ราย มีภาวะอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและปัญหาสุขภาพในภายหลัง ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการดูแลสุขภาพเชิงรุกและเวชศาสตร์ป้องกัน ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็น ‘หัวใจ’ ของการสร้างสังคมสุขภาพดีที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบอย่างสิงคโปร์” นายแพทย์ตนุพลกล่าว
นอกจากนี้ นายแพทย์ตนุพลยังได้เปิดเผยว่า คนที่กำลังเผชิญกับภาวะน้ำหนักเกิน ส่งผลให้เกิดการหดสั้นของเทโลเมียร์ โดยการหดสั้นของเทโลเมียร์ในผู้ที่มีภาวะอ้วนเทียบเท่ากับอายุขัยที่ลดลงถึง 8.8 ปี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ เซลล์ในร่างกายแก่กว่าอายุจริงเฉลี่ยเกือบทศวรรษ ซึ่งนับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่นเดียวกัน
จากข้อมูลข้างต้น สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การดูแลสุขภาพเชิงรุกและเวชศาสตร์ป้องกันคือกุญแจสำคัญในการรับมือกับสังคมผู้สูงวัยที่กำลังจะมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีและการแพทย์อย่างสิงคโปร์ การยกระดับความรู้ ความเข้าใจ และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เน้นการป้องกันก่อนเกิดโรค จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ทั้งในเชิงสุขภาพ เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชากรในระยะยาว
สำหรับ นายแพทย์ตนุพล วิสัยทัศน์ด้านสุขภาพไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นแพทย์ผู้ส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับผู้คนทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นในการผลักดัน “ประเทศไทย” ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็น จุดหมายปลายทางด้านสุขภาพระดับโลก (Global Wellness Destination) ด้วยอัตลักษณ์ความเป็นไทยอันทรงคุณค่า
ประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นอย่างยิ่งในด้าน Retreat & Wellness ด้วยศาสตร์แห่งการเยียวยาแบบองค์รวมที่สืบทอดกันมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็น การนวดแผนไทย สมุนไพรไทย อาหารไทยเพื่อสุขภาพ ศาสตร์ธรรมชาติบำบัดต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการผ่อนคลายทั้งกายและจิตใจ วิถีเหล่านี้ล้วนถ่ายทอดความละเมียดละไมของวัฒนธรรมไทย ที่เชื่อมโยงสุขภาพเข้ากับวิถีชีวิตอย่างกลมกลืน อย่างไรก็ตาม ความพิเศษที่ทำให้ "ศาสตร์สุขภาพแบบไทย" ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ คือการนำมาผสานเข้ากับ ศาสตร์แห่ง Scientific Wellness และเทคโนโลยีการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในมาตรฐานสากลในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพเชิงลึกในระดับเซลล์ เช่น การตรวจเทโลเมียร์ การตรวจ Epigenetics การตรวจสมดุลวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และฮอร์โมน พร้อมทั้งการวางแผนดูแลสุขภาพตามหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ภายใต้แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน
“การหลอมรวมระหว่าง ‘ภูมิปัญญาไทย’ และ ‘วิทยาศาสตร์สุขภาพสมัยใหม่’ จึงไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ หากแต่คือ หัวใจของ Soft Power ด้านสุขภาพที่ทรงพลัง สร้างมูลค่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อย่างยั่งยืน พร้อมปลุกแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกหันกลับมา ‘ดูแลตนเองอย่างลึกซึ้ง’ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ” นายแพทย์ตนุพล กล่าวปิดท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี