มันสำปะหลัง (Cassava) เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของกัมพูชา และเป็นแหล่งรายได้หลักของเกษตรกรจำนวนมาก การปิดชายแดนและมาตรการควบคุมการนำเข้าของไทยที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระ ทบอย่างรุนแรงต่อการเพาะปลูกมันสำปะหลังของกัมพูชา
จากความตึงเครียดของสถานการณ์ชายแดน เมื่อรัฐบาลกัมพูชาออกคำสั่งห้ามนำเข้าผักผลไม้จากไทย ส่งผลให้เกษตรกรฝั่งไทยได้รับความเดือดร้อนเพียงไม่กี่วัน กระทรวงพาณิชย์ไทยก็ตอบโต้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 โดยสั่งให้กรมการค้าต่างประเทศควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องเกษตรกรไทย รักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ ควบคุมคุณภาพ ป้องกันการสวมสิทธิ และสกัดการแพร่ระบาดของโรคใบด่าง และต่อมาก็มีการสั่งปิดพรมแดนไทย กัมพูชาตลอดแนว ห้ามรถบรรทุกและคนผ่านเข้าออก
1. แหล่งผลิตและราคา
แหล่งผลิตมันสำปะหลังที่สำคัญของกัมพูชาส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดติดชายแดนไทย อาทิ พระตะบอง, บันเตียเมียนเจย, อุดรมีชัย, เสียมราฐ, และโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสภาพดินและภูมิอากาศเหมาะสมกับการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ราคาจะผันผวนขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณการรับซื้อจากโรงงานแปรรูปในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกมันสำปะหลังดิบของกัมพูชา
2. ผู้ผลิตและพื้นที่เพาะปลูก
มีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในกัมพูชาหลายแสนคน โดยเฉพาะในจังหวัดที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งหลายครอบครัวมีรายได้หลักจากการเพาะปลูกพืชชนิดนี้ ขนาดของพื้นที่เพาะปลูกแตกต่างกันไปตั้งแต่รายย่อยไม่กี่ไร่ไปจนถึงเกษตรกรขนาดใหญ่หลายร้อยไร่
3. การนำไปใช้และสถานที่แปรรูป
มันสำปะหลังของกัมพูชาส่วนใหญ่จะถูกนำไปแปรรูปเป็น มันเส้น และ มันอัดเม็ด เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ แป้งมันสำปะหลัง และเอทานอล โรงงานแปรรูปส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่ติดชายแดนกัมพูชา เช่น สระแก้ว, บุรีรัมย์, และสุรินทร์ นอกจากนี้ยังมีโรงงานแปรรูปในประเทศเวียดนามและบางส่วนในกัมพูชาเอง แต่ยังไม่เพียงพอต่อปริมาณผลผลิตทั้งหมด
4. เส้นทางการส่งออก
มันสำปะหลังกัมพูชาถูกส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลักๆ คือ ไทย เวียดนาม และจีน โดย กว่าร้อยละ 90 ของผลผลิตถูกส่งมายังประเทศไทย รวมมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ช่องทางการส่งออกที่สำคัญที่สุดคือผ่าน ด่านพรมแดนทางบก กับประเทศไทย ด่านที่สำคัญได้แก่ ด่านปอยเปต-คลองลึก (สระแก้ว), ด่านโอเสม็ด-ช่องจอม (สุรินทร์), และด่านพนมเปญ-บ้านแหลม (จันทบุรี) การส่งออกไปยังเวียดนามจะผ่านด่านทางบกในภาคตะวันออกของกัมพูชา ส่วนการส่งออกไปจีนมักจะผ่านเวียดนามหรือขนส่งทางเรือผ่านท่าเรือสีหนุวิลล์
5. ความเดือดร้อนจากการปิดด่านและการควบคุมการนำเข้า
เมื่อประเทศไทยประกาศปิดด่านพรมแดน หรือใช้มาตรการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังอย่างเข้มงวด เช่น การจำกัดโควตา หรือกำหนดเงื่อนไขที่ซับซ้อน จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างต่อเกษตรกรกัมพูชา:
• ราคาตกต่ำ: เมื่อไม่สามารถส่งออกไปยังตลาดหลักในไทยได้ ปริมาณมันสำปะหลังที่ล้นตลาดภายในประเทศจะทำให้ราคาตกต่ำอย่างมาก บางครั้งถึงขั้นไม่คุ้มทุนในการเก็บเกี่ยว
• ผลผลิตเน่าเสีย: มันสำปะหลังเป็นพืชที่เน่าเสียได้ง่ายหากเก็บไว้นาน เกษตรกรต้องเร่งระบายผลผลิต ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
• ภาระหนี้สิน: เกษตรกรที่กู้ยืมเงินมาลงทุนในการเพาะปลูกต้องเผชิญกับภาระหนี้สินที่ไม่สามารถชำระคืนได้
• การว่างงาน: อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น แรงงานขนส่ง และพ่อค้าคนกลาง ได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักของการค้า
6. แนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาลกัมพูชา
รัฐบาลกัมพูชาตระหนักถึงปัญหานี้และพยายามหาแนวทางแก้ไขมาโดยตลอด ซึ่งรวมถึง:
• เจรจากับไทย: มีการเจรจากับทางการไทยเพื่อขอให้เปิดพรมแดน
• ส่งเสริมการแปรรูปในประเทศ: รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนในการสร้างโรงงานแปรรูปมันสำปะหลังในกัมพูชา เพื่อลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศและเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต
• หาตลาดใหม่: พยายามขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เช่น จีน เวียดนาม และประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อกระจายความเสี่ยง
• พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: ปรับปรุงเส้นทางการคมนาคมและระบบโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออก
• สนับสนุนเกษตรกร : ให้คำแนะนำด้านเทคนิคการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการแปรรูปเบื้องต้น เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิตและลดการเน่าเสีย
โดย สุริยพงศ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี