เมื่อวันก่อนมีข่าวว่า ผู้เลี้ยงสุนัขใจบุญท่านหนึ่งเก็บสุนัขมาเลี้ยงไว้จำนวนมาก แต่สุนัขที่เลี้ยงมีอาการท้องเสียติดต่อกัน และตายไปทีละตัวเกือบ 10 ตัว สุดท้ายเมื่อพาไปพบสัตวแพทย์ จึงได้ทราบว่าสุนัขทุกตัวนั้นป่วยติดต่อกันจากโรคลำไส้อักเสบจากเชื้อ parvo virus
เรื่องนี้หลายท่านอาจมองว่า แค่สุนัขท้องเสียเท่านั้นเอง จะทำให้ตายต่อเนื่องกันเกือบ 10 ตัวเชียวหรือ? วันนี้จึงขอนำเรื่องนี้มาคุยกัน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและการป้องกันที่ถูกวิธีครับ
โรคลำไส้อักเสบติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส หรือ Canine viral enteritis นั้น ฟังจากชื่อโรคดูก็พอจะบอกได้ว่าเป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติหลักๆ ที่ “ระบบทางเดินอาหาร” คือ มีการอักเสบติดเชื้อที่สำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งการท้องเสียที่เกิดจากเชื้อไวรัสนั้น มักจะมีความรุนแรงกว่าการท้องเสียที่เกิดจากสาเหตุอื่น ไม่ว่าจะเกิดจากเชื้อพยาธิ บิด โปรโตซัว และแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเองนั้น ก็มีหลายชนิด เช่น Parvo virus และ Corona virus แต่ตัวที่ก่อให้เกิดปัญหาหนักและรุนแรง ที่เป็นเหตุให้สุนัขตาย คือ Parvo virus ซึ่งเป็นเรื่องที่เราจะมาคุยกันวันนี้ครับ
โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่มีความรุนแรงมาก โดยเฉพาะในลูกสุนัขและสุนัขที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อน ไวรัสตัวนี้จะเข้าไปทำลายผนังทางเดินอาหารทำให้เกิดแผลลอกหลุด ทำให้การย่อยและดูดซึมอาหารสูญเสียไป
อาการหลักที่พบ
มีอาการอาเจียนและถ่ายอย่างรุนแรง ซึม กินอาหารไม่ได้ถ่ายเหลวพุ่ง โดยในระยะท้ายจะถ่ายเป็นเลือด กลิ่นเหม็นคาวจัด(สมัยโบราณจะอุปมาว่าเหม็นคล้ายกลิ่นกุ้งเน่า) อาการที่พบอีกอย่างหนึ่งคือ การทำงานของระบบหายใจ รวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลว โดยเฉพาะในลูกสุนัข ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันได้
สาเหตุของการตาย
เกิดจากการอาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรงมาก ทำให้เกิดภาวะช็อก เนื่องจากการเสียน้ำ และภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุลหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ที่สำคัญ ไวรัสตัวนี้จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน เกิดหัวใจล้มเหลว เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย สุนัขจะตายแบบเฉียบพลันได้
การติดต่อและการแพร่ระบาดของโรค
การระบาดของโรคนี้ มักเกิดจากการกินและการสัมผัสโดยตรง จากเชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในอุจจาระของสุนัขที่ป่วย หรือโดยการสัมผัสผ่านตัวพาหะสื่อกลาง เช่น ติดเสื้อผ้าหรือรองเท้าของเจ้าของ หรือผ่านสัตว์อื่นเช่น นกที่บินมาเกาะชามอาหาร
การตรวจวินิจฉัยโรค
ในอดีตอาจต้องมีการพิจารณาจากประวัติและอาการ ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ว่าเกิดจากเชื้อไวรัสหรือไม่ รวมถึงจากไวรัสกลุ่มไหน แต่ปัจจุบันมี “ชุดทดสอบ” (test kit) ที่ให้ผลการตรวจสอบแม่นยำ จึงทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคแม่นยำ และช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
การรักษา
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียารักษาเฉพาะ ทำได้แค่รักษาเพียงแบบพยุงอาการ ชดเชยภาวะการขาดน้ำ แร่ธาตุ และสารอาหาร รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อแทรกซ้อนในปัจจุบันมีการรักษาโดยการให้อินเตอเฟียรอน (interferon) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีผลทำให้เซลล์ที่ถูกกระตุ้นนั้นอยู่ในสภาพที่ต้านไวรัส ซึ่งโดยปกติร่างกายจะสร้างสาร interferon นี้ขึ้นมาเองได้ แต่สัตว์ต้องอยู่ในสภาพที่แข็งแรงเพียงพอ ปัจจุบันเริ่มมีสัตวแพทย์นำมาใช้รักษามากขึ้น แต่ติดที่มีราคาค่อนข้างสูง
การป้องกัน
สามารถป้องกันโรคนี้ได้โดยการพาสุนัขไปรับการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันที่ได้ผลดีมากวิธีหนึ่ง แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ก็เป็นการลดอัตราการเสี่ยงของการเกิดโรคได้ การทำวัคซีนจะเริ่มทำตั้งแต่อายุ 6-8 สัปดาห์ และทำการกระตุ้นซ้ำอีก 1-2 ครั้งห่างจากเข็มแรกประมาณ 2-4 สัปดาห์ และฉีดซ้ำเป็นประจำทุกปีเนื่องจากเราอาจไม่สามารถป้องกันสุนัขของเราจากการติดโรคจากสภาพแวดล้อมได้ เช่น เมื่อพาสุนัขออกไปเดินเล่นหรือขับถ่ายสุนัขอาจดมหรือเลีสิ่งของ ผนัง พื้นถนนที่อาจมีเชื้อปนเปื้อนอยู่ นอกจากนี้สัตว์ตัวเล็กบางชนิดเช่น แมลงสาบ หนู หรือนกกระจอก นกพิราบที่มากินเศษอาหารที่เหลืออยู่ในชามอาหารของสุนัข อาจไปสัมผัสกับอุจจาระที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนมาก่อน ซึ่งก็เป็นการนำเชื้อมาให้สุนัขของเราทางอ้อมได้ ดังนั้น การล้างชามอาหารและคว่ำให้แห้งทุกครั้งหลังจากที่สุนัขกินเสร็จ ก็เป็นวิธีป้องกันอีกทางหนึ่งครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี