ในปัจจุบัน ปัญหาการเพิ่มขึ้นของประชากรสุนัขและแมวจรจัดถือเป็นปัญหาสำคัญระดับชาติเลยทีเดียว ในขณะที่คนรักสัตว์บางครอบครัวก็อาจเจอปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน หากมีแค่ “ความรัก”แต่ไม่มี “การวางแผนการคุมกำเนิดสัตว์เลี้ยงให้ดี” วันนี้ผมมีเรื่องราวน่าที่น่าสนใจจาก “คุณหมอกวาง” สัตวแพทย์หญิงดร.ฉัตรวลี บุญธรรม จากรายการ “Pet Care Onair” สถานีวิทยุ จุฬาฯมาคุยให้ฟังครับ
@ การคุมกำเนิดคืออะไร
การคุมกำเนิด หรือ birth control นั้น กล่าวง่ายๆ ก็คือการป้องกันการปฏิสนธิ หรือการขัดขวางไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์นั่นเอง ซึ่งในสัตว์มักจะหมายถึงวิธีการป้องกันไม่ให้สัตว์มีลูก เพื่อเป็นการควบคุมประชากรสัตว์ไม่ให้มีจำนวนมากเกินไป
@ การคุมกำเนิดในสัตว์เลี้ยง มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
การคุมกำเนิดในสัตว์เลี้ยงมี 2 ชนิด คือ 1.การคุมกำเนิดแบบถาวร (ผ่าตัดทำหมัน) และ 2.การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว (การใช้ยาคุมกำเนิด)
@ การคุมกำเนิดแบบถาวร คืออะไร?
การคุมกำเนิดแบบถาวร หรือการผ่าตัดทำหมันนั้นในสุนัขและแมวจะทำโดยการตัดรังไข่และมดลูกออกทั้งสองข้างในสัตว์เพศเมีย และการตัดอัณฑะรวมถึงท่อนำอสุจิออกทั้งสองข้างสำหรับสัตว์เพศผู้
โดยตลอดกระบวนการผ่าตัดต้องมีการ “วางยาสลบ” เพื่อลดความเจ็บปวด และเป็นที่ทราบกันดีว่า การวางยาสลบนั้นมีความเสี่ยง ดังนั้น ก่อนการวางยาสลบเพื่อผ่าตัด สัตว์ควรได้รับการตรวจประเมินสุขภาพอย่างละเอียดโดยสัตวแพทย์ และควรผ่านการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดชนิดต่างๆ รวมถึงค่าทางเคมีของเลือดที่แสดงการทำงานของตับและไต หรือการตรวจประเมินด้านอื่นๆ ตามความจำเป็น ที่สำคัญคือต้องมี การงดน้ำ งดอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนการวางยาสลบ เพื่อป้องกันการสำลักน้ำและอาหารเข้าปอดในขณะที่สัตว์สลบ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการผ่าตัดแล้ว สัตว์ควรฟื้นตัวและรู้สึกตัวดีก่อนกลับบ้านเพื่อป้องกันการเสียชีวิตขณะเดินทาง
ซึ่งเรียนว่าการดูแลแผลหลังการผ่าตัดนั้น ถือป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก จะต้องมีการดูแลทำความสะอาดแผลอย่างต่อเนื่องทุกวันโดยเฉพาะในช่วง 4 วันแรกหลังการผ่าตัด ควรมีการใส่ปลอกคอกันเลียแผล และมีการจำกัดบริเวณสัตว์ ควรป้อนยาปฏิชีวนะและยาลดอักเสบจนครบถึงวันตัดไหม คือประมาณ 7-14 วันหลังผ่าตัด
@ การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว คืออะไร?
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราวหรือการใช้ยาคุมกำเนิดนั้น คือการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้พบได้ปกติในช่วงสัตว์ตั้งท้อง เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเป็นสัดและระงับการตกไข่
หลักการฉีดยาคุมกำเนิดที่ถูกต้องคือการฉีดในช่วง“ไม่เป็นสัด” และ “ไม่ได้ตั้งท้อง” ซึ่งปัญหาและผลข้างเคียงจากการฉีดยาคุมกำเนิดที่พบได้บ่อยคือ การเกิดภาวะ “มดลูกอักเสบเป็นหนอง” สัตว์ป่วยจะแสดงอาการเบื่ออาหาร กินน้ำมาก ปัสสาวะมาก ช่องท้องขยายใหญ่ (ผู้เลี้ยงมักจะเข้าใจผิดว่าฉีดยาคุมกำเนิดทำให้สัตว์อ้วน แต่ความจริงแล้วเป็นการคั่งของหนองในมดลูกต่างหากที่ทำให้ท้องขยายขนาดนั้น) อาจพบว่ามีหนองไหลจากอวัยวะเพศร่วมด้วย หากปล่อยทิ้งไว้หรือไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและตายได้ นอกจากนั้นยังอาจก่อให้เกิด “เนื้องอกเต้านม” ซึ่งหากพัฒนาเป็นเนื้อร้าย (มะเร็ง) หรือสามารถลุกลามไปยังอวัยวะภายในต่างๆ และเป็นเหตุให้ตายได้ ปัจจุบันสัตวแพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้
เมื่อทุกท่านทราบถึงประเภทและข้อดี-ข้อเสียของการคุมกำเนิดแล้ว ก็ควรประเมินวิธีและวางแผนจัดการคุมกำเนิดจำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงของท่าน เพื่อไม่ให้สุนัขและแมวเกิดมาอย่างไม่ตั้งใจและเกินความสามารถในการดูแล ซึ่งหากเกิดขึ้นกับเจ้าของที่เลี้ยงสัตว์อย่างไม่รับผิดชอบแล้ว ก็จะเป็นสาเหตุหลักของปัญหาการนำสุนัขและแมวไปปล่อยในที่สาธารณะ ทำให้จำนวนประชากรสุนัขและแมวจรจัดเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอีกด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของการทำหมันคือ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางระบบสืบพันธุ์ลงได้เกือบ 100% หากเป็นการทำหมัน “ก่อน” การเป็นสัดครั้งแรกอีกด้วยครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี