ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกระลอก ทั้งแหล่งต้นทาง (Cluster) จากสถานบันเทิงยามค่ำคืน งานเลี้ยงสังสรรค์ หรือแม้แต่กองถ่ายละครโทรทัศน์ ฯลฯ ที่แพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังกลุ่มต่างๆ ทางสังคมอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ จนมีจำนวนผู้ติดเชื้อขยับเพิ่มขึ้นหลายร้อยรายในเวลาเพียงไม่กี่วัน และกว่าพันรายที่กำลังรอผลตรวจด้วยใจระทึก
“การแพร่ระบาดจากสถานบันเทิง มีการแพร่กระจายเร็วมาก ตอนแรกเข้าใจว่า เพราะสถานบันเทิงเป็นสถานที่ปิดมีการแออัด น่าจะมีการติดเชื้อจากทางเดินหายใจ จนเกิดซูเปอร์ สเปรดเดอร์ (Super Spreader) แต่หลังจากตรวจปริมาณไวรัสในคอผู้ป่วย เราเริ่มเห็นผิดสังเกตว่า แม้ผู้ป่วยไม่มีอาการ แต่กลับมีปริมาณไวรัสที่ค่อนข้างสูงมากจากนั้นจึงได้นำไปตรวจเฉพาะ ว่าเป็นสายพันธุ์อังกฤษหรือไม่หรือเป็นสายพันธุ์เดิมที่มาจากการระบาดจากสมุทรสาคร ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยที่ผมตรวจ 24 คนที่มาจากสถานบันเทิงทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด และเป็นสายพันธุ์เดียวกันทั้งหมดในรูป B117 ซึ่งสายพันธุ์นี้ติดต่อง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดาอยู่ประมาณ 1.7 เท่า”ข้อมูลจาก “ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ย้อนหลังไปเมื่อปลายปี 2020 ไวรัสโควิดสายพันธุ์อังกฤษ เริ่มกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างหลังจากที่นายกรัฐมนตรี “บอริสจอห์นสัน” ของอังกฤษ สั่งปิดกรุงลอนดอนรอบที่สาม เพราะมีการระบาดของไวรัสอย่างสาหัส ทำให้กว่า 40 ประเทศ ต้องออกประกาศห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศของตัวเอง อาทิ เยอรมนี สเปน โปแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ออสเตรีย บัลแกเรียโรมาเนีย มอลตา โครเอเชีย ลิทัวเนียลัตเวีย และเอสโตเนีย เป็นต้น
“เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้มีการตรวจพบครั้งแรกในเขตพื้นที่“เคนต์” เมืองบริสโตล ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหราชอาณาจักร มีความน่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะไวรัสดังกล่าวได้แพร่ระบาดไปทั่วสหราชอาณาจักรอย่างรวดเร็ว และกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยไวรัสดังกล่าวที่กลายพันธุ์มาแล้ว ได้เกิดการกลายพันธุ์อีกครั้งซึ่งอาจส่งผลทำให้ไวรัสสามารถต่อต้านประสิทธิภาพของวัคซีนที่เรามี และอาจต้องใช้เวลากว่า 10 ปีเราจึงจะสามารถเอาชนะไวรัสตัวนี้ได้” ข้อมูลของ “ศาสตราจารย์ แชรอน พีค็อก” ผู้ดูแลโครงการเฝ้าระวังทางพันธุกรรมของสหราชอาณาจักร (Genetic Surveillance Programme) กำลังกลายเป็นความกังวลของทั่วโลก ณ ตอนนี้
ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่พบในสหราชอาณาจักร ทางวิชาการมีชื่อเรียกว่า “B.1.1.7” หรือ VUI–202012/01 ซึ่งเป็นการย่อมาจากคำว่า “Variant under investigation in December 2020” ถูกค้นพบในมณฑลเคนต์ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน แต่ได้มีประกาศยืนยันการมีอยู่ของไวรัสตัวนี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา(2020)
นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้บรรจุ RNA ที่กลายพันธุ์ 14-20 จุด โดยจุดที่กลายพันธุ์มีอย่างน้อย 7 จุด ที่อยู่บนหนามโปรตีนของไวรัส และในจำนวนจุดกลายพันธุ์ทั้งหมดมีจุดหนึ่งน่าสนใจที่เรียกว่า N501Yย่อมาจากตำแหน่งกรดอะมิโนไทโรซีนที่ 501 แต่เดิมตรงจุดนี้ตัว Y ที่ย่อมาจากไทโรซีน ในไวรัสโควิด-19ทั่วไป ต้องเป็นตัว N ที่ย่อมาจากแอสพาราจีน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจาก N เป็น Y นี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เป็นการกลายพันธุ์ที่มีส่วนทำให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น และนำมาสู่ความสามารถในการระบาดที่มากขึ้นตาม ซึ่งจากแบบจำลอง โควิดสายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่เชื้อได้เร็วกว่าเดิมถึงร้อยละ 70 แต่ที่ยังไม่ชัดเจนคือ อันตรายของไวรัสที่กลายพันธุ์นี้ ว่าจะส่งผลให้ผู้ป่วยอาการหนักกว่าเดิมหรือไม่ ปัจจุบันพบในกว่า 84 ประเทศทั่วโลก
เว็บไซต์ bioRxiv (bio-archive) ที่รวบรวมและเผยแพร่งานวิจัยในสาขาชีววิทยาของนักวิจัยทั่วโลก ก่อนได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ได้ออกมาเปิดเผยงานวิจัยของ “Pfizer-BioNTech” บริษัทผู้ผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดด้วยชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสโควิดที่กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์อังกฤษ ว่า ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางชีวภาพ ในการทำให้แอนติบอดีในเลือดเป็นกลางระหว่างการทดสอบในห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับ B.1.1.7 กับสายพันธุ์ดั้งเดิมของไวรัสโควิด-19 กับผู้เข้าร่วม 16 คนที่ได้รับวัคซีนก่อนหน้านี้ โดยครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมอายุ 18 ถึง 55 ปี และอีกครึ่งหนึ่งอายุ 56 ถึง 85 ปี แต่ยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าวัคซีนยังมีประสิทธิภาพการป้องกันที่คงที่ ซึ่งถ้าแปลเป็นภาษาชาวบ้านทั่วไป ก็หมายความว่า ทาง Pfizer-BioNTech เชื่อว่ายังป้องกันได้แต่ก็ไม่ยืนยันชัดเจน โดยก็มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่า ทางบริษัทก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาวัคซีนในแบบ mRNA เพื่อรองรับการกลายพันธุ์อย่างแข็งขัน
ขณะที่ “บริษัทแอสตราเซเนกา” ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดแบบ Viral vector vaccineออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 มีนาคม2021 ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้น มีงานวิจัยยืนยันถึงประสิทธิผลต่อเชื้อไวรัสโควิด-19สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) ในระดับเดียวกับสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบทั่วโลก และการทดลองในห้องปฏิบัติการเบื้องต้นยังพบว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกา มีประสิทธิผลต่อเชื้อโควิด-19สายพันธุ์บราซิล (P.1) ในระดับใกล้เคียงกับสายพันธุ์อังกฤษเมื่อนำมาใช้จริงรวมไปถึงสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) แต่ก็ยังคงเฝ้าระวังและทำการพัฒนาวัคซีนเพื่อรองรับการกลายพันธุ์ของไวรัสอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นว่า นอกจาก สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) แล้ว ในปัจจุบันยังมี สายพันธุ์บราซิล (P.1) และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) ที่ได้รับการกลายพันธุ์ จนสร้างการแพร่กระจายของไวรัสอย่างรวดเร็ว ยังไม่รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีความรุนแรงของไวรัสโคโรนาในรูปแบบที่แตกต่างกัน อาทิ สายพันธุ์ S L G V GH GR O และ B เป็นต้นนอกจากนั้น ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ เคยรายงานว่า ทางรัฐบาลอังกฤษ ได้พูดถึงสายพันธุ์ของโควิด-19 ที่หน่วยงานสาธารณสุขของเขาทำการรวบรวมว่า มีมากถึง 4 พันกว่าสายพันธุ์ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยืนยันว่า วัคซีนที่มีอยู่ในโลกตอนนี้สามารถป้องกันได้อย่างแน่นอน
ทั้งหมดนี้ คือความเคลื่อนไหวของโควิด-19 ล่าสุด ที่ เคนต์ หรือสายพันธุ์อังกฤษ กำลังสร้างปัญหาใหญ่ในประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้ได้สร้างปัญหาให้กับหลายประเทศมาพอสมควรแล้ว ด้วยการแพร่กระจายที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม และการไม่ปรากฏของอาการเบื้องต้น รวมไปถึงอันตรายของการป่วยที่ยังไม่มีข้อสรุปว่ารุนแรงกว่ารูปแบบเดิมหรือไม่ นี่จึงเป็นสัญญาณการเตรียมความพร้อมอย่างดี กับการตื่นตัวครั้งใหม่ของคนไทยต่อการระบาดของไวรัสโควิด และก็เป็นการแก้มืออีกครั้งของการบริหารจัดการของรัฐบาลในภาวะวิกฤติไวรัส ว่าจะสามารถรักษาชีวิตและเศรษฐกิจของคนไทยได้เป็นที่น่าพอใจหรือไม่ภายใต้บริบทใหม่ที่ทั่วโลกสามารถใช้วัคซีนได้แล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี