วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันนี้ผมมีเรื่องราวดีๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์มาฝาก เกี่ยวกับหลักการเบื้องต้นในการช่วยชีวิตลูกสัตว์แรกเกิด ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ลูกสัตว์ไม่หายใจ หรือหัวใจหยุดเต้น ซึ่งต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน รวมไปถึงการดูแลลูกสัตว์แรกเกิด โดยข้อมูลดีๆ จาก ผศ.สพ.ญ.ดร.สร้อยสุดา โชติมานุกูล จาก ภาควิชาสูติศาสตร์เธนุเวชวิทยาและวิทยาการสืบพันธุ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครับ
กรณีที่ลูกสัตว์ที่หมดสติ ไม่หายใจ หรือหัวใจหยุดเต้นนั้นเจ้าของสัตว์เลี้ยง ผู้เลี้ยง หรือผู้พบเห็นควรรีบเข้าไปช่วยเหลือทันที โดยอาศัยหลักการเดียวกับการช่วยชีวิตลูกสัตว์ที่ไม่สามารถหายใจ ไม่ส่งเสียงร้อง หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เองภายใน 1 นาที หลังคลอด (Neonatal resuscitation) ตามขั้นตอนที่เรียกว่า “ABC” ดังนี้
A (Airway)
การทำให้อากาศผ่านเข้า-ออกทางเดินหายใจได้สะดวก โดยการนำสิ่งที่ขัดขวางทางเดินหายใจออกเช่นเดียวกับลูกสัตว์แรกคลอดที่ต้องหายใจได้เอง ดังนั้นจึงต้องทำให้ของเหลวออกจากทางเดินหายใจลูกสัตว์ให้ได้มากที่สุด จับให้หัวลูกสัตว์อยู่ต่ำกว่าตัวเพื่อให้ของเหลวจากภายในไหลออกมาง่ายขึ้น และสามารถใช้ลูกยางดูดของเหลวออกจากปากและจมูก
B (Breathing)
การกระตุ้นให้ลูกสัตว์หายใจ โดยใช้ผ้าแห้งเช็ดที่ตำแหน่งจมูกและปากก่อน จากนั้นจึงค่อยมาเช็ดและถูบริเวณลำตัวให้แห้งอย่างรวดเร็วแต่เบามือ เพื่อกระตุ้นการหายใจ
C (Circulation)
การกระตุ้นหัวใจและระบบไหลเวียน โดยการบีบนวดช่องอกเบาๆ สิ่งที่ต้องทราบคือ ลักษณะช่องอกสุนัขและแมวไม่ได้แบนราบอย่างในคน ประกอบกับลูกสัตว์มีขนาดตัวที่เล็ก ดังนั้น การบีบนวดช่องอกเพื่อกระตุ้นหัวใจสามารถใช้ “นิ้ว” กดที่ด้านข้างช่องอกตรงตำแหน่งหัวใจหรือทำได้ในท่าที่ลูกสัตว์นอนตะแคง
การให้ความอบอุ่น มีความจำเป็นมากในลูกสัตว์แรกเกิด โดยปกติอุณหภูมิร่างกายในช่วงสัปดาห์แรกอยู่ที่ 96-99 องศาฟาเรนไฮต์ ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ (hypothermia) จะเกิดขึ้นได้ง่ายมากในลูกสัตว์ เนื่องจากลูกสัตว์ยังไม่สามารถสร้างความร้อนได้ด้วยตัวเอง และมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียความร้อนได้มาก ซึ่งส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง ลำไส้ไม่เคลื่อนไหว จึงห้ามป้อนนมเนื่องจากจะทำให้ลูกสัตว์ท้องอืดและอาจเสียชีวิตได้
หลังจากที่เราพยายามช่วยชีวิตจนลูกสัตว์เริ่มรู้สึกตัวและสามารถหายใจได้เองควรรีบนำไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดต่อไป
ในกรณีที่เป็นลูกสัตว์แรกเกิด เมื่อหายใจได้ดีแล้วควรให้ลูกสัตว์ดูดนมแม่โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับน้ำนมเหลือง (colostrum) ที่มีส่วนประกอบสำคัญคือภูมิคุ้มกัน (immunoglobulin) ที่จะส่งผ่านจากแม่ไปสู่ลูกภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด นอกจากนี้ น้ำหนักตัวลูกสัตว์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน มีความสำคัญต่อการรอดชีวิต เมื่อใดก็ตามที่ลูกสัตว์น้ำหนักลดลง จะเป็นการส่งสัญญาณถึงความผิดปกติ จึงควรพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด
สายใยที่ผูกพันกันระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง ระหว่างแม่กับลูก มีคุณค่ามากกว่าสิ่งใด จงอย่าละความพยายามที่จะช่วยเหลือ รวมถึงความใส่ใจในการดูแลหนึ่งชีวิต
ให้มีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตต่อไปครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

‘ก้องศักด’สั่งแก้แล้ว!ยันไฟสนามซีเกมส์ถึงมาตรฐานแม้แหว่งไปนิด
โผล่แจงอีกคน! 'บิ๊กแดง'ชี้รูปคู่'เบน สมิธ'เจอตอนทริปดูงาน วปอ.-งานแต่งลูกสาว ยันแค่รู้จักผิวเผิน
ศป.กฉ.เยียวยาเหยื่อน้ำท่วมใต้ศพละ 2 ล้าน คลุมอีก 8 จังหวัด ยันเว็บไซต์ ปภ.ใช้ได้แล้ว
เวย์ ไทยเทเนี่ยม เคลื่อนไหวไอจีครั้งแรก หลังภรรยาสาว นานา ไรบีนา โดนจับกุม
'บวรศักดิ์'จ่อถอดบทเรียนน้ำท่วมแบบญี่ปุ่น โอดไทยมีกฎหมายดี หน่วยงานเยอะ แต่พอเกิดเหตุไม่รู้ใครต้องทำ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี