เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อใดก็สลดหดหู่ แต่ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นที่ชินชาไปแล้วก็ได้ทั้งกับคนอเมริกันและชาวโลก กับ “เหตุกราดยิง” ที่มีคนร้ายนำอาวุธปืนไปไล่ยิงผู้คนจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตครั้งละหลายๆ ศพ ซึ่งแม้อาชญากรรมจากอาวุธปืนจะเกิดขึ้นได้ทั่วโลก แต่เหตุลักษณะนี้ไม่ค่อยพบเห็นในประเทศอื่นๆ มากเท่าในสหรัฐอเมริกา เพราะผู้ก่อเหตุไม่ใช่โจรที่ประสงค์ต่อทรัพย์สิน และไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายที่หวังผลเชิงการเมือง แต่เป็นใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ที่วันก่อนหน้าอาจเพิ่งพบปะพูดคุยกัน แต่วันต่อมาก็ได้กลายเป็นฆาตกรโหดไปเสียแล้ว
อนึ่ง..เมื่อเกิดเหตุกราดยิง ประเด็น “การจัดระเบียบการครอบครองอาวุธปืน” ก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงในสังคมอเมริกันเสียทุกครั้งไป ซึ่งสหรัฐฯ นั้น “เป็นประเทศพัฒนาแล้วเพียงประเทศเดียวที่มีสถิติความรุนแรงจากอาวุธปืนสูงมาก” อาทิ ในปี 2560 เว็บไซต์นิตยสาร Forbes ของสหรัฐฯ เผยแพร่บทความ “The Countries Where Guns Account For The Highest Share Of Violent Death” ระบุว่า สหรัฐฯ “ติดอันดับ 12 ของโลก” ในประเด็นประเทศที่มีอาชญากรรมจากอาวุธปืน เป็นรองแค่ประเทศแถบลาตินอเมริกา (ทวีปอเมริกากลาง-ใต้) เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม “ไม่เคยมีครั้งใดประสบผลสำเร็จ” ท้ายที่สุดเสียงเรียกร้องให้จัดระเบียบการครอบครองอาวุธปืนในสหรัฐฯ ก็มักจะเงียบไปด้วยคำกล่าวที่ว่า “การมีปืนถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญอเมริกัน” รอวันที่จะเกิดเหตุครั้งใหม่แล้วก็นำมาพูดกันใหม่ พร้อมกับปรากฏชื่อของ สมาคมไรเฟิลแห่งชาติ (National Rifle Association : NRA) ในฐานะผู้ถูกพาดพิงจากสื่อมวลชนเสมอมาว่าสามารถ “วิ่งเต้น” (Lobby) ให้รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ เพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องว่าด้วยการจัดระเบียบการครอบครองอาวุธปืน
จากซ้ายไปขวา : พ.ท.William Conant Church , ร.อ.George Wood Wingate , พล.ต.Ambrose Burnside
NRA นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2414 หรือเพียงไม่กี่ปีหลังสงครามกลางเมืองรัฐเหนือ-ใต้บนแผ่นดินอเมริกัน (2403-2408) สิ้นสุดลง โดยผู้ริเริ่มคือ 2 นายทหาร พ.ท.William Conant Church กับ ร.อ.George Wood Wingate โดยจุดประสงค์แรกที่ก่อตั้งนั้นระบุว่า เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการยิงปืนไรเฟิลอย่างถูกหลักวิชาการ และได้ พล.ต.Ambrose Burnside อดีตนายทหารในสงครามกลางเมือง และวุฒิสมาชิกมลรัฐโรดไอแลนด์ มาเป็นประธานคนแรก
ชื่อของ NRA เข้ามาเกี่ยวข้องกับนโยบายว่าด้วยอาวุธปืนของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2477 เมื่อมีการจัดตั้ง “ฝ่ายกฎหมาย” ขององค์กรในชื่อ Legislative Affairs Division โดยระบุจุดประสงค์ไว้ว่า “เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ” ที่รับรองสิทธิที่จะจัดหา ครอบครอง สะสม จัดแสดง พกพา ถ่ายโอน และสิทธิในการใช้อาวุธปืน จากนั้นในปี 2518 ได้ก่อตั้ง “ILA” (Institute for Legislative Action) พร้อมกับ “ยกระดับสู่การเคลื่อนไหวเชิงรุก” มากขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิดังกล่าวในฐานะกลุ่มผลักดันทางการเมือง
NRA และบทบัญญัติ รธน.สหรัฐฯ ว่าด้วยสิทธิการครอบครองอาวุธปืน
บทความ NRA’s allegiances reach deep into Congress ซึ่งเผยแพร่โดย Sunlight Foundation องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) ในสหรัฐฯ ที่ทำงานด้านตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้อำนาจของหน่วยงานภาครัฐ ระบุว่า NRA คือผู้สนับสนุนงบประมาณรายสำคัญของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ “รีพับลิกัน-เดโมแครต” (Republican-Democrat) อาทิ ในปี 2555 นักการเมืองในรัฐสภาสหรัฐฯ ร้อยละ 88 ของพรรครีพับลิกัน และร้อยละ 11 ของพรรคเดโมแครต ได้รับการสนับสนุนจาก NRA
นอกจากการเคลื่อนไหวภายในประเทศแล้ว NRA ยังต่อต้าน “สนธิสัญญาว่าด้วยการค้าอาวุธ” (The Arms Trade Treaty : ATT) อันเป็นสนธิสัญญาที่ องค์การสหประชาชาติ (UN) ผลักดันให้รัฐชาติต่างๆ ดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างมีจริยธรรม และสหรัฐฯ ได้ลงนามแล้วในปี 2556 โดยรายงานข่าว “Containing the Conventional Arms Trade” ของเว็บไซต์ นสพ.The New York Times ระบุว่า NRA กังวลถึงผลกระทบของสนธิสัญญาดังกล่าวต่อสิทธิการครอบครองปืนของชาวอเมริกัน
(ซ้าย) บารัค โอบามา ประธานาธิบดีที่ NRA ไม่ต้องการ
(ขวา) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีที่ NRA สนับสนุน
ผลงานสำคัญๆ ของ NRA ในการมีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐฯ นั้นมีมากมาย อาทิ ในปี 2551 มีการทุ่มเงินกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 300 ล้านบาท เพื่อขัดขวางไม่ให้ บารัค โอบามา (Barrack Obama) จากพรรคเดโมแครตได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่านายโอบามามุ่งมั่นอย่างมากที่จะจัดระเบียบการครอบครองอาวุธปืน แต่ล้มเหลวเพราะนายโอบามาชนะเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งปี 2559 ที่เก้าอี้ผู้นำสูงสุดแห่งทำเนียบขาวตกเป็นของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จากพรรครีพับลิกัน ครั้งนี้ก็ถือว่า NRA ได้รับชัยชนะไปด้วย หลังทุ่มเงินกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 900 ล้านบาท สนับสนุนการหาเสียงของนายทรัมป์ ซึ่งเหตุที่ต้องทุ่มเงินมากขนาดนั้น เพราะคู่แข่งฟากเดโมแครต ฮิลลารี คลินตัน (Hillary Clinton) กล่าวว่าจะสานต่อนโยบายจัดระเบียบการครอบครองปืนที่นายโอบามาริเริ่มไว้
ยังไม่นับการ “เดินสายฟ้องร้อง” หน่วยงานรัฐทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลางที่คิดแตะต้องสิทธิการมีปืนของชาวอเมริกันอีกหลายครั้ง อาทิ ในปี 2548 ฟ้องร้องผู้บริหารเมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 2549 ตำรวจเมืองนิวออร์ลีนส์ มลรัฐหลุยเซียนา ต้องยอมคืนอาวุธปืนให้กับประชาชนหลังจากที่ก่อนหน้านี้ยึดไปในช่วงเกิดเหตุพายุเฮอริเคนแคทรีนาพัดถล่ม หลัง NRA และเครือข่ายร่วมอุดมการณ์เดียวกันประกาศว่าจะฟ้องคดี หรือปี 2553 ฟ้องผู้บริหารเมืองชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ รวมถึงปี 2554 ฟ้องร้องผู้บริหารใน 3 เมืองของมลรัฐเพนซิลเวเนีย
บางส่วนของกิจกรรมให้ความรู้ด้านอาวุธปืนที่จัดโดย NRA
ที่มา : http://nrasports.nra.org/documents/pdf/nrasports/NRA-Sports-Brochure.pdf
อนึ่ง..นอกจากบทบาทด้านการไล่ฟ้องคดีและวิ่งเต้นทางการเมืองในประเด็นสิทธิการมีปืนแล้ว NRA ยังมีงานฝึกอบรมการใช้อาวุธปืนในทุกระดับและหลากหลายสาขาอาชีพ เช่น นายพรานหรือผู้ชื่นชอบกีฬาล่าสัตว์ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนทั่วไปที่สนใจการยิงปืนไม่ว่าปืนพกสั้น ปืนลูกซอง และปืนยาวไรเฟิล แม้กระทั่งลงไปถึงเด็กอนุบาลว่าด้วยข้อควรปฏิบัติเมื่อบังเอิญไปพบเห็นสถานการณ์ความรุนแรงจากอาวุธปืน รวมถึงการตั้งกองทุนส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านการอยู่ร่วมกับอาวุธปืนอย่างปลอดภัย
กลับมาที่เหตุการณ์กราดยิงครั้งล่าสุด ณ ร.ร.มัธยมแห่งหนึ่งในเขตเมืองปาร์คแลนด์ มลรัฐฟลอริดา เมื่อกลางเดือน ก.พ. 2561 โดยผู้ลงมือก่อเหตุคือหนุ่มวัย 19 ปี นิโคลาส ครูซ (Nikolas Cruz) แน่นอนว่า NRA รวมถึงบรรดานักการเมืองจากพรรครีพับลิกัน ก็ถูกตำหนิว่าควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อเหตุสลดครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม กระแสต่อต้าน NRA ก็ถูกโต้แย้งเช่นกันว่า งบประมาณที่ NRA ใช้เคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น และแหล่งทุนของการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ก็ประกอบขึ้นจากหลากธุรกิจหลายองค์กร
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม..การที่ NRA มีภาพลักษณ์ว่ามีอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐฯ ขณะที่เหตุกราดยิงยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ และมาตรการควบคุมอาวุธปืนนั้นยากจะเกินขึ้น “วิวาทะ” เรื่องนี้ก็จะคงอยู่คู่สังคมอเมริกันไปอีกนาน!!!
-/-/-/-/-/-/-/-/-/-/-
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.forbes.com/sites/niallmccarthy/2017/12/15/the-countries-where-guns-account-for-the-highest-share-of-violent-death-infographic/#6f1008016c2c (“The Countries Where Guns Account For The Highest Share Of Violent Death” : 15 ธ.ค. 2560)
https://en.wikipedia.org/wiki/National_Rifle_Association
https://home.nra.org/about-the-nra/
https://sunlightfoundation.com/2012/12/18/nra-and-congress/ (NRA’s allegiances reach deep into Congress : 18 ธ.ค. 2555)
http://www.nytimes.com/2013/10/01/opinion/containing-the-conventional-arms-trade.html (Containing the Conventional Arms Trade : 30 ก.ย. 2556)
https://www.theguardian.com/us-news/2018/feb/16/florida-school-shooting-focus-shifts-to-nra-gun-lobby-cash-to-lawmakers (NRA contributions: how much money is spent on lawmakers? : 19 ก.พ. 2561)
https://www.cnbc.com/2018/02/16/nra-money-isnt-why-gun-control-efforts-are-failing-commentary.html (Stop blaming the NRA for failed gun control efforts : 16 ก.พ. 2561)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี