ไขที่มา!'โง่ จน เจ็บ'หลักคิดแก้วงจรอุบาทว์สังคมไทย

ไขที่มา!'โง่ จน เจ็บ'หลักคิดแก้วงจรอุบาทว์สังคมไทย

วันอาทิตย์ ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561, 19.34 น.

เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจนได้ เมื่อโลกออนไลน์ได้แชร์ว่อนทั่วโซเชียล เผยแพร่เนื้อหาถ้อยคำจากหนังสือราชการของจังหวัดขอนแก่น เพื่อเรียกประชุมเตรียมการต้อนรับของฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่น ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดขอนแก่น ลงนามโดย “สุชัย บุตรสาระ” รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

ทว่าเนื้อหาใจความตอนหนึ่ง ที่จุดชนวนให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ในการเรียกประชุมซักซ้อมครั้งนี้ เป็นการร่วมกันดำเนินการภายใต้ภารกิจ “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” พร้อมแนบท้ายลงวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ต่อมาได้มีเอกสารออกมาอีกฉบับเพื่อแก้ไขถ้อยความดังกล่าวเป็น “ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลง” ลงวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ทันการเสียแล้ว เรื่องดังกล่าวถูกถ่ายทอดออกสู่สังคมวงกว้าง มาพร้อมกับคำถามคาใจตัวโตๆ ว่า


เป็นการดูถูกประชาชนโง่หรือไม่?

สิ่งที่ตามมาต่อจากนั้น คือภาครัฐที่เกี่ยวโดยตรง ไล่ตั้งแต่รองผู้ว่าฯ ขอนแก่น ในฐานะผู้ลงนามเซ็นคำสั่งในหนังสือ ไปจนถึงระดับผู้บริหารใน “กระทรวงมหาดไทย” ต้องวิ่งโร่ออกมาชี้แจงแถลงไขผ่านสื่อ พร้อมขอโทษประชาชนกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่นดูแคลนประชาชน ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาความจริงของต้นตอ ก็คงต้องมาติดตามในส่วนนี้กันต่อไป

แต่คำว่า “หายโง่” ที่ทางภาครัฐได้สื่อผ่านออกไปรอบแรก ก่อนจะมีการแก้ไขนั้น เราได้ทราบที่มาที่ไป หรือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้แล้ว ว่ามาจากแนวคิดแต่ครั้งอดีตใจความว่า “โง่ จน เจ็บ” แต่ 3 คำนี้มีความเชื่อมโยงอย่างไร ทำไมต้องมีที่มาจากเจ้า 3 คำนี้

“สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) กระทรวงมหาดไทย ไขข้อกระจ่างในเรื่องนี้ให้ฟังว่า ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ที่นำไปสู่ โง่ จน เจ็บ ได้ มาจากผลงานเชิงวิชาการชิ้นหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ทวนกระแส : แนวความคิดในการพัฒนาชนบท ของ “ไสว พราหมณี” อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน อดีต ส.ว.ที่เคยเติบโตมาจากกระทรวงมหาดไทย เขียนไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2529

เริ่มจากคำว่า “โง่” คือไม่ได้รับการศึกษา ขาดความรู้ในการใช้ชีวิต เมื่อไม่รู้ ก็อาจทำให้ถูกหลอก ถูกฉ้อโกง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ขาดทุน หมดเงิน ทำให้เกิดคำว่า “จน” คือทำให้ยากจน เมื่อยากจนแล้ว คือไม่มีเงิน สุขภาพร่างกายก็ทรุดลง เจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นที่มาของคำว่า “เจ็บ” สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “วงจรอุบาทว์” ของสังคมไทยโดยเฉพาะสังคมชนบทตั้งแต่อดีต

“โง่ จน เจ็บ ไม่ได้เป็นคำดูถูกเหยียดหยาม แต่มันเป็นสภาพการณ์ที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน มันคือความจริง จนปัจจุบันคนก็ลืมไปหมด แต่เหล่านักปกครองก็ยึดถือแนวคิดนี้เพื่อนำไปปรับใช้แก้ปัญหาให้ประชาชน จนเป็นที่มาของโครงการต่างๆที่เกิดขึ้น อย่างเช่น ไทยนิยม ยั่งยืน กรณีที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดพลาดโดยไม่เจตนา แล้วเขาก็ได้ชี้แจง ยอมรับความผิด และขอโทษไปแล้ว ยกตัวอย่าง คล้ายๆ กับเราเรียกหมา เรียกควาย อาจดูไม่สุภาพ แต่มันเป็นคำไทยแท้  พอมาอยู่ในหนังสือราชการ มันก็ไม่เหมาะไม่ควร ก็ถือเป็นบทเรียน เป็นอุทธาหรณ์ต่อสังคม บ้านเมืองเราเสียเวลากับการทะเลาะเบาะแว้งมามากแล้ว ควรให้อภัยกันดีกว่า” อธิบดี สถ.ระบุ

ในด้านการสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อให้รู้มูลเหตุของความผิดพลาดครั้งนี้ ในเวลาไม่ช้าก็คงจะได้รับรู้กัน

แต่แนวคิด โง่ จน เจ็บ อย่างน้อยก็ทำให้กระจ่างขึ้นมาได้บ้าง ว่ามาจากหลักคิดเชิงวิชาการ ที่มีข้อมูล มีหลักฐาน มีตัวตนของผู้ถ่ายทอด บนพื้นฐานสังคมไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า วงจรอุบาทว์ยังไม่หมดไปจากสังคมไทย

แต่ในขณะเดียวกัน ความเหมาะสมของการใช้ภาษา ถ้อยคำ ไม่ว่าจะทางการก็ดี หรือไม่เป็นทางการก็ดี ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักเช่นกัน เพราะมิฉะนั้น ปัญหาจากเพียงจุดเล็กๆ อาจทำให้เป็นเชื้อไฟ บานปลายลุกลาม จนแก้ไขมันได้ยาก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top