พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้เขียนบทความลงในคอลัมน์ 'สำนักข่าวพระพยอม' โดยกล่าวถึงกรณีอดีตพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ชุดคอมมานโดบุกเข้าจับกุมในคดีอั้งยี่ ซ่องโจร และปลอมพระปรมาภิไธยฯ เมื่อเช้าวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาทางอดีตพระพุทธะอิสระ ได้ฝากศิษย์ที่เข้าไปเยี่ยมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้แจ้งไปยังลูกศิษย์ทั่วไปให้ทราบว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงท่าน อีกไม่นานก็จะได้กลับไปห่มผ้าเหลืองเหมือนเดิม"
โดยบทความในหัวข้อ "ล้างบางศาสนา" ของพระพระพยอม ที่เขียนผ่านทาง http://www.lokwannee.com/web2013/?p=308641 เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) มีเนื้อหาระบุดังนี้..."กรณีอดีตพุทธะอิสระทำให้แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชียร์ให้จับ อีกฝ่ายหนึ่งก็ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำรุนแรงเกินไป ไม่เห็นอกเห็นใจลูกศิษย์ อีกพวกก็เฉยๆ ชอบก็ชม ถ้าไม่ชอบก็สมน้ำหน้า เป็นพวกอยู่ตรงกลาง ไม่เหมือนคู่ฟัดที่ฟาดกันแรง อย่างคุณกนก รัตน์วงศ์สกุล กับคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ทำนองคนเรามองไม่เหมือนกัน สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งตาแหลมคมเห็นเป็นเพชรเป็นดาว แต่อีกคนเห็นเป็นโคลนตม
พุทธะอิสระที่วันนี้กลายเป็นนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ คนเป็นลูกศิษย์ลูกหาก็ร้องห่มร้องไห้บอกว่าทำไมทำกับพระดีๆ อย่างนี้ได้ ก็ต้องดูว่าที่ว่าดีนั้นดีของใคร ดีไม่ดีตรงไหน เป็นความดีที่ยอมรับกันทั่วไปมั้ย พระอย่างเจ้าคุณสมเด็จองค์ล่าสุด หรือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ไม่มีใครบอกว่าท่านไม่ดี
อย่างกรณีสันติอโศกหรือธรรมกายก็มองแตกต่างกันไปในสายตาของคนทั่วไป ถ้าดีก็ต้องดีแท้ดีจริงด้วย สมัยก่อนอย่างนิกรหรือภาวนาพุทโธ ฝ่ายลูกศิษย์บอกว่าเป็นพระดี แต่คนส่วนใหญ่บอกว่ารับไม่ได้ คนที่ชอบก็ต้องบอกว่าฉันชอบของฉัน ฉันก็ต้องว่าดี แต่ผู้ใหญ่ระดับชาติออกมาขอโทษ ก็ทำให้ตำรวจที่ไปจับเสียขวัญได้เหมือนกัน ตอนจับก็กลัวแบบหนึ่ง จับเสร็จแล้วก็มากลัวอีกแบบหนึ่ง สงสารตำรวจเหมือนกันกลัวจะโดนผู้ใหญ่เล่นงาน ตอนไปจับก็กลัวญาติธรรมและลูกศิษย์ที่เป็นการ์ดของพุทธะอิสระ จึงต้องใช้กำลังจำนวนมากและจู่โจมเช้ามืด
ถามว่าอดีตพุทธะอิสระจะกลับมาห่มจีวรอีกได้มั้ย อาตมาคิดว่าต้องมีบรรทัดฐานสักอย่างคือ ต้องมีพระบัญชาจากพระผู้ใหญ่ว่าจะเอาอย่างไร ไม่เช่นนั้นต่อไปคนรุ่นหลังที่มาบวชแล้วมีคดีขึ้นมา เข้าคุกห่มผ้าขาวแล้วออกมาห่มผ้าเหลืองอีก ถ้าเกิดมีการจับอีกและสึกอีกก็ดูอเนจอนาถเหมือนกัน
ข้อสำคัญอยู่ที่ญาติโยม อาตมาไปสวนโมกข์มา คนก็เข้าใจแยกแยะ ไม่ยึดติดตัวบุคคลมากเกินไป ยังปฏิบัติธรรมกันเนืองแน่น แต่มีคนวิพากษ์วิจารณ์สวนโมกข์ วิจารณ์วัดสวนแก้วเหมือนกันว่าคนคงจะน้อยลง เพราะไม่ทำการตลาด ไม่มีลอดใต้โบสถ์ สะเดาะเคราะห์ รดน้ำมนต์ ไม่มีเครื่องรางของขลัง อย่างโยมพากันไปทัวร์ 9 วัด เหมือนจะไปเที่ยวให้ครบ 9 วัด ถามว่าได้อะไรบ้าง
สวนโมกข์ไม่เอาเรื่องเหล่านี้ ไม่ทำการตลาด ไม่มีสะเดาะเคราะห์ ไม่มีตู้บริจาค ไม่มีทอดผ้าป่า ใครจะบริจาคก็ไปที่ช่องบริจาคเข้ามูลนิธิ ไม่มีตู้ให้ใส่ มีพระคอยแจกหนังสือ สวนโมกข์ใช้ภาวนาเป็นหลัก อยู่กันเงียบๆ อย่างอาตมาจะเทศน์บางคนก็บอกว่าไม่ต้องเทศน์ เพราะต้องไปอีก 8 วัด เดี๋ยวไปไม่ทัน พวกทัวร์ 9 วัดปลดวัดสวนแก้วออกจาก 9 วัดไปแล้ว เพราะวัดไม่มีสะเดาะเคราะห์ ไม่ปัดรังควาน ไม่รดน้ำมนต์ ไม่ลอดใต้โบสถ์ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ เลยไม่มา เพราะไม่สนุกเหมือนวัดอื่นๆที่เขาทำการตลาดให้คนเข้าวัด
กลับมาเรื่องพระโดนจับ เพราะข่าวที่เขาสืบพบว่าเอาเงินไปให้หมอนวดด้วย ถ้าเป็นจริงหมอนวดคนนี้ก็แย่เหมือนกัน ตอนได้เงินไม่แฉ พอไม่ได้เงินมาแฉ อย่างนี้ไม่ต่างกับ "ผีเน่ากับโลงผุ" ยังไงก็ขอให้ชาวพุทธมีสติรู้ว่า "ในดีมีเสีย ในเสียมีดี" การล้างบางก็เพื่อทำให้ศาสนาสะอาด อย่าวิตกกังวลว่าศาสนาจะเสื่อม ศาสนาไม่เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนามากกว่า เมื่อรู้เมื่อเข้าใจก็ทำนุบำรุงศาสนาและปฏิบัติธรรมตามคำสอนกันให้เนืองแน่นต่อไป...เจริญพร"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี