นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือ นัท แฟนพันธุ์แท้ แชมป์จตุคามรามเทพปี 2550 ซึ่งเป็นเซียนพระชื่อดังคนหนึ่ง เปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการกุมพระชั้นผู้ใหญ่ในคดีทุจริตเงินทอนวัด รวมทั้งคดีพระสงฆ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า กระแสการจับกุมพระดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวงการธุรกิจพระเครื่อง น้ำมันแพง หรือปัญหาเศรษฐกิจไม่ดีแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพราะพระที่ถูกจับกุมเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล และยังมีพระที่ปฎิบัติปฎิบัติชอบอีกมากมาย แต่ยอมรับว่าบรรยากาศการซื้อ-ขายพระเครื่องในช่วงนี้เงียบไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากให้คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธว่าให้เข้าวัดทำบุญเหมือนเดิม และยึดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ต้องไปสนว่าตอนนี้ในวงการพระสงฆ์จะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อไหร่ที่เข้าไปยึดติดกับพระสงฆ์และไม่รู้ว่าเขาเป็นอริยสงฆ์หรือไม่ ให้เราหลับตาแล้วน้อมกราบคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าโดยแท้จริง โดยที่เราไม่ต้องไปสงสัยในตัวพระสงฆ์เลย

นายธนัท ยังเปิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจในเชิงพุทธพาณิชย์ในปัจจุบันด้วยว่า ธุรกิจพระเครื่องมีหลายช่องทาง คือ ธุรกิจขายหนังสือพระ ทำเว็บไซต์พระ รับทำกรอบพระ รับเหลี่ยมทองกรอบพระ ทำสร้อยพระ บอกเลยว่าธุรกิจวงการพระเป็นธุรกิจที่ใหญ่มาก เงินหมุนเวียนโดยรวมต่อปีมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีการทำธุรกิจทุกอย่างจะเป็นขาลง แต่ในทางกลับกันพระเครื่อง ของเก่า วัตถุมงคลต่างๆ เป็นความผูกพันกับความเชื่อ ศิลปะ และการกำหนดราคา 

"หากเราผูกพันอยู่กับความเชื่อ เมื่อนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำก็จะมีคนมาหาของที่ช่วยให้ตัวเองดีขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำจำเป็นต้องใช้เงินก็ต้องเอาพระมาขาย เพื่อให้ได้เงิน และเมื่อเขาเอาพระมาปล่อยก็เป็นโอกาสของเซียนพระที่จะรับซื้อพระในราคาที่ถูกเพื่อนำมาขายในปัจจุบัน ทั้งหมด คือ วงจรของพระเครื่อง ซึ่งยังคงทรงตัวอยู่ได้ แต่ยอมรับว่าบรรยากาศวงการพระเครื่องในช่วงนี้เงียบไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าสมัยก่อนนำพระไปขายได้เงิน 1 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเหลือแค่ 3 แสนบาท" นายธนัท กล่าว

เมื่อถามว่าในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้มีพระรุ่นไหนที่นิยมอยู่บ้าง นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ กล่าวว่า มีพระบางรุ่นราคาสวนทางขึ้น แต่เป็นส่วนน้อย เช่น หลวงพ่อกรวย, กระดูกผี วัดโพธิ์, คุณแม่บุญเรือน ถ้าสวยจะยิ่งมีราคา คนจีนชอบ ส่วนพระที่ราคาตกลง เช่น หลวงพ่อคูณ, หลวงปู่ทิม และพระที่ราคาไม่ตกไม่ขึ้น คือ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ, หลวงปู่โต๊ะ โดยกลไกตลาดมันมีเหตุผลว่าทำไมราคามันถึงขยับ ขึ้น-ลง ตลอด ซึ่งมันมีคำตอบในตัวของมันเอง

"เป็นพ่อค้าขายพระไม่จำเป็นต้องมีเงินสักบาทมีใจมาอย่างเดียวพอ อ่านหนังสือ คิดเลขได้ และรู้ว่าพระรุ่นนี้เป็นรุ่นอะไร สร้างออกมากี่องค์ และตอนนี้การดูพระปลอมพระจริงไม่ต้องเลย เพราะทางสมาคมเซียนพระมีการออกบัตรรับรองให้ แค่นี้ก็ทำมาหากินได้แล้ว เพราะฉะนั้นเราสามารถที่จะทำอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริมได้ เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องเดินมาดูพระที่ศูนย์พระเองก็ได้ เพราะขณะโลกโซเชียลนำเสนอมากมาย เราสามารถเป็นตัวกลางขายผ่านสื่อโซเชียลได้เลย เพราะมันลงบนสื่อสาธารณะอยู่แล้ว แต่ส่วนมากเรามองข้ามไป" นายธนัท กล่าว

ส่วนราคาพระในปัจจุบันใครกำหนดนั้น นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ บอกว่า ราคากลางมาจากกลุ่มเซียนพระและในราคากลางจะมีส่วนต่างประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นพระที่สวยอยู่แล้วจะไม่มีราคากลาง เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง, พระเบญจภาคี บางองค์หากสวยจริงๆ ขายได้ในราคา 100 ล้านบาท เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อพระไปจะต้องมีแรงศรัทธาอย่างมาก ส่วนมากจะมีคนจีนเข้ามาซื่อและนำไปขายต่อที่ประเทศเขา หากซื้อไป 1 หมื่นบาท นำไปขายประมาณ 8 หมื่นบาท 

ปัจจุบันนิยมซื้อขายพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในอดีตถึงปัจจุบัน แต่พระเครื่องที่อยู่ในใจเซียนพระ คือ พระเบญจภาคี, พระสมเด็จวัดระฆัง, พระรอด, พระนางพญา, พระผงสุพรรณ อย่างไรก็ตาม พระทั้ง 5 ชุดนี้ราคาจะไม่ตกแน่นอน รองลงมาก็จะเป็นเหรียญ พระเบญจภาคี, หลวงพ่อใหญ่ วัดหนัง, หลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส และเหรียญที่ได้รับความนิยม คือ หลวงพ่อเดิม, หลวงพ่อแดง, กรมหลวงชุมพร, หลวงปู่ทิม, หลวงพ่อกรวย, หลวงพ่อสด, หลวงปู่โต๊ะ 

"ผมมองว่าการที่กลุ่มผู้สร้างพระหรือเซียนพระบางกลุ่ม เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับพระเกจิ เพื่อสร้างวัตถุมงคล หรือที่เรียกว่าพุทธพาณิชย์ ออกมาจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาจนทำให้ร่ำรวยนั้น ผมว่าเรื่องนี้แน่นอนว่าเขาต้องมีการแบ่งผลกำไรกับทางวัด ถ้าไม่เอากำไรกับวัดก็บริจาคไปเลยดีกว่าให้วัดเขาทำของเขาเอง ถ้าหากจะคิดในด้านการตลาดก็เข้าไปช่วยโดยไม่ต้องเอาเงินจากวัดเลยดีกว่า ไม่ใช่มาปล่อยศูนย์เช่าพระ เพราะเมื่อไหร่ที่มีศูนย์จองพระก็มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งนั้น ผมว่าเราต้องมองทั้งทางโลกและทางธรรม หากมองในทางโลกผมมองว่าไม่ผิด แต่ถ้าหากมองในทางธรรมไม่สมควรไปหากินกับสงฆ์ มันไม่ถูก โดยการเอาวัดมาอ้างว่าทำแล้วจะได้โน้นนี้ ซึ่งมีมากมายในขณะนี้ และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระเกิดกิเลสจนเกิดเรื่องฉาวอยู่ทุกวันนี้" นายธนัท กล่าว