“สมุทรสงคราม” เป็นจังหวัดที่มีลำคลองมากที่สุดในประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 380 คลอง บางลำคลอง เลิกใช้ จึงตื้นเขินจนตัน จึงปรับเป็นถนนไป ร้ายไปกว่านั้นมีการถมคลองให้เป็นถนนแล้วปลูกอาคาร และที่พักอาศัย เมื่อฝนตก น้ำทะเลหนุนสูง หรือทางกรมชลประทานปล่อยน้ำจืดมาลงผลักดันน้ำเค็ม น้ำจะท่วมถนน และที่อยู่อาศัย
คลอง หรือลำประโดรงที่เคยใช้ระบายน้ำลงทะเลลงสู่แม่น้ำหลัก ได้แก่ แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน เป็นต้น แต่เมื่อน้ำไหลระบายออกไม่ได้ปัญหาน้ำท่วมเมืองจึงตามมา เนื่องจากไม่มีทางระบายน้ำ และลำคลองเดิม หากไม่ได้ถมหรือปิดก็ตื้นเขิน เพราะไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว
ทั้งนี้ เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างรุนแรงขึ้น เมื่อ พ.ศ.2554 หลายพื้นที่เสียหายหนัก ทำให้น้ำท่วมประชาชนเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัย จึงอพยพมาอยู่บ้านกับญาติ หรือ คนสนิท บางรายก็มาเช่าบ้านในรีสอร์ท หรือโฮมสเตย์ คนแม่กลองเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ ให้การช่วยเหลืออย่างดี
หลายคนจึงตั้งคำถามว่า ทำไมแม่กลอง น้ำไม่ท่วม สาเหตุมาจากมีลำคลอง 300 คลอง ที่เป็นแก้มลิงอย่างดี รวมทั้งท้องร่องสวนที่เป็นกักเก็บน้ำอย่างดีเช่นกัน และเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ทะเล น้ำจึงไหลลงทะเลหมด น้ำจะท่วมในตัวเมืองเป็นครั้งคราว หากน้ำทะเลหนุน ดังที่กล่าวมาข้างตน แต่เพื่อความมาประมาท รัฐบาลต่อมา จึงให้ทุกจังหวัดสร้างแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำใช้ยามแล้ง และป้องกันปัญหาน้ำท่วมเมือง จึงให้มีการขุดลอกคลอง ที่ตื้นเขิน และตันทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองระยะยาว
นายรังสรรค์ ตันเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า การที่นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาสำรวจเส้นทางสัญจรของลำคลอง หลายคลองที่ต่อเนื่องกัน เชื่อมกันระหว่าง ตำบล อำเภอ และจังหวัด เช่น คลองลัดพลี ที่เชื่อมกันระหว่าง ต.ท่านัด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี กับคลองบางน้อย อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม และยังเชื่อมต่อไปถึงคลองดำเนินสะดวก คลองหลัก 5 คลองโรงเข้ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร อีกด้านหนึ่งไปเชื่อมต่อ ต.ท่าคา ตรงตลาดน้ำท่าคา อ.อัมพวา และยังเชื่อมต่อไปที่คลองบังปืนสู่ ต.นางตะเคียน ลงคลองแม่กลลองที่เชื่อมไปยังคลองสุนัขหอน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อออกจากแม่น้ำท่าจีน ไปคลองภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นฝั่งตะวันตก จากคลองแม่กลองสู่แม่น้ำแม่กลอง เขตตัวเมืองสมุทรสงคราม
เปรียบเสมือนแม่น้ำ 5 สาย ที่เวียนมาบรรจบกันที่แม่น้ำใหญ่ที่เชื่อมโยงกันระหว่าง แม่กลอง เจ้าพระยา และท่าจีน ที่เปรียบเป็นเสมอตัวแม่ที่คอยจ่ายน้ำไม่ลุ่มน้ำสาขาต่างๆ และทางตะวันตกของแม่น้ำแม่กลองยังเชื่อมโยงไปถึงแม่น้ำเพชรบุรี ที่ อ.บ้านแหลม อีกด้านหนึ่งไปเชื่อมกับคลองชลประทาน บริเวณปากท่อราชบุรี ที่ผันน้ำมาจาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี การค้าการขาย และการทำเกษตรกรรม การทำประมงพื้นบ้าน ต้องใช้น้ำจากแม่น้ำ 5 สายทั้งหมด แม่น้ำลำคลอง ลำประโดรง จึงเป็นคลองส่งน้ำอย่างดี และใช้ในการสัญจรทางน้ำ หากวันใดแม่น้ำคลองตื้นเขินจะเกิดปัญหาที่ใหญ่หลวงของประชาชนและรัฐ
ก่อนหน้านั้น จ.สมุทรสงคราม ถูกเรียกว่า “เมืองเวนิช ตะวันออก” เป็นเมืองแห่งสายน้ำ กับการเวลา คือระบบน้ำขึ้นน้ำลงแรงทางเดินของน้ำสร้างปฏิทินให้กับมนุษย์ที่เรียกกันว่า “กาลเวลา” มีระบบน้ำขึ้น-น้ำลง คนโบราณเรียกข้างขึ้นข้างแรม ตามรัศมีของพระจันทร์ ปราชญ์ชาวบ้านจะทราบล่วงหน้าว่า ข้างขึ้นหรือข้างแรมน้ำจะไหล และมีปริมาณต่างกัน การจัดตลาดน้ำบางแห่งจึงใช้วันจัดตลาดนัดเป็นค่ำและข้างขึ้นข้างแรมไม่ใช้ปฏิทินในปัจจุบัน เช่น ตลาดน้ำวัดบังปืน ตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำวัดดอนมโนรา ตลาดน้ำบางน้อย และตลาดน้ำอัมพวา ไม่มีใครและองค์กรไหนเปลี่ยนแปลงปฏิทินของชาวบ้านได้ เพราะข้องเกี่ยวกับ วัฒนธรรมท้องถิ่นประจำชุมชน ดั่งเดิม และสืบต่อกันมาอันยาวนาน
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันได้สั่งให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมเมือง และปัญหาภัยแล้ง ที่มักจะมาก่อนน้ำท่วม รัฐสั่งเป็นนโยบาย และเป็นวาระของชาติ รัฐไม่จ่ายงบประมาณให้ทางจังหวัด แต่ละจังหวัด ดำเนินการตามความเหมาะสมของตน ถ้าจะใช้งบประมาณให้ไปเอาที่ท้องถิ่น คือ อบต.เทศบาล และ อบจ. แต่องค์กรก็กำลังถังแตกกันอยู่ทั่วหน้า จึงหาทางออกโดยการใช้วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ดังเดิม
นั้นคือ การ “ลงแขก” ที่มีผู้เอาสำนวนไปใช้ในทางที่เสื่อมเสียคำว่าลงแขก หมายถึง การลงแขกช่วยกันทำ นา ใครเกี่ยวข้าวได้ก่อนก็รวมตัวกันไปช่วยนาแห่งนั้นจนเกี่ยวข้าวเสร็จ แล้วก็ไปลงแขกที่นาอื่นๆอีกจนครบหมด ไม่ต้องเสียค่าจ้าง เพียงหาข้าวหาน้ำไว้คอยเลี้ยงและดูแลเท่านั้น
ท้องถิ่นใน จ.สมุทรสงคราม จึงเริ่มต้นการลงแขกลงคลอง เริ่มต้นด้วยการเก็บผักตบชะวาที่เป็นปัญหาใหญ่ในการทำให้ลำคลองตื้นเขินโดยอบจ.สมุทรสงคราม เป็นองค์กรนำร่องในการพัฒนาลำคลอง เพราะมีกำลังคน เครื่องจักร ที่สามารถขุดลอกลำคลองที่ตื้นเขินได้ ใช้แรงงานคนเก็บขยะ และผักตบชวา ด้วยการลงแขกลงคลอง จากนั้น อบต. และเทศบาลก็ดำเนินการตามจนเป็นโยบายและวาระของจังหวัด เพื่อกำจัดผักตบชวา และพัฒนาแหล่งน้ำที่ตื้นเขิน
ล่าสุด นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะที่มาศึกษาดูงาน การจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งใน จ.สมุทรสงคราม โดยการใช้คนที่ไม่ต้องเสียค่าจ้าง ใช้เครื่องจักรกลเพียงเล็กน้อย จึงสนใจมากยิ่งเฉพาะโครงการลงแขกลงคลอง หรือ ลงคลองลงแขกที่สืบเนื่องมาจากภูมปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมไทยดั่งเดิม และจะให้ จ.สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดนำร่องให้เป็นตัวอย่างแก่จังหวัดอื่นๆ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้ทุกจังหวัดเอาแบบอย่าง อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้เปรยออกมาว่า ปลายเดือน ก.ย.นี้ จะพาคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปดูโครงการลงแขกลงคลองที่ จ.สมุทรสงคราม ซึ่งกำหนดการณ์ยังไม่ชัดเจน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี