หลังจากที่มีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นำไปสู่การชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย นั้นคือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยพรรคพลังประชารัฐเป็นผู้เสนอชื่อขึ้นมา เมื่อได้นายกรัฐมนตรีแล้ว สิ่งต่อมาคือกลับมาดูนโยบายต่างๆ ที่ได้พูดเอาไว้กับประชาชนเมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนคงไม่ลืมสิ่งที่พรรคและพล.อ.ประยุทธ์ได้พูดไว้...
ครั้งก่อน “ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์” ได้นำเสนอนโยบายทั้งหมดของพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว แต่ครั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักนโยบายหลักๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เริ่มกันที่ “นโยบายเกษตรประชารัฐ” เรื่องการประกันราคาสินค้าการเกษตร (บางช่วงเวลา) ได้แก่ ข้าวเจ้า ประกันราคา 12,000 บาทต่อตัน,ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน,อ้อย 1,000 บาทต่อตัน และยางพารา 65 บาทต่อกิโลกรัม ปาล์มกิโลกรัมละ 5 บาทขึ้นไป
“สวัสดิการผู้ใช้แรงงาน” ประเดิมด้วยค่าแรงขั้นต่ำ 400-450 บาทต่อวัน เงินเดือนอาชีวศึกษาค่าแรงขั้นต่ำ 18,000 บาทต่อเดือน ปริญญาตรี 20,000 บาทต่อเดือน
“สวัสดิการคนมีรายได้น้อย หรือคนจน” บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยจ่ายค่าน้ำ 100 บาทต่อเดือน, ค่าไฟ 230 บาทต่อเดือน, ค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อเดือน (10 เดือน), วงเงินธงฟ้าประชารัฐ 500 บาทต่อเดือน
“สวัสดิการผู้สูงอายุ” เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาทต่อเดือน, โรงพยาบาลเฉพาะทางผู้สูงอายุทุกอำเภอ,แจกคูปองซื้ออุปกรณ์ผู้สูงอายุ และเกษียณอายุราชการถึงอายุ 63 ปี
“สวัสดิการเด็กและสตรี” ดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์ตลอดจนคลอด (9 เดือน) จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 3,000 บาทต่อเดือน ค่าคลอดบุตร 10,000 บาท และช่วยค่าเลี้ยงดูเด็กอายุ 6 ขวบ 2,000 บาทต่อเดือน รวม 181,000 บาทต่อคน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย รถเก่าแลกรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนลด 100,000 บาท, สานต่อโครงการบ้านล้านหลัง, กองทุนหมู่บ้านพักหนี้ 3 ปี และสร้างสวนสาธารณะ 50 เขต 50 สวน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม นโยบายที่น่าจับตาอย่างมากที่อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน คือ การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน จากเดิม 300-330 บาทต่อวัน หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบ เพราะสำหรับลูกจ้างถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น และยังได้สิทธิผู้ประกันตน (ประกันสังคม) หากเกิดกรณีถูกเลิกจ้าง ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50% ของเงินเดือน กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลา ผู้ประกันตนจะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30% ของเงินเดือน
สำหรับ ผู้ประกอบการรายเล็ก อาจจะเห็นว่าการปรับค่าแรงขึ้นนั้น เป็นภาระที่เพิ่มขึ้น จนมาถึงการเปิดเออลี่รีไทร์ให้พนังงานสมัครใจลาออก และเพิ่มสิ้นค้าราคาสูงขึ้น หรือบางแห่งอาจจะปิดกิจการไปเลย หากถามว่าจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายใหญ่หรือไม่ แทบตอบได้ว่าเกือบจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นผลมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ส่วนใหญ่หันไปพึ่งกระบวนการผลิตแบบ Automation มากขึ้น พึ่งพาแรงงานน้อยลง และโดยโครงสร้างก็มีรายได้ที่สูงกว่าอุตสาหกรรมรายเล็ก
ในขณะที่ ค่าจ้างขั้นต่ำสูงขึ้น รัฐบาลเห็นว่าอาจจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้แก่คนหมู่มาก และลดความเหลื่อมล้ำลงได้ แต่ต้องมีนโยบายอื่นมาช่วยประคองไว้ด้วย เพราะการฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอุปโภค บริโภคจากผู้ประกอบการ โดยอาศัยข้ออ้างในการขึ้นค่าแรง...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี