ทุกวันที่ 1 กันยายน ของทุกปี จะมีการจัดกิจกรรม “รำลึกครบรอบ...สืบนาคะเสถียร” เพื่อสดุดีแด่วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ “ชายผู้สละชีวิตตนเองเพื่อผืนป่า” จึงอริยบาตรกรรมตนเอง เพื่อเรียกร้องให้สังคมและราชการหันมาสนใจปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง
“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นายศรีรัตน์ ฉิมยินดี หรือ “น้องต้น” อายุ 20 ปี นักศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา หนุ่มหน้ามนต์จากสุราษฎร์ธานี เมื่อถามว่าน้องต้นรู้จักคุณสืบ นาคะเสถียรมากน้อยแค่ไหน น้องต้นพูดทั้งรอยยิ้มให้ทีมข่าวฟังว่า...
“ผมเกิดและโตที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านและพ่อแม่มักจะเล่าเรื่องราวของคุณสืบกับเขื่อนเชี่ยวหลานให้ฟังอยู่เสมอ ก็ได้ซึมซับมาแต่เด็กว่าคุณสืบได้ช่วยเหลือสัตว์ป่าครั้งสร้างเขื่อนเชี่ยวหลานได้หลายพันตัว ไม่ว่าจะเป็นกวาง กระจง เสือลายเมฆ ลิงลม เก้ง หมูป่า และสัตว์อื่นๆอีกมากมาย แต่ท่านก็เสียใจมากที่ช่วยสัตว์ป่าได้ไม่หมดและสัตว์บางตัวก็ตายต่อหน้าท่าน บ้างก็ว่ายน้ำจนหมดแรงและตายลง”
น้องต้น เล่าต่อว่า หลังจากนั้น 2 ปีที่คุณสืบไปช่วยสัตว์เขื่อนเชี่ยวหลาน มีสัตว์ป่าในการดูแลประมาณ 1,300 ตัว แต่ก็มีสัตว์จำนวนไม่น้อยที่จมน้ำตาย อดอาหารตายจากการสร้างเขื่อนในครั้งนี้ แต่ก็มีสัตว์จำนวนมากที่ตายระหว่างการรักษาเช่นกัน จากนั้นท่านก็ได้ไปดำรงตำแหน่ง “หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง” ท่านก็ได้พยายามรักษาผืนป่าแห่งนี้ให้ดีที่สุด
น้องต้น เล่าต่ออีกว่า ด้วยป่าพื้นที่ขoาด 1.6 ล้านไร่กว่า หลังจากที่ท่านไปอยู่ห้วยขาแข้งท่านก็พบกับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และการลักลอบล่าสัตว์ที่เกิดขึ้นทุกวันในเวลานั้น มีการยิงปะทะกันทุกวัน เมื่อตามไปก็เจอแต่กองไฟ เจอแต่ซากที่ชำแหละไว้เรียบร้อย จะยิงก่อนก็ไม่ได้เพราะถือว่า “ทำเกินกว่าเหตุ” ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบาก และจากปัญหาป่าห้วยขาแข้งท่านก็ได้รายงานให้ผู้ใหญ่ทราบถึงปัญหา แต่กลับไม่มีใครสนใจหรือใส่ใจ ท่านก็รู้สึกกดดันสิ้นหวังในการเป็นข้าราชการ เพราะท่านสู้อย่างโดดเดี่ยวหวังพึ่งใครก็ไม่ได้ ขนาดลูกน้องยังกระทำผิดเสียเอง ต่อมาไม่นานก็มีเสียงปืนหนึ่งนัดดังกึกก้องไปทั่วป่าในเช้าตรู่ของวันที่ 1 กันยายน 2533 ท่านได้กระทำอัตวิบาตรกรรม และความตายของท่านก็สะเทือนไปทั้งโลกทำให้ทุกคนหันมาสนใจ “ป่าห้วยขาแข้ง”
“หากท่านมีชีวิตอยู่ตอนนี้ท่านคงมีอายุประมาณ 70 ปีแล้ว แต่น่าเสียดายที่ท่านได้จากโลกนี้ไปเพียงอายุแค่ 41 ปีเท่านั้น ซึ่งท่านได้ยิงตัวตายในเช้าตรู่วันที่ 1 กันยายน 2533 ผมจำได้ดีกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเล่าบอกให้ฟัง เพราะขนาดที่ท่านจะกระทำดังกล่าวท่านก็ยังคิดถึงแต่ป่าไม้กับสัตว์ป่า และท่านคงคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนมาดีแล้วว่าสิ่งที่ท่านทำจะต้องไม่สูญเปล่า ซึ่งก็จริงอย่างที่ท่านคิดเพราะหลังจากที่ท่านเสียชีวิตก็ได้มีการก่อตั้ง “มูลนิธิสืบนาคะเสถียร” ขึ้น เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของคุณสืบ นาคะเสถียรต่อไป และยังทราบมาอีกว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินมาที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อทรงเปิดอนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียรอีกด้วย” นายศรีรัตน์ กล่าว
นายศรีรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนตั้งใจจะเป็นนักอนุรักษ์ “เดินตามรอยคุณสืบ” ท่านเป็นทั้งนักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม จึงเปรียบเสมือนปูชนียบุคคล เพราะท่านทุ่มเททั้งแรงกายและแรงในการผลักดันห้วยขาแข้งให้เป็น... ผืนป่ามรดกโลก เพื่อที่จะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และท่านก็ทำสำเร็จ ซึ่งก่อนที่ท่านจะปลิดชีพตัวเองท่านยังคงคิดถึงแต่ป่าไม้และสัตว์ป่า และเมื่อเสียงปืนดังลั่นเพียงนัดนั้นนัดเดียวก็เปลี่ยนผืนป่าห้วยขาแข้งไปอย่างสิ้นเชิง
และการที่ผมจะสืบทอดเจตนาของคุณสืบนาคะเสถียรได้นั้น ผมจะต้องเรียนอะไรที่มันเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ จึงเลือกเรียนสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เพราะสาขาวิชาดังกล่าวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมการวิเคราะห์ สังเคราะห์ต่างๆที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราทั้งสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต รวมไปถึง “แก๊ส” ด้วย ผมเติบโตมากับป่าไม้ธรรมชาติ จึงเห็นความสำคัญและประโยชน์จากป่า จึงอยากศึกษาอย่างจริงจังจึงเลือกเรียนสาขานี้
“ผมเคยเข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เพราะโรงเรียนจะสอนให้รู้จักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งดิน น้ำ ลม สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ผมเริ่มก่อตัวมีจิตใจที่อยากจะอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงตั้งใจเข้ามาเรียนด้านนี้โดยเฉพาะ และผมมีแนวคิดที่ว่า ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรต่างๆ สิ่งแรกเลยต้องเริ่มที่ตัวเรา เพราะคือจุดเริ่มของการอนุรักษ์คือ การมีจิตใจที่อยากจะปกป้องดูแลรักษา ก็จะเริ่มอนุรักษ์ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว” นายศรีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี