ผู้ป่วยวอน "บิ๊กตู่" นายกรัฐมนตรี ช่วยสนับสนุนพยุงสวนสมุนไพรหมอเณร หลังป่วยเป็นเบาหวานเกือบถูกตัดขากินยาแล้วหาย ส่วนคนไข้โรคหัวใจกินสมุนไพรแล้วทุเลา ด้าน "หมอเณร" แจ้งคนไข้ให้รีบมารับยา ก่อนปิดตัวลงอย่างถาวรเร็วๆ นี้ หลังเปิดรักษาคนมานานกว่า 30 ปี
วันที่ 16 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือ "หมอเณร" อายุ 60 ปี เจ้าของสวนสมุนไพรชื่อดัง เลขที่ 36 หมู่ 10 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี เนื่องจากทราบข่าวว่า หมอเณร ซึ่งเป็นหมยาสมุนไพรชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี กำลังจะปิดสวนสมุนไพรที่ใช้ผลิตเป็นยารักษาโรคร้ายให้กับชาวบ้านจากทั่วประเทศมานานกว่า 30 ปีลงอย่างถาวร
เมื่อไปถึงพบหมอเณร กำลังให้คำปรึกษาและจ่ายยาให้กับผู้ป่วยอยู่ที่โต๊ะ ประกอบด้วยนายนพดล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาวตำบลในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ป่วยเป็นโรคเบาหวาน นายอาณัติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาวหมู่บ้านพฤกษา 111 หมู่ 4 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และนางพรกนก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ชาวตำบลหนองดินแดง อ.เมือง จ.นครปฐม ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และเส้นหัวใจตีบ ซึ่งระหว่างที่นายชัยรัตน์ นนทชัย หรือ หมอเณร กำลังให้คำปรึกษาและจ่ายยาสมุนไพร ก็ได้แจ้งให้ผู้ป่วยทั้ง 3 ทราบว่า จะปิดสวนสมุนไพรลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่จะถึงนี้ สร้างความตกใจให้กับผู้ป่วยรวมทั้งญาติของผู้ป่วยที่เดินทางมาด้วยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ นายนพดล อายุ 41 ปี เปิดเผยว่าตนเริ่มป่วยเป็นโรคเบาหวานตอนอายุ 25 ปี ต่อมาปี 2559 ตนเริ่มมีอาการเป็นไข้ ส่วนเท้าด้านขวาโดยเฉพาะนิ้วเท้าทั้ง 5 นิ้วเริ่มเป็นแผลพุพองกลายเป็นสีดำแล้วลามไปทั่ว ตนจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวบางปะกอก เมื่อหมอตรวจเสร็จก็ลงความเห็นว่าจะต้องตัดนิ้วเพื่อป้องกันการลามของแผลเบาหวาน ใช้เวลา 4 เดือน ตนถูกตัดนิ้วออกไปถึง 4 นิ้ว เหลือเพียงนิ้วก้อยเท่านั้นที่ยังไม่ถูกตัด หลังจากตัดนิ้วเท้ามาแล้วแผลก็ยังไม่หาย แต่ยังลามไปถึงหน้าแข้ง หมอจะตัดขาช่วงน่องทิ้งอีก จึงเดินทางมากินยาหมอเณรหาย1 ปีแล้วหยุดยาไปเป็นปีเริ่มมาเป็นแผลใหม่อีกข้างจึงกลับมากินยาใด้ 3 เดือนตอนนี้แผลหายแล้ว
ต่อมาเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกันได้แนะนำให้ตนมาหาหมอเณร เมื่อได้ที่อยู่ของหมอเณรตนจึงเดินทางมาพบแล้วซื้อยาสมุนไพรไปกินตามที่หมอเณรสั่ง หลังจากินยาสมุนไพรหมอเณรได้ประมาณ 2-3 เดือน แผลพุพองที่เกิดจากโรคเบาหวานก็เริ่มยุบลง แต่ก็ต้องมาตัดนิ้วที่เหลือทิ้งเพราะก่อนหน้านี้เชื้อเบาหวานลามไปที่นิ้วก้อยมากแล้ว ส่วนแผลเน่าที่มีอยู่ตามเท้าและที่ลามไปบริเวณหน้าแข้ง ที่หมอบอกว่าจะตัดขาบริเวณน่องทิ้ง ได้แห้งลง หนังบริเวณแผลเน่าที่เป็นสีดำก็หายแล้ว ซึ่งตนได้หยุดกินยาหมอเณรมาได้ประมาณ 1 ปี แต่ปรากฏว่าระหว่างนั้นขาด้านซ้ายเกิดเป็นแผลขึ้นมาอีก จึงกลับมากินยาสมุนไพรของหมอเณร กินได้ประมาณ 3 เดือนแผลก็หาย ปัจจุบันตนกินยาสมุนไพรของหมอเณรมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว และจะกินต่อไปจนกว่าแผลที่ยังหายไม่สนิทจะหมดไป
แต่หลังจากที่ทราบว่าหมอเณร จะปิดกิจการ ตนก็รู้สึกเสียดาย เพราะยาของหมอเณรนั้นรักษาได้จริง จึงไม่อยากให้ปิด เพราะคนอื่นที่เป็นเบาหวานยังสามารถมารักษาได้ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาสนับสนุนยาสมุนไพรหมอเณรอย่างจริงจัง เพราะยาของโรงพยาบาลช่วยอะไรได้ไม่มาก ช่วยได้เพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้น แต่สำหรับยาสมุนไพรหมอเณรกินแล้วรักษาได้จริง เห็นผลจริง
ด้านนางพรกนก อายุ 64 ปี เปิดเผยว่า ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนเป็นโรคเบาหวาน แต่ระหว่างที่ตนขับรถจักรยานยนต์ไปตลาดแล้วเกิดเสียหลักล้มได้รับบาดเจ็บเป็นแผลฉีกขาดที่เท้าขวา จึงไปล้างแผลที่สถานีอนามัย เมื่อล้างเผลแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่อนามัยได้แนะนำให้ไปโรงพยาบาลที่จังหวัดนครปฐม เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ก็สั่งให้นอนพักเพื่อรักษาแผลที่โรงพยาบาล หลังจากแพทย์ตรวจดูแผล หมอก็บอกให้ทราบว่าตนเป็นโรคเบาหวาน
หลังจากออกจากโรงพยาบาลหมอก็ให้ยาแก้โรคเบาหวานมารับประทานที่บ้าน และต้องล้างแผลทุกวัน แต่ในที่สุดแผลที่ฝ่าเท้าเริ่มเน่ากลายเป็นสีดำและลามไปทั่ว เมื่ออาการไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจไปพบหมออีกครั้งหนึ่ง และเมื่อหมอตรวจแล้วเสร็จ หมอบอกว่าต้องตัดขาบริเวณหน้าแข้งด้านขวาทิ้งเพื่อไม่ให้เชื้อเบาหวานลามไปจุดอื่น ซึ่งตนบอกไปว่าขอปรึกษากับสามีและลูกชายก่อน แต่สดท้ายตนก็ไม่ยอมที่จะถูกตัดขาเพราะไม่อยากเป็นคนพิการ
และมีอยู่วันหนึ่งขณะที่มาล้างแผลที่โรงพยาบาล ได้พบกับคนไข้รายหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คนไข้คนนั้นได้มาถามจนว่าอยากหายหรือไม่ ถ้าอยากหายก็ให้ไปหาหมอเณร ที่อำเภอห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ซึ่งคนไข้คนดังกล่าวป่วยเป็นโรคเบาหวานและไปซื้อยาสมุนไพรจากหมอเณรมากินแล้วหาย ขากนั้นเขาจึงให้ที่อยู่ของหมอเณรมา หลังจากได้ที่อยู่ตนจึงให้ลูกชายที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯขับรถยนต์มารับเมื่อลูกชายมาถึงจึงรีบไปหาหมอเณรทันที
เมื่อพบกับหมอเณร ตนก็เล่าอาการของโรคเบาหวานให้ฟังอย่างละเอียด นอกจากป่วยเป็นโรคเบาหวาน ตนได้เล่าให้หมอเณรฟังว่า ตนเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ 3 เส้น หมอได้นัดให้ไปผ่าตัด ซึ่งครั้งแรกตนยอมที่จะผ่าตัดตามที่หมอแนะนำ แต่ต้องมาเปลี่ยนใจในภายหลัง เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าหากผ่าตัดอาการเป็นหรือตายเท่ากันคือ 50/50 ถ้าไม่ผ่าตัดอาการเป็นหรือตายก็เท่ากันคือ 50/50 และยังบอกอีกว่าตนมีเวลาเหลืออยู่อีกแค่ 6 เดือนเท่านั้น เมื่อพูดเช่นนี้เราก็ใจเสีย จึงไม่ยอมผ่าเพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาเราก็ต้องตาย
หลังจากหมอเณรทราบอาการป่วยของตนอย่างละเอียดแล้ว หมอเณรจึงจัดยาสมุนไพร ทั้งที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน และรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบให้ พร้อมกับแนะนำวิธีกินยาแต่ละชนิดให้ตนทราบจนเข้าใจ หลังจากกินยาสมุนไพรของหมอเณรไปได้ประมาณสองเดือนเศษ แผลที่เคยเน่าจากโรคเบาหวานก็เริ่มทุเลาและค่อยๆแห้งลงโดยไม่จำเป็นต้องตัดขาทิ้ง ส่วนอาการของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ก็ไม่มีอีกแล้ว
ส่วนนายอาณัติ อายุ 36 ปี กล่าว่า ตนเริ่มป่วยเป็นความดันตอนอายุได้ 31 ปี แต่เมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลหมอก็บอกว่าคนอายุ 31 ปี เป็นความดันไม่ได้ จากนั้นหมอก็ให้ยาไปกิน กินยาได้ประมาณ 1 ปี อาการก็ไม่ดีขึ้นใจเริ่มสั่น มีเหงื่อออกทั้งวันทั้งคืน จนกระทั้งช่วงต้นปีที่ผ่านมาตนจึงไปพบหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งจึงรู้ว่าป่วนเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว
เมื่อกินยาที่ทางโรงพยาบาลจัดให้อาการก็ไม่ดีขึ้น ตนจึงเข้าไปค้นหาหมอรักษาตามยูทูป ก็พบว่าสมุนไพรหมอเณรสามารถรักษาหายได้ ตนจึงตัดสินใจเดินทางมาพบหมอเณรและเล่าอาการให้ฟัง หมอเณรจึงจัดยาสมุนไพรให้ โดยหลังจากกินยาได้ไม่นานอาการหัวใส่สั่นและอาการเหงื่อออกตามร่างกาย ก็หายไป แต่ยังคงเหลือเรื่องหัวใจรั่วเท่านั้น จนถึงขณะนี้ตนกินยาสมุนไพรหมอเณรมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว และจะกินไปเรื่อยๆเชื่อว่าอาการหัวใจรั่วจะหายอย่างแน่นอน
"แต่ถ้าหากหมอเณรเลิกผลิตยาสมุนไพรและปิดสวนสมุนไพรลง ตนก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร จะไปหายาที่ไหนมากิน จึงอยากขอร้องให้รัฐบาล เข้ามาให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหมอเณรด้วย เพราะผู้ป่วยที่ต้องการรักษาแต่เขายังไม่รู้ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก" นายอาณัติ กล่าว
ด้านนายชัยรัตน์ นนทชัย หรือหมอเณร กล่าวเพียงสั้นๆว่า อยากจะฝากสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ไปถึงคนไข้ทั้งประเทศ ที่เคยกินยาของหมอเณรให้รีบมารับยา เพราะว่าหมออาจจะปิดสวนสมุนไพรในเร็วๆนี้ เพราะหากไม่รีบมาอาจจะไม่มียากินอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทราบดีว่ายังมีผู้ป่วยอีกหลายคนที่ถูกตัดนิ้วตัดเท้าและกำลังกินยาอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี