"เขื่อนภูมิพล” เป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งแห่งเดียวในประเทศไทยที่ใหญ่ที่สุด สร้างเพื่อปิดกั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้ว อ.สามเงา จ.ตาก อ่างเก็บน้ำสามารถจุน้ำได้สูงสุด 13,462 ล้านลูกบาสก์เมตร แต่ปัญหาของเขื่อนภูมิพล คือ น้ำไม่เต็มอ่าง ทางกรมชลประทานจึงมีการคิดค้นจะสร้าง “โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล” หรือ “โครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพล” งบประมาณกว่า 70,000 ล้านบาท
โดยเริ่มจากการสร้าง “เขื่อนน้ำยวม” ขึ้นมาตั้งอยู่เหนือจุดบรรจบแม่น้ำเมยทางด้านเหนือน้ำประมาณ 13.8 กิโลเมตร ระหว่างเขต อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พร้อม "สร้างสถานีสูบน้ำบ้านสบเงา" ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูบน้ำ 951 ล้านหน่วยต่อปี รวมค่าไฟฟ้าที่จะต้องใช้ประมาณ 2,443 ล้านบาทต่อปี และขุดเจาะ "อุโมงค์" ระยะทาง 61.52 กิโลเมตร ซึ่งจุดนี้จะต้องเจาะระเบิด เป็นระยะทาง 30.52 กิโลเมตร และขุดเจาะอุโมงค์ ระยะทาง 31.00 กิโลเมตร รวมถึงมีการปรับปรุงน้ำแม่งูด ระยะทาง 2.10 กิโลเมตร เพื่อผันน้ำจากแม่น้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพล ในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-มกราคม ไม่ผันน้ำในช่วงฤดูแล้ง
“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” ได้ลงพื้นที่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบต่อโครงการดังกล่าว ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับ สมาคมนักข่าวนักสื่อสารชายขอบ เครือข่ายชุมชนลุ่มน้ำสาละวิน และองค์กรเครือข่าย เบื้องต้นได้ลงพื้นที่ อ.ฮอด อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน
นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ กล่าวว่า ตนทราบว่าจะมีการสร้างเขื่อนเก็บน้ำแม่น้ำยวม 1 ตัว สามารถดูดเก็บน้ำขึ้นไปพักที่สถานีสูบน้ำ แต่การที่จะสูบน้ำขึ้นไปได้จะต้องสูบน้ำขึ้นไปจำนวนมากขนาดไหน ต้องเสียค่าไฟฟ้า 2,000-2,500 ล้านบาท เผลอๆอาจจะต้องใช้เครื่องสูบน้ำมากกว่า 1 ตัว ต้องใช้งบกว่า 5,000 กว่าล้านบาท ตามหลักความเป็นจริงน้ำจะต้องไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ และคาดว่าโครงการผันน้ำยวมลงสู่เขื่อนภูมิพล จะต้องใช้งบกว่า 70,000 ล้านบาท ตลอดอายุโครงการใช้ค่าไฟประมาณ 150,000 ล้านบาทต่อปี ระยะเวลาประมาณ 50 ปี
"ผมคิดว่าเวลาดูเรื่องการจัดการน้ำจะต้องดูทั้งหมด แม่น้ำปิงไหลมาจาก อ.เชียงดาว ผ่าน อ.แม่แตง ผ่านตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และมาลงที่ จ.ลำพูน จากนั้นมาลงที่ อ.ฮอด และไปลงที่ดอยเต่า สุดท้ายลงไปเขื่อนภูมิพล น้ำไหลผ่าน 1 ปี กว่า 20,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เขื่อนภูมิพลจุน้ำเพียง 13,462 ล้านลูกบาสก์เมตร ซึ่งน้ำหายไปไหน เพราะฉะนั้นเวลาจะทำโครงการจะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลก่อน ในทางเทคนิคจะต้องวิเคราะห์ก่อนว่าสามารถนำน้ำจากแม่น้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพลได้หรือไม่ ทางการจัดการน้ำเรียกแบบนี้ว่าเป็นการเอาน้ำมาเติมให้เต็มเท่านั้นเอง" ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ กล่าว
**ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานีสูบน้ำบ้านสบเงา**
นางสาวมึดา นาวานาถ ชาวบ้านท่าเรือ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตนเห็นว่าการประชุมรับฟังความคิดเห็นเป็นแค่พิธีการ หรือทำให้เป็นพิธีเท่านั้น เพื่อให้ครบขั้นตอนขบวนการทำรายงาน เพื่อการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เท่านั้นหรือไม่ ตนสงสัยว่าทำไมชาวบ้านริมน้ำ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ถึงแม้ว่าจะเป็นชุมชนที่อยู่ไกลจากเขื่อน แต่พวกเขาก็มีความกังวล พวกเขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน
“ส่วนมากชุมชนอยู่ในเขตอนุรักษ์ของกรมป่าไม้ จึงเป็นเหตุให้คนในชุมชนกลัว เพราะไม่มีสิทธิ์และเอกสารสิทธิ พวกเขาจะทำอย่างไร ชาวบ้านบางส่วนยังไม่มีสัญชาติไทย จึงเป็นจุดอ่อนที่ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้างกับตนเอง บางคนยังไม่รู้เรื่องเลยว่าจะมีอุโมงค์ผันน้ำเกิดขึ้น” นางสาวมึดา กล่าว
ขณะเดียวกัน นางอ้อน มีแก้ว ชาวบ้านแม่เงาใหม่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พาไปดูพื้นที่ทำกินที่ได้รับผลกระทบ โดยกล่าวว่า ได้ยินว่าจะมีการสร้างอุโมงค์ที่นี่ และจะเงินให้ 1 ล้านบาท ชดเชยพื้นที่ทำกิน ตนไม่อยากได้ และไม่อยากได้เขื่อนอยากอยู่อย่างนี้ ตนกังวลเรื่องเพื่อนๆ ด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะได้เงินชดเชยครบทุกคนหรือไม่ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีอุโมงค์ผันน้ำในพื้นที่ทำกินของตนเอง หากโครงการเกิดขึ้นจริง พวกเราคงเดือดร้อนกันหมด มันจะลำบากสุดๆ เพราะพวกเราไม่มีที่ทำกิน
**ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเจาะระเบิดและขุดเจาะอุโมงค์**
นายวิทยา คมชายชาญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านหนองอึ่งใต้ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ชาวบ้านจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากโครงการดังกล่าว ผลกระทบที่จะได้รับจากการขุดเจาะอุโมงค์ มีค่าชดเชยอย่างไร ซึ่งไม่มีใครได้มาพูดคุยถึงความชัดเจน มีการเรียกผู้นำชุมชนไปประชุม แต่ไม่เปิดโอกาสให้สอบถามหรือให้อธิบาย พอกลับมาไม่มีข้อมูลและตอบไม่ได้ว่าประชุมแล้วได้อะไรบ้าง ชาวบ้านมีความกังวลหากใช้พื้นที่เป็นจุดกองดิน ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ใด ใช้เนื้อที่กี่ไร่ ค่าชดเชยจะได้เท่าใด ทั้งนี้ หากโครงการจะสร้างขึ้นมาจริงๆ เมื่อนำดินมาทิ้งแล้ว ชาวบ้านจะสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้หรือไม่
ด้าน นางสาวพรชิตา ฟ้าประทานไพร ชาวบ้านชุมชนกะเบอะดิน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่เรามีประชากร 479 ราย เราเจอปัญหาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทำเหมืองแร่ หรือโครงการผันน้ำยวมลงสู่เขื่อนภูมิพล ซึ่งชาวบ้านเพิ่งจะรู้ว่าจะมีการสร้างอุโมงค์ยักษ์ในการผันน้ำเข้ามาในหมู่บ้านกะเบอะดิน
**ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงแม่น้ำงูด**
นายศักดิ์ชัย เยม ชาวบ้านชุมชนบ้านแม่งูด หมู่ 6 ต.นาคอเรือ อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งชุมชนดังกล่าวเคยได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนภูมิพลมาแล้ว กล่าวว่า ห้วยแม่งูดแม่แต่ทรายไม่มีน้ำ หากมีการสร้างโครงการผันน้ำยวมลงสู่เขื่อนภูมิพล ตนและชาวบ้านจะได้รับผลกระทบแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นที่ทำกินและระบบนิเวศน์ การใช้ชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ เพราะเราอยู่ติดกับป่ามีการสัญจรไปมา หากมีโครงการนี้มาการใช้ชิวิตของเราจะเปลี่ยนไปและจะทำให้การใช้ชีวิตลำบากขึ้น
“ผมคัดค้านโครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนภูมิพล ผมไม่ต้องการ เพราะชาวบ้านไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ตั้งแต่โครงการนี้เริ่มขึ้นมาไม่มีเจ้าหน้าที่มาพูดคุย ครั้งแรกที่มีการประชุมแต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนำชาวบ้านไปแค่ 20 คน ทั้งๆที่เป็นโครงการใหญ่ หมู่บ้านหนึ่งมีคนประมาณ 100-200 คน นำไป 20 คน จะไปเป็นตัวแทนชาวบ้านที่เหลือได้อย่างไร หรือเข้ามาที่หมูบ้านเข้ามาให้รายละเอียดต่างๆ และตอนประชุมไม่ได้มีเวลาให้ชาบ้านได้ชี้แจงหรือสอบถามข้อมูลเลย ซึ่งข้อมูลที่เขาให้มาเป็นคำพูดที่สวยหรูเหมือนโครงการนี้ดีไปหมดทุกอย่าง” นายศักดิ์ชัย กล่าว
นายศักดิ์ชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พื้นที่ในส่วนนี้หากมีการสร้างโครงการก็จะกลายเป็นพื้นที่กองดิน การที่บอกว่าจะมีเงินชดแทนที่ดินทำกินให้ชาวบ้านจะมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เราเอาไว้ทำมาหากิน หากมีสวนตนตายไป อย่างน้อยลูกก็ยังมีที่ทำกิน พื้นที่ตรงนี้เป็นของกรมป่าไม้ โดยนิคมสหกรณ์แม่แจ่มได้เช่าพื้นที่จัดสรรให้กับเกษตรกรที่ผลกระทบจาการสร้างเขื่อนภูมิพล หากกองดินมาถมตรงนี้พื้นที่ตรงนี้ก็ไม่เหลือ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ : กังวลอะไร! รองอธิบดีกรมชลฯ เผย ‘โครงการผันน้ำยวมฯ’ กระทบส่วนน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี