วันที่ 2 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟสบุ๊ก "ห้วยขาแข้งสืบสาน" โพสต์ภาพขณะที่ฝูงวัวแดงขณะออกมาเล็มหญ้าในเขตป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี โดยข้อความระบุว่า “ไม่ใช่ป่าซาลในอินเดีย ป่าแล้งเงาฝนหลังเทือกเขาอาระกันของพม่า หรือกะบานโขมด หรือแม้แต่ มโนไพร ทางตอนเหนือของกัมพูชา ดูให้ดี คงคุ้นตาว่า นี่คือ ทุ่งแฝก ชายขอบเขตฯห้วยขาแข้งของเรานี่เอง เวลาผ่านมาสองปีเศษ มองจากมุมสูงจะเห็นว่าร่องแนวจากการไถปลูกพืชไร่ยังเลือนไม่สนิทด้วยซ้ำ บรรดาผู้คนที่เคยจับจองที่ดินผืนใหญ่นี้ กลายไปเป็น “ชาวช.1” ปล่อยคืนที่ดินป่าให้กลับไปเป็น “ป่า”
อากาศตอนหัวรุ่งหกโมงเช้าของปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ยังเย็นผิว ทุ่งหญ้าสีน้ำตาลแทน ชุ่มน้ำค้าง ดูอ่อนโยน ในความขมุกขมัวของฝ้าหมอกควัน กลุ่มสีแดงหม้อใหม่เขม้นมองตรงมา เป็นการสบตากันผ่านเลนส์เทเลที่ระยะ 200 ม.ม. เท่านั้น จากมุมมองระดับตา ที่นี่ - ในเวลานี้ คือ ประสบการณ์ใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมา วัวแดงเอาเถิดเอาล่อกับคน ตื่น เปรียวระแวดระวัง จะยอมเดินตัดด่านมาลงทุ่งแฝกก็เฉพาะตอนกลางดึกสงัดเท่านั้น เพราะบริเวณนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไหนจะชาวไร่ที่ไม่ ค่อยชอบใจพวกมันนัก ถัดขึ้นไปคือ ทุ่งสังหาร ทั้งแร้ว ทั้งพรานซ่อนในไร่ข้าวโพด เราจึงได้เห็นแค่ร่องรอยเล็มหญ้า ไม้พุ่มแหวกลู่เท่านั้นในยามกลางวัน
ภาพดีๆ ของวัวแดงกลับคืนถิ่นที่ฝันอยากเห็น จึงแทบไม่เป็นจริง จนกระทั่ง ขวัญชัย ไวธัญญการ เจ้าหน้าที่ WCS Thailand ได้มาพบเข้าเมื่อต้นแล้งที่ผ่านมานี่เอง และถ่ายภาพชุดนี้ไว้ บอกเล่าเรื่องราวบทใหม่ของทุ่งแฝก ไร่ร้าง อาจเป็นแหล่งอาหารในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน ตอนหญ้าระบัด แต่ภาพที่เห็นบอกกับเราว่า ล่วงมาจนตลอดหน้าแล้ง ก็ยังเป็นทั้งแหล่งอาหาร และน้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดูจากสีสัน ความอ้วนท้วนและลูกเด็กเล็กแดงแล้ว ฝูงนี้ผ่านฤดูอันสาหัสปีนี้มาได้ด้วยดี
ดูเหมือนวัวแดงจะเริ่มปรับตัวได้แล้วกับไร่เก่าที่ถูกทิ้งร้าง แม้จะห่างจากถนน และด่านตรวจทุ่งแฝกเพียงไม่กี่สิบเมตร ตลอดสามสี่เดือนก่อนฝนมา วัวแดงฝูงใหญ่กว่า 30 ตัวลงทุ่งทุกวัน เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจฯ บอกว่า เห็นได้ค่อนข้างง่ายในช่วงเช้ากับเย็น สายจัดจนถึงบ่ายขอหลบแดดพักนอน เปรียบเทียบกับสัตว์กินพืชขนาดใหญ่อื่นๆ วัวแดง ต้องการพื้นที่ที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง คือ ที่ราบ กึ่งเปิดโล่ง เรือนยอดป่าไม่ชิด มีแหล่งน้ำและโป่ง ให้วนเวียนหากิน พวกมันไม่เดินหากินข้ามเขาไปไกลๆ เหมือนกระทิง ช้างป่า ฉะนั้น โอกาสที่จะล้มหายตายไปในทันทีที่ถิ่นอาศัยถูกคุกคามจึงเกิดขึ้นได้ง่ายมาก
ใจกลางป่าห้วยขาแข้ง จากหุบเขานางรำ ซับฟ้าผ่า หุบทับเสลาทอดตัวยาวต่อเนื่องออกมานอกเขตฯ จนถึงที่ราบฝั่งตะวันตกของอ่างทับเสลา, ทุ่งแฝก อยู่ทางฝั่งด้านทิศเหนือเป็นเวิ้งเขาขนาดไม่กี่ตารางกิโลเมตร แต่จะช่วยเติมเต็มพื้นที่แหล่งอาหารของวัวแดง เพิ่มโอกาสให้อยู่รอดได้มากขึ้น มองในภาพใหญ่ ที่นี่เป็นพื้นที่ในฝันของการอนุรักษ์สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงเพราะเกือบ10% ของวัวแดง ในธรรมชาติที่เหลืออยู่บนโลกนี้ พบที่นี่ แต่เพราะลักษณะพื้นที่วางตัวในแนวยาวจากใจกลางพื้นที่อนุรักษ์เข้มข้นออกมาสู่ด้านนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เปิดโอกาสให้กับผู้คนโดยรอบได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะงานอนุรักษ์คงไม่ใช่เรื่องของภาครัฐฝ่ายเดียว
แม้จะถูกรุมทึ้งจากการใช้ที่ดินอย่างเลวร้ายมาตลอดหลายทศวรรษ แต่ทุกอย่างก็กำลังจะคลี่คลายไปสู่จุดลงเอยที่เหมาะสม ภายใต้แผนการจัดการที่รัดกุมหลังจากผ่านจุดยากที่สุดมาแล้ว และกำลังเข้าสู่จุดยากกว่า จุดถัดไป ชมความเป็นมาของที่นี่ https://bit.ly/3gJw6g3
ภาพจาก : WCS Thailand
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี