กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันเป็นวงกว้าง เกี่ยวกับกรณีรื้อถอน “บ้านบอมเบย์ เบอร์มา” เพราะ “บ้านบอมเบย์ เบอร์มา” นั้นเดิมทีเป็นอาคาร ของบริษัท บอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง (Bombay Burmah Trading) ที่เข้ามาทำธุรกิจค้าไม้ในจังหวัดแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2432 ตั้งอยู่บริเวณท่าน้ำบ้านเชตวัน อ.เมือง จ.แพร่ และถูกใช้งานเป็นแหล่งพักไม้ ซึ่งบริษัทฯ มักขนส่งจากพม่าไปยังจีนและอินเดีย โดยส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้สำหรับการต่อเรือ

หลังจากสิ้นสุดสัมปทานป่าไม้ในจังหวัดแพร่แล้ว บริษัทฯ ได้ยกอาคารหลงนี้ไว้ให้กับจังหวัด ซึ่งนับถึงปัจจุบันมีอายุกว่า 127 ปี และกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่

หลายคนงงกับการเสนองบประมาณ 4 ล้านบาท เสนองบ “โครงการเป็นซ่อมแซมและปรับปรุง” (งบอาคาร 4 ล้านบาทเป็นงบสร้างห้องน้ำใหม่กว่าล้านบาท) แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นการรื้อถอนอาคารทั้งหลัง มาสร้างเป็นอาคาร 100 ปีแทน สร้างความเจ็บช้ำใจให้กับชาวชุมชนและผู้ที่เห็นสภาพอาคารอายุกว่า 127 ปี ที่ถูกรื้อลงอย่างไม่เห็นคุณค่า

 จนเรื่องราวไปถึงหูของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี สั่งให้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการรักษาอาคารโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในประเทศ เพื่อการศึกษารากเง้าของวัฒนธรรม แต่ย้ำว่า “ต้องปรับให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น แต่จะต้องไม่ใช่การรื้อทิ้งทั้งหมด” และเบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีรื้อถอนบ้านบอมเบย์ เบอร์มาแล้ว

ล่าสุด “สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่”  ได้โพสต์รายงานความคืบหน้าคืนภาพจำบ้านบอมเบย์ เบอร์มา ว่า “ขอรายงานความคืบหน้ากับภารกิจคืนภาพจำอาคารบอมเบย์เบอร์มา ทางเราทำรหัสชิ้นส่วนสำคัญ ทดลองประกอบกลับคืน ร่างแบบสันนิษฐานในส่วนที่เสียหายและสูญหายไป เก็บหลักฐานขนาดอาคารจากตำแหน่งเสาและชิ้นส่วนโครงสร้างหลักที่เหลืออยู่ เพื่อจัดทำผังรูปแบบในการบูรณะต่อไปครับ ขอขอบพระคุณชาวจังหวัดแพร่และประชาชนที่สนใจทุกๆท่าน ที่มาให้กำลังใจครับ #คืนภาพจำบอมเบย์เบอร์มา”

ขอบคุณภาพจาก : สมาคมคนแพร่ , Therdsak Yenjura