4 วิธีรักษากรดไหลย้อนแบบง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งยา ทำง่าย รักษาได้จริง

เราเชื่อว่าอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอกรวมไปถึงอาการจุกเสียดแน่นท้องจากกรดไหลย้อนย่อมต้องสร้างปัญหาในการทำกิจวัตรต่างๆ ให้กับใครหลายคนได้ไม่มากก็น้อย ในเมื่ออาการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเช่นนี้ ดังนั้นเราจึงไม่พลาดที่จะหยิบเอา 4 วิธีรักษาแบบง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยามาให้ทุกคนได้ลองไปศึกษาและนำไปปรับใช้กัน ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะมีอะไรบ้าง ลองตามไปดูกันได้เลย

กล้วย

เนื่องจากกล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณสมบัติในการช่วยลดอาการกรดไหลย้อนไปพร้อมๆ กับเสริมความแข็งแรงให้กับกระเพราะอาหาร ดังนั้นจึงทำให้เราสามารถนำผลไม้ดังกล่าวมาใช้รักษาอาการได้ เพียงแค่รับประทานกล้วยหนึ่งลูก 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน

น้ำว่านหางจระเข้

สมุนไพรที่หลายๆ บ้านมักปลูกกันอย่างว่านหางจระเข้นั้นสามารถนำมาสกัดเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มรักษาโรคกรดไหลย้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากความเย็นที่เป็นคุณสมบัติหลักของว่านหางจระเข้ จึงทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อลดอาการแสบร้อนกลางอก โดยขั้นตอนการทำน้ำว่านหางจระเข้นั้นไม่ยากเลย เพียงแค่นำวุ้นด้านในมาล้างให้สะอาด แล้วนำไปหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ เมื่อเสร็จแล้วจึงค่อยใส่ก้านใบเตยลงไปในน้ำก่อนต้มให้เดือด หลังจากได้กลิ่นใบเตย ให้เรานำก้านออกจากหม้อ และนำว่านหางจระเข้ที่เตรียมไว้ไปต้มต่อราวๆ  5 นาทีแล้วจึงค่อยปิดแก๊สก่อนนำไปบรรจุไว้ในภาชนะที่เตรียมไว้

หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด

เนื่องจากกรดไหลย้อนเป็นอาการที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภค ดังนั้นผู้มีอาการจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางประเภทที่มีผลทำให้กรดไหลย้อนสามารถกำเริบได้ เช่น อาหารที่มีรสจัดและไขมันสูง, ชาหรือกาแฟ และน้ำอัดลม นอกจากนี้เรายังต้องระวังในเรื่องของปริมาณอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อที่ควรอยู่ในระดับไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป

พยายามยืนหรือนั่งหลังตรงเมื่อรับประทานอาหารเสร็จ

อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดีคือการยืนหรือนั่งหลังตรงเมื่อรับประทานอาหารเสร็จเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดลม นอกจากนี้เรายังไม่ควรรับประทานอาหารแล้วนอนทันที

ก่อนจากกันไปเราอยากจะบอกทุกคนว่าแนวทางทั้งหมดที่เราได้แนะนำไปล้วนแล้วแต่เป็นการรักษาเมื่อเกิดอาการแล้วเท่านั้น สำหรับใครที่อยากจัดการโรคกรดไหลย้อนให้อยู่หมัด แน่นอนว่าคงไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่าการลองกลับไปศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดอาการทั้งหมด แล้วปรับเปลี่ยนรวมไปถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอาการ เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้แบบไม่มีสะดุด