‘ศึกอิหร่าน-อิสราเอล’ลามปิดช่องแคบ‘ฮอร์มุซ’ โลกสะท้าน เตรียมรับมือ‘ราคาน้ำมัน’พุ่ง

ไฟสงคราม!!!!!

ระหว่าง “อิหร่าน VS อิสราเอล”

กลายเป็น “อาฟเตอร์ช็อก” ที่เขย่า สร้างผลกระทบไปทั่วโลก ทั่ววงการ โดยเฉพาะ ราคาน้ำมัน” ที่ผันผวน พุ่งสูงอย่างหนักตามแรงสั่นสะเทือนจากสงครามระหว่าง 2 ชาติ

ล่าสุด “รัฐสภาอิหร่าน” มีมติปิดช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อราคาน้ำมันโลก เนื่องจากช่องแคบนี้เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีข้อมูลดังนี้:

+ สัดส่วนการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซ

+ ประมาณ 20-30% ของการบริโภคน้ำมันโลก ถูกขนส่งผ่านช่องแคบนี้

+ ปริมาณน้ำมันดิบที่ขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ : ประมาณ 20-21 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ ประเทศที่พึ่งพาช่องแคบนี้มากที่สุด ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย (ส่งออก 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

#ผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลก

1.ราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

+ นักวิเคราะห์จาก JPMorgan Chase & Co. ประเมินว่า หากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ราคาน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 30-50% จากระดับปัจจุบัน

+ บริษัทอินโนเวสท์ เอกซ์ (INVX) คาดการณ์ว่าในกรณีเลวร้ายที่สุด ราคาน้ำมันอาจแตะ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และทำให้เงินเฟ้อโลกพุ่งขึ้น

2.ภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

+ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ทุก 10 ดอลลาร์ จะทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.2%

+ หากราคาน้ำมันแตะ 120 ดอลลาร์ อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะ stagflation (เงินเฟ้อสูง + เศรษฐกิจชะลอตัว)

3.ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานพลังงาน

+ การปิดช่องแคบฮอร์มุซจะทำให้การขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังตลาดโลกหยุดชะงัก 

+ แม้ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีท่อส่งน้ำมันสำรอง แต่สามารถขนส่งได้เพียง 2.6-4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับ 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ

#สรุป

การปิดช่องแคบฮอร์มุซของอิหร่าน จะทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นทันที เนื่องจากเส้นทางนี้ขนส่งน้ำมันประมาณ 20-30% ของความต้องการทั่วโลก และหากปิดจริง อาจทำให้ราคาพุ่งทะลุ 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

#ปรเมษฐ์ ภู่โต