ตอนกลางคืนท่าน (พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) อบรมพระเณร การแสดงธรรมโดยมากท่านเริ่มแต่ ศีล สมาธิ ปัญญา ขึ้นไปเป็นขั้น ๆ อย่างไม่มีจุดหมายว่าท่านจะไปจบในธรรมขั้นใด แสดงจนถึงวิมุตติหลุดพ้นอันเป็นจุดสำคัญของธรรม แล้วย้อนกลับมาแสดงเกี่ยวแก่ผู้ปฏิบัติว่าจะควรปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะสามารถบรรลุจุดประสงค์ตามธรรมที่ท่านอบรมสั่งสอน
การสอนพระในวงปฏิบัติ ท่านสอนเน้นลงในความเป็นผู้มีศีลสังวร โดยถือศีลเป็นสำคัญในองค์พระ พระจะสมบูรณ์ตามเพศของตนได้ต้องเป็นผู้หนักแน่นในศีล เคารพในสิกขาบทน้อยใหญ่ ไม่ล่วงเกินโดยเห็นว่าเป็นสิกขาบทเล็กน้อยไม่สำคัญอันเป็นลักษณะของความไม่ละอายบาป และอาจล่วงเกินได้ในสิกขาบททั่วไป เป็นผู้รักษาวินัยเคร่งครัด ไม่ยอมให้ศีลของตนด่างพร้อยขาดทะลุได้ อันเป็นเครื่องเสริมให้เป็นผู้มีความอบอุ่นกล้าหาญในสังคม ไม่กลัวครูอาจารย์หรือเพื่อนพรหมจรรย์จะรังเกียจหรือตำหนิ
พระในใจจะสมบูรณ์เป็นขั้น ๆ นับแต่พระโสดา ฯลฯ ถึงพระอรหัตได้ ต้องเป็นผู้หนักในความเพียรเพื่อสมาธิและปัญญาทุกชั้นจะมีทางเกิดขึ้นและเจริญก้าวหน้า สามารถชำระล้างสิ่งสกปรกรุงรังภายในใจออกได้โดยสิ้นเชิง อนึ่งคำว่าพระควรเป็นผู้เยี่ยมด้วยความสะอาดแห่งความประพฤติทางกายวาจา และเยี่ยมด้วยจิตที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม คือสมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะตามลำดับ ไม่ควรเป็นพระที่อับเฉาเศร้าใจ ไม่สง่าผ่าเผย หลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะปมด้อยคอยกระซิบอยู่ภายใน มีอะไรลึกลับทำให้ร้อนสุมอยู่ในใจนั้น มิใช่พระลูกศิษย์พระตถาคตผู้งดงามด้วยความประพฤติภายในภายนอก ไม่มีที่ต้องติ
แต่ควรเป็นพระที่องอาจกล้าหาญต่อการละชั่วทำดี ดำเนินตามวิถีรอยพระบาทที่ศาสดาพาดำเนิน เป็นผู้ซื่อตรงต่อตนเองและพระธรรมวินัยตลอดเพื่อนฝูง อยู่ที่ใดไปที่ใดมีสุคโตเป็นที่รองรับ มีโอชารสแห่งธรรมเป็นที่ซึมซาบ มีความสว่างไสวอยู่ด้วยสติปัญญาเป็นเครื่องส่องทาง ไม่อยู่อย่างจนตรอกหลอกตัวเองให้จนมุม นั่นคือพระลูกศิษย์พระตถาคตแท้ ควรสำเหนียกศึกษาอย่างถึงใจ ยึดไว้เป็นหลักอนาคตอันแจ่มใสไร้กังวล จะเป็นสมบัติที่พึงพอใจของผู้นั้นแน่นอน
นี่เป็นปกตินิสัยที่ท่านอบรมพระปฏิบัติ
หลังจากการประชุมแล้ว ท่านผู้ใดมีข้อข้องใจก็ไปศึกษากับท่านเป็นราย ๆ ไปตามโอกาสที่ท่านว่างกิจประจำวัน ซึ่งมีติดต่อกันที่ท่านต้องปฏิบัติไม่ลดละไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด คือตอนเช้าออกจากที่ภาวนาแล้วลงเดินจงกรมก่อนบิณฑบาต พอได้เวลาแล้วก็ออกบิณฑบาต จากนั้นเข้าทางจงกรมเดินจงกรมจนถึงเที่ยงเข้าที่พัก พักจำวัดบ้างเล็กน้อย ลุกขึ้นภาวนาแล้วลงเดินจงกรม บ่าย ๔ โมงเย็นปัดกวาดลานวัดหรือที่พักอยู่ขณะนั้น สรงน้ำแล้วเข้าทางจงกรมอีกเป็นเวลาหลายชั่วโมง ออกจากที่จงกรมก็เข้าที่ไหว้พระสวดมนต์
การสวดมนต์ท่านสวดมากและสวดนานเป็นชั่วโมง ๆ เสร็จแล้วนั่งสมาธิภาวนาต่อไปตั้งหลายชั่วโมง คืนหนึ่ง ๆ ท่านพักจำวัดราว ๔ ชั่วโมงเป็นอย่างมากในเวลาปกติ ถ้าเป็นเวลาพิเศษก็นั่งสมาธิภาวนาตลอดรุ่งไม่พักจำวัดเลย
ในวัยหนุ่มท่านทำความเพียรเก่งมาก ยากจะมีผู้เสมอได้ แม้ในวัยแก่ยังไม่ทิ้งลวดลาย เป็นแต่ผ่อนลงบ้างตามวิบากที่ทรุดโทรมลงทุกวันเวลา ที่ผิดกับพวกเราอยู่มากคือจิตใจท่านไม่แสดงอาการอ่อนแอไปตามวิบากธาตุขันธ์เท่านั้น นี่คือวิธีการของท่านผู้ดีเป็นคติแก่โลกดำเนินมา มิได้ทอดทิ้งปล่อยวางหน้าที่ของตนนับแต่ต้นเป็นลำดับมา ไม่ลดละความเพียรซึ่งเป็นแรงหนุนอันสำคัญ แดนแห่งชัยชนะที่ท่านได้รับอย่างพอใจนั้นได้ที่เขาลึกในจังหวัดเชียงใหม่ที่เขียนผ่านมาแล้ว
เราที่เกิดมาในชาติมนุษย์ซึ่งเป็นชาติที่พร้อมด้วยคุณสมบัติที่ควรจะได้จะถึงอยู่แล้ว แต่ละท่านที่จะได้ประสบความสำเร็จดังใจหมายเช่นท่านที่ได้ประสบมาแล้ว จนได้กลายมาเป็นประวัตินั้น แม้จะมีคนมากแทบล้นโลกสมัยปัจจุบัน แต่ผู้จะได้ประสบกับแดนสมหวังดังที่กล่าวมานี้มีจำนวนน้อยมากเหลือเกิน แทบจะไม่มีในโลกสมัยปัจจุบัน
ที่แตกต่างกันมากทั้งนี้ เพราะความรู้ความเห็นความขะมักเขม้นและอิทธิบาท ๔ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในทางจะให้เกิดผลดังมุ่งหมายมีมากน้อยต่างกันมาก ผลที่เกิดขึ้นจึงทำให้ต่างกันมากจนแทบไม่น่าเชื่อทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว แต่เป็นสิ่งที่โลกได้ประจักษ์ตาประจักษ์ใจกันมานานแล้ว จนหาทางปฏิเสธไม่ได้ นอกจากต้องยอมรับโดยทั่วกันตามสิ่งที่ปรากฏ ทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งสุขทั้งทุกข์ ซึ่งเกิดขึ้นกับตนแต่ละราย ไม่มีทางสลัดปัดทิ้งได้เท่านั้น
ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นผู้มีประวัติอันงดงามมากในบรรดาครูอาจารย์สมัยปัจจุบัน เป็นประวัติที่ทรงดอกทรงผลตลอดต้นชนปลาย สวยงามมาทุกระยะ น่าเคารพเลื่อมใสของคนทุกชั้นทุกเพศทุกวัย กิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรไปถึงไหน เกิดความหอมหวนชวนให้เคารพเลื่อมใสในที่นั้น แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เวลาท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านพุทธศาสนิกชนที่มีความรักใคร่ใฝ่ธรรมไม่ค่อยมีโอกาสได้ทราบ และได้เข้าใกล้ชิดสนิทกับท่านซึ่งมีอยู่มากมาย ทั้งที่ประสงค์อยากพบท่านผู้ดีมีคุณธรรมสูงอยู่ตลอดมา
แต่เนื่องจากท่านไม่ค่อยชอบออกมาตามบ้านเมืองที่มีผู้คนชุกชุม ท่านเห็นเป็นความสะดวกสบายใจในการอยู่ในป่าเขาตลอดมาแต่ต้นจนอวสาน แม้พระสงฆ์ผู้มีความมุ่งมั่นต่ออรรถธรรมซึ่งมีอยู่มาก ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าไปถึงองค์ท่านได้ง่าย ๆ เพราะทางลำบากกันดาร รถราไม่มี การเข้าไปหาจนถึงที่อยู่ท่านต้องเดินทางเป็นวัน ๆ ผู้ไม่เคยเดินก็ไปไม่ไหว ทั้งความไม่กล้าหาญพอที่จะรับธรรมอันแท้จริงจากท่านบ้าง กลัวท่านจะไม่รับให้อยู่ด้วยบ้าง กลัวท่านจะดุบ้าง กลัวตัวจะปฏิบัติไม่ได้อย่างท่านบ้าง กลัวอาหารการเป็นอยู่จะขาดแคลนกันดารบ้าง กลัวจะฉันมื้อเดียวอย่างท่านไม่ได้บ้าง
เรื่องที่จะเป็นอุปสรรคต่อการไปนั้น รู้สึกว่าสร้างไว้อย่างมากมาย จนไม่อาจจะฝ่าฝืนเล็ดลอดไปได้ ทั้งที่มีความมุ่งหวังอยู่อย่างเต็มใจ สิ่งเหล่านี้แลที่เป็นอุปสรรคต่อตัวเอง จึงปล่อยโอกาสให้ผ่านไปโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากความคิดชนิดต่าง ๆ เหล่านี้เลย กระทั่งได้ยินแต่ประวัติท่านที่ไม่มีรูปร่างเหลืออยู่แล้ว จึงได้ทราบว่าท่านเป็นพระเช่นไรในวงพระศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่ทรงมรรคทรงผลตลอดมานับแต่พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรก ลำดับลำดากันลงมาถึงพระสาวกผู้ทรงมรรคทรงผล นับจำนวนไม่ได้ ถ่ายทอดกันเรื่อยมาด้วย สุปฏิบัติ อุชุ ญายะ สามีจิปฏิบัติ อันเป็นเหมือนทำนบใหญ่ที่ไหลออกมาแห่งน้ำอมตมหานิพพานจากจิตสันดานของทุกท่าน ผู้ทรงไว้ซึ่งปฏิปทา ตามทางศาสดาที่ประทานไว้
ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นองค์หนึ่งในจำนวนพระสาวกอันดับปัจจุบัน ซึ่งเพิ่งมรณภาพผ่านไปเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๒ ถ้ารวมเวลาที่ผ่านไปก็ราว ๒๐ ปีกว่าเท่านั้น แต่การมรณภาพท่านจะรอลงข้างหน้าเวลาเรื่องท่านดำเนินไปถึง แต่อย่างไรก็ตามการผ่านไปแห่งรูปธรรมนั้นเป็นของมีมาดั้งเดิม ทั้งยังจะมีต่อไปตลอดกาลเมื่อความเกิดของสิ่งสมมุติต่าง ๆ ยังเป็นไปอยู่ ความอัศจรรย์สำคัญที่ยังคงอยู่ คือ พระเมตตาคุณ พระปัญญาคุณ และพระวิสุทธิคุณของพระพุทธเจ้าที่สถิตอยู่กับพระศาสนาไม่ได้ผ่านไปด้วย แม้เมตตาคุณ ปัญญาคุณ และวิสุทธิคุณของท่านพระอาจารย์มั่นก็คงยังอยู่เช่นเดียวกับของพระศาสดา เพราะเป็นคุณสมบัติลักษณะเดียวกัน สำคัญอยู่ที่ผู้จะปฏิบัติให้เป็นไปตามพระโอวาทที่ท่านประทานไว้ จะสามารถตักตวงได้มากน้อยเพียงไร ในกาลอันควรที่กำลังเป็นไปอยู่กับพวกเราเวลานี้ นี่เป็นสิ่งที่ยังควรและน่าสนใจอยู่มาก สำหรับผู้ยังมีชีวิตครองตัวอยู่ ถ้าหาไม่แล้วหมดหนทาง ไม่มีสิ่งใดมาแก้ไขให้กลับคืนได้
ตอนท่านแก้ปัญหาพี่น้องชาวนครราชสีมานั้น มีเนื้อความสะดุดใจผู้เขียนตลอดมา จึงขอถือเอาความย่อ ๆ มาลงอีกเล็กน้อยว่า อย่าทำความรู้ ความเห็นและความประพฤติทุกด้านเหมือนเราไม่มีป่าช้าอยู่กับตัว อยู่กับบ้านเมืองเรา อยู่กับญาติมิตรของเรา บทถึงคราวเป็นอย่างโลกที่มีป่าช้าทั่ว ๆ ไปขึ้นมา จะแก้ตัวไม่ทัน แล้วจะจมลงในที่ตนและโลกไม่ประสงค์อยากลงกัน จะคิดจะพูดจะทำอะไร ควรระลึกถึงป่าช้าคือความตายบ้าง เพราะกรรมกับป่าช้าอยู่ด้วยกัน ถ้าระลึกถึงป่าช้า ในขณะเดียวกันได้ระลึกถึงกรรมด้วย พอทำให้รู้สึกตัวขึ้นบ้าง อย่าอวดตัวว่าเก่งทั้ง ๆ ที่ไม่เหนืออำนาจของกรรม แม้อวดไปก็เป็นการทำลายตัวให้ล่มจมไปเปล่า ๆ ไม่ควรอวดเก่งกว่าศาสดาผู้รู้ดีรู้ชอบทุก ๆ อย่าง ไม่ลูบ ๆ คลำ ๆ เหมือนคนมีกิเลสที่อวดตัวว่าเก่ง สุดท้ายก็จนมุมของกรรมคือความเก่งของตัว (ผลร้ายที่เกิดจากการทำด้วยความอวดเก่งของตัวเอง)
นี้ฟังแล้วใจสะดุ้งและหมอบยอมจำนนต่อกรรมจริง ๆ ไม่ผยองพองตัวจนลืมตน ว่ามิใช่คนเดินดินเหมือนโลก ๆ เขา จึงได้นำมาลงซ้ำอีก ที่ลงมาแล้วบางตอนก็มีบกพร่องบ้าง ไม่สมบูรณ์ตามที่ท่านอธิบาย มาระลึกได้ทีหลังก็มี อย่างนี้เองความรู้ความจำของปุถุชนคนหนามันหลอก ๆ ลวง ๆ ขวางธรรมของจริงอยู่อย่างนี้เอง จึงขออภัยท่านผู้อ่านไว้ด้วยที่เขียนซ้ำบ้างเป็นบางตอน
ท่านพระอาจารย์มั่นท่านมีความรู้ความสามารถ ประสาทธรรมให้แก่คณะลูกศิษย์ฝ่ายพระเป็นต้นโพธิ์ต้นไทรขึ้นมาหลายองค์ ซึ่งเป็นประเภทที่ปลูกให้เจริญเติบโตขึ้นยากอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเภทที่ชอบมีอันตรายรอบด้าน
ครูอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ท่านยังมีอยู่หลายองค์ ที่ระบุนามมาบ้างแล้วตอนต้นก็มี คือ ท่านอาจารย์สิงห์ ท่านอาจารย์มหาปิ่น อุบลฯ ท่านอาจารย์เทสก์ ท่าบ่อ หนองคาย ท่านอาจารย์ฝั้น สกลนคร ท่านอาจารย์ขาว วัดถ้ำกลองเพล อุดรฯ ท่านอาจารย์พรหม บ้านดงเย็น อำเภอหนองหาร อุดรฯ แต่ท่านมรณภาพไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านอาจารย์ลี วัด อโศการาม สมุทรปราการ ท่านอาจารย์ชอบ ท่านอาจารย์หลุย จังหวัดเลย ท่านอาจารย์อ่อน หนองบัวบาน ท่านอาจารย์สิม เชียงใหม่ ท่านอาจารย์ตื้อ เชียงใหม่ ท่านอาจารย์กงมา สกลนคร ที่หลงลืมจำไม่ได้ก็ยังมีอยู่มาก
ท่านอาจารย์เหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีคุณธรรมในลักษณะต่าง ๆ กัน องค์หนึ่งเด่นไปทางหนึ่ง อีกองค์หนึ่งเด่นไปทางหนึ่ง รวมแล้วท่านเป็นผู้น่ากราบไหว้บูชาอย่างสนิทใจแทบทุกองค์ บางท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมีประชาชนพระเณรรู้จักมาก บางท่านชอบเก็บตัว และชอบอยู่ในที่สงัดตามอัธยาศัย บรรดาลูกศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น บางท่านมีสมบัติมาก (คุณธรรม) แต่ไม่มีคนค่อยทราบก็มีอยู่หลายองค์ เพราะท่านชอบอยู่อย่างเงียบ ๆ ตามนิสัย นับว่าท่านสามารถปลูกพระให้เป็นต้นโพธิ์ธรรมได้มากกว่าทุกอาจารย์ในภาคอีสาน โพธิ์คือความรู้ความฉลาด ถ้าเป็นโพธิ์ของพระพุทธเจ้าก็เรียกว่าตรัสรู้ แต่เป็นอาจารย์ก็ควรเรียกตามฐานะ หรือตามวิสัยป่าของผู้เขียนว่าโพธิ์ธรรมซึ่งรู้สึกถนัดใจ
การปลูกพระก็เหมือนที่โลกเลี้ยงลูกปลูกโพธิ์นั่นเอง การแนะนำสั่งสอนเพื่อปลูกฝังหลักฐานทางมรรยาท ความประพฤติตลอดความรู้ ความฉลาด ทางภายในถึงขั้นปกครองตนได้ ไม่มีภัยเข้าไปอาจเอื้อมทำลายได้ เพียงแต่ละองค์นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เจริญได้ยากมาก เพราะการปลูกคุณธรรมให้ฝังลึกลงในหัวใจของคนมีกิเลสแสนแง่แสนงอนนั้น เป็นภาระที่หนักหน่วงถ่วงใจ ผู้เป็นอาจารย์แทบไม่มีเวลาปลงวางได้ และต้องเป็นผู้มีอำนาจเหนือกิเลสโดยประการทั้งปวงแล้ว จึงจะพอมีทางทำให้ผู้มารับการอบรมได้รับความซาบซึ้งถึงใจ และพอใจปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ นิสัยกับธรรมจะพอมีทางกลมกลืนกันได้ กลายเป็นผู้มีความมั่นคงทางใจไปโดยลำดับ
ลำพังเราก็มีกิเลส ผู้มารับการอบรมต่างก็มีกิเลสเต็มตัวด้วยกัน ยากที่จะมีกำลังฉุดลากกันไปให้ถึงที่ปลอดภัยได้ จึงอยากจะพูดว่า สิ่งที่ทำได้ยากในโลกมนุษย์เราก็คือการสร้างพระธรรมดาให้เป็นพระที่น่ากราบไหว้บูชา และเสกสรรหรือส่งเสริมให้เลื่อนจากฐานะเดิมของจิตขึ้นสู่พระโลกุตระ คือพระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา และพระอรหันต์นั้น ยิ่งยากแสนยากขึ้นเป็นขั้น ๆ ดีไม่ดียังไม่แตกกิ่งแตกแขนงก็ถูกตัวแมลงมากัดมาไช มาโค่นรากแก้วรากฝอยให้โค่นล้มจมดินอย่างไม่เป็นท่าเสียมากกว่าจะเจริญเป็นต้นเป็นลำขึ้นมาพอทำประโยชน์ได้ โดยมากเราเคยเห็นกันมาอย่างนั้นแทบทั้งนั้น ไม่ค่อยมีรากฝังลึกพอจะทนลมทนฝนทนตัวแมลงกัดไชได้
เราปลูกต้นไม้ชนิดต่าง ๆ ไว้ทำประโยชน์ ไม่กี่ปีก็ได้รับผล แต่ปลูกพระนี้กี่ปีคอยแต่จะโค่นล้มอยู่นั่นเอง แม้ไม่มีอะไรมาตอม แต่ตัวเองคอยส่ายแส่หาตัวแมลงมาตอมเพื่อทำลาย และตัวก็คอยทำลายตัวเองอยู่แล้ว จึงเป็นความเจริญได้ยากในการปลูกพระ ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นความจริงก็เชิญเข้ามาลองบวชบำรุงตนด้วยสิกขาบทกฎบัญญัติที่ประทานไว้ดู น่ากลัวว่าข้าวเย็นก็จะหิวก่อนเวลาทั้งที่ตะวันยังไม่ตก เที่ยวก็อยากเที่ยวตลอดเวลาทั้งที่ศีรษะก็ไม่เหมือนโลกเขา ตาหูเป็นต้นต่างก็อยากดูอยากฟัง อยากดมกลิ่นลิ้มรส สัมผัสสิ่งอ่อนนุ่มภูมิใจ ไม่มีเวลาอิ่มพอตลอดเวลา โดยไม่เลือกว่าเช้าสายบ่ายเย็นอะไรเลย จนลืมว่าตัวเป็นอะไรขณะนี้
ส่วนจะสนใจบำรุงต้นโพธิ์ คือใจให้มีเหตุมีผลรู้จักอดทนต่อคำสั่งสอน น้อมเข้ามาฝึกฝนอบรมตนให้มีความสงบเย็นใจนั้น น่ากลัวจะไม่สนใจนำพาเสียแล้ว ต้นโพธิ์คือใจเมื่อขาดการบำรุง ก็มีแต่จะเหี่ยวแห้งยุบยอบลงโดยลำดับ สิ่งคอยทำลายก็นับวันเวลามีโอกาสหักรานไปทุกระยะ ต้นโพธิ์ต้นไหนบ้างจะทนตั้งโด่อยู่ได้ เพราะโพธิ์ของพระเป็นโพธิ์ที่มีหัวใจ จะต้องโอนไปเอนมาตามสิ่งร้าวราน ทนไม่ไหวก็โค่นล้มลงจมดินจมน้ำอย่างไม่เป็นท่าเท่านั้นเอง
ฉะนั้น การปลูกโพธิ์จึงเป็นของปลูกยากอย่างนี้ ใครไม่เคยปลูกก็ไม่รู้ฤทธิ์ของมันซึ่งไม่ค่อยชอบปุ๋ยธรรมดาเหมือนต้นไม้ทั้งหลาย แต่แหวกไปชอบปุ๋ยประเภทสังหารทำลายเสียมาก ฉะนั้น โพธิ์ต้นนี้จึงมักอับเฉาและตายได้ง่ายกว่าต้นไม้ชนิดอื่น ๆ คือตายจากศีลธรรมความดีงามนั่นเอง ผู้เขียนเคยปลูกและบำรุงมาบ้าง และเคยทำลายมาบ้างด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงพอทราบฤทธิ์ของมันว่าเป็นธรรมชาติที่ปลูกยากบำรุงยาก คอยแต่จะอับเฉาเหี่ยวแห้งและฉิบหายอยู่ตลอดมา แม้ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่า โพธิ์ต้นนี้จะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงไปถึงไหนเพียงไร เพราะปกติก็คอยแต่จะเสื่อมลงท่าเดียว ทั้ง ๆ ที่มองไม่เห็นว่ามีอะไรเจริญขึ้นพอให้เสื่อมลงอันเป็นของคู่กัน แต่ยังอุตส่าห์เสื่อมลงได้อยู่นั่นเอง
ปุ๋ยประเภททำลายนี้ โพธิ์ชนิดนี้รู้สึกชอบและแสวงหามาทำลายตัวเองเป็นประจำแทบมองไม่ทัน โดยไม่มีใครมาเกี่ยวข้องและช่วยทำลาย ดังนั้นท่านที่อุตส่าห์ฝ่าฝืนและทรมานใจให้อยู่ในอำนาจได้จนกลายเป็นโพธิ์ขึ้นมาอย่างสมบูณ์ จึงเป็นผู้ที่น่ากราบไหว้สักการะอย่างถึงใจ สมัยปัจจุบันก็มีท่านอาจารย์มั่น เป็นต้น ซึ่งเป็นที่อบอุ่นแก่บรรดาศิษย์โดยทั่วกัน ทั้งนี้เพราะท่านสามารถบำรุงรักษาต้นโพธิ์ท่านไว้ได้จนทรงดอก ทรงผล ทรงต้น ทรงกิ่ง และทรงใบไว้ได้อย่างสมบูรณ์และร่มเย็นแก่ผู้เข้าอาศัยตลอดมา แม้ท่านมรณภาพผ่านไปแล้วเพียงได้อ่านประวัติก็ยังสามารถทำความดึงดูดจิตใจให้เกิดความเลื่อมใสในท่านและในธรรมขึ้นอีกมาก ประหนึ่งท่านยังมีชีวิตอยู่กับพวกเรามิได้พลัดพรากจากไปไหนเลยฉะนั้น
.....................................
คัดลอกจากประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ตอนที่ 9 โดยท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี "การอบรมพระเณรที่อุดรฯ" ใน http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-mun/lp-mun-hist-12-09.htm
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี