วันเสาร์ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
'บารมีของงูเหลือมแก่' ได้ยินเสียงพระซ้อมสวด 'พระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์' ในถ้ำใหญ่

'บารมีของงูเหลือมแก่' ได้ยินเสียงพระซ้อมสวด 'พระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์' ในถ้ำใหญ่

วันศุกร์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 19.14 น.
Tag : อานิสงส์ พระอภิธรรม๗คัมภีร์ พระสวดมนต์ งูเหลือม บารมี หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
  •  

ตามพระสูตรมีอยู่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าพระพุทธกัสสป ในสมัยนั้นปรากฏว่ามีงูเหลือมอยู่หนึ่งตัวเป็นงูเหลือมแก่ อาศัยอยู่ในเขตสถาน คือถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆกับสำนักของสงฆ์ ในคราวหนึ่งองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ คือปกรณ์ ๗ ประการ และเป็นปิฎกที่มีความสำคัญที่สุด ถ้าเทวดาและมนุษย์ปฏิบัติในด้านอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์นี้ครบถ้วน ท่านผู้นั้นก็จะเข้าถึงพระนิพพานได้เร็วที่สุด

ในคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดา ก็ได้เลือกความรู้ที่พระองค์ได้ทรงบรรลุมา เห็นว่าอภิธรรมมีความสำคัญเท่ากับความดีของพระมารดา จึงควรแก่ข้าวก้อนและน้ำนมที่พระมารดาทรงเลี้ยง คือให้ชีวิตมา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงได้ทรงนำพระอภิธรรมไปแสดง เทศน์จบเดียวปรากฏว่าพระพุทธมารดาได้พระโสดาปัตติผล และมีเทวดาและพรหมมากท่าน ได้ถึงซึ่งพระอมตะมหาปรินิพพาน คือเป็นพระอรหันต์


นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน การฟังพระอภิธรรมย่อมมีประโยชน์ ถ้าเราฟังด้วยความเคารพ แม้แต่พระที่ท่านสวด เราฟังไม่รู้เรื่องว่าท่านสวดว่าอย่างไร แต่ว่าถ้าฟังด้วยใจเคารพ แล้วท่านก็สามารถจะถึงพระนิพพานได้อย่างช้าอีกชาติเดียวเท่านั้น และเรื่องราวของคนอาตมาจะยังไม่พูด จะขอพูดเรื่องของงูซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานก่อน

เมื่อองค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนพระอภิธรรมแก่บรรดาพระสาวกแล้ว คณะพระสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ก็มีความประสงค์จะท่องจำให้ขึ้นใจ จึงพากันไปซ้อมพระอภิธรรมในถ้ำใหญ่ ในถ้ำนั้นปรากฏว่ามีค้างคาวห้อยหัวอยู่ ๕๐๐ ตัว เพราะเวลากลางวันค้างคาวนอนหลับ และนอกจากค้างคาวก็มีงูเหลือมแก่อยู่ตัวหนึ่ง งูเหลือมแก่ตัวนี้แก่มากไปไหนไม่ค่อยไหว อาศัยอยู่ในถ้ำ เรื่องของค้างคาวอาตมาจะของดไว้ก่อน จะพูดเฉพาะเรื่องของงูเหลือม

งูเหลือมตัวนี้เมื่อนอนอยู่ได้ยินเสียงพระซ้อมสวดพระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ แต่ทว่าบทอื่นๆ ในนี้แกไม่เคยชอบ ความจริงแกไม่รู้ว่าพระสวดอะไร ท่านว่าอะไร จะเป็นธัมมะธัมโมหรือไม่ ท่านไม่เข้าใจ พอใจแต่เฉพาะในเสียง ที่พอใจในเสียงก็พอใจอยู่บทเดียว คือบทอายตนะที่เราเรียกว่าปัญจักขันธาใหญ่ ท่านสวดกันว่า จักขุนทริยัง โสตินทริยัง ฆานินทริยัง ชิวหินทริยัง เหล่านี้เป็นต้น มันลงท้ายยังๆ

สำหรับบทนี้ในสมัยเมื่ออาตมาบวชใหม่ๆ อยู่กับหลวงพ่อปาน พระในสมัยนั้นท่านชอบสวดปัญจักขันธาใหญ่ในสมัยที่มีคนตาย พระที่บวชใหม่ว่าไม่ได้อย่างอาตมา ยังไม่ได้ท่องกับเขา เวลาเขาสวดบทนี้ก็ดำน้ำตามเขาไปด้วย ว่าตัวหน้าไม่ได้ก็ลงท้ายทริยังๆ จบแล้วก็แลกสตางค์ค่าสวดกับเขาได้เหมือนกัน เขาถวายเท่ากับพระที่สวดได้ ทั้งหมดก็ได้สตางค์ อาตมาสวดกับเขาไม่ได้ เขาก็ถวายสตางค์เท่ากัน

แต่ทว่าการสวดเพื่อหวังสตางค์นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ท่านบอกว่าตายแล้วลงนรก ตอนบวชใหม่ๆอาตมาสร้างนรกไว้กี่ขุมแล้วก็ไม่ทราบ มาหวาดหวั่นนรกขึ้นมาว่าถ้าขืนเกิดต่อไปจะไม่เป็นเรื่อง ก็หาทางไม่เกิด จึงได้ค้นคว้าดูตำราของพระไตรปิฎกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเทศน์ไว้ตรงไหนบ้าง ที่เราจะไปพระนิพพานได้ง่ายๆ เมื่อค้นคว้าไปก็พบหลายจุด

ตอนนี้จะมาพูดกันถึงงูเหลือม เมื่องูเหลือมแก่ฟังบทว่า ทริยังๆ แกชอบตรงนี้ แกไม่รู้ว่าพระท่านว่าดีหรือไม่ดี ว่าอะไรก็ไม่ทราบ แกชอบตรงทริยังๆ ฟังเพราะดี เมื่อฟังไปฟังมาได้ ๒-๓ วัน อายุของท่านงูเหลือมตัวนี้ก็ถึงเวลาตายเพราะแก่มากแล้ว อาศัยที่ฟังบทของอภิธรรมอย่างประเภทไม่รู้เรื่อง เพียงชอบใจในเสียงก็ปรากฏว่า แกตายจากงูเหลือมแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า ๕๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ เป็นบริวาร จำไม่ได้นัก

เมื่อหมดกาลจากความเป็นเทวดาก็มาเกิดในเขตของชมพูทวีป เกิดก่อนพระเจ้าอโศกมหาราชประมาณ ๓๐ ปี ในระหว่างที่มาเกิดความจริงมาจากด้านของความดี คือเป็นเทวดาได้เพราะเขตของพระพุทธศาสนา แต่เวลาที่จะมาเกิดเป็นคน มาเกิดในตระกูลที่เคารพในอเจลก คือพระแก้ผ้า ในตอนต่อมาก็ปรากฏว่าบวชเป็นพระในสำนักของอเจลก เดินแก้ผ้าตามสบาย ไม่มีกฎหมายลงโทษ แต่เป็นที่เคารพของตระกูลของพระราชา และอาศัยที่ได้ฟังทริยังๆมานั่นแหละเป็นเหตุให้อเจลกท่านนี้ได้ทิพจักขุญาณ เป็นเรื่องน่าแปลกไหมบรรดาท่านพุทธบริษัท การเข้าถึงศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมาร ด้วยกำลังใจที่เคารพเพียงเล็กน้อย มาเกิดเป็นคนบวชเป็นอเจลก ก็ได้ทิพจักขุญาณสามารถจะรู้อะไรต่ออะไรได้บ้างตามสมควรเพราะเป็นญาณที่เกิดมาจากฌานโลกีย์

มาวันหนึ่งเมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชยังเป็นเด็กพอเดินได้สะดวกๆ เวลานั้นเป็นยามว่าง ท่านพ่อเอาลูกอุ้มไปไว้บนตัก พอลูกชายนั่งตักท่าน พอนั่งไปนั่งมาก็ปวดอุจจาระ ถ่ายอุจจาระออกมาเปื้อนตักของท่านพ่อ ท่านพ่อเห็นว่าลูกชายถ่ายอุจจาระออกมาเปื้อนก็จับโยนไว้ข้างๆ คำว่าโยนในที่นี้คงจะไม่โยนแรง คงจะจับไปวางไว้ แต่บาลีท่านกล่าวว่าโยน พ่อมีความรักลูกจะโยนให้เจ็บหนักนั้นไม่ได้ เมื่อมารดาเห็นว่าพ่อไม่ชอบใจลูก เพราะลูกขี้รดตัก จึงได้นำลูกชายที่รักไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ แล้วก็พาลูกชายไปเดินเที่ยวนอกวัง พอดีคราวนั้นก็ไปเจอกับอเจลกคนสำคัญนี้เข้า คืออเจลกงูเหลือม ชื่อของท่านมี ถ้าจะกล่าวชื่อให้ฟังก็เป็นการไม่สมควร จำยาก เราเรียกกันว่าอเจลกงูเหลือมก็แล้วกัน อเจลกเป็นที่เคารพของตระกูลนี้ เมื่อเห็นเด็กคนนี้เข้าก็ยืนมองดู 

สมเด็จพระบรมราชินีสงสัย จึงได้ถามอาจารย์ใหญ่ว่า "พระคุณเจ้าดูลูกชายของหม่อมฉันเพื่อประสงค์อะไรพระเจ้าข้า" อเจลกคนนั้นจึงกล่าววาจาว่า "ภคินี ดูก่อน น้องหญิง ลูกชายคนนี้เลี้ยงไว้ให้ดีนะ เมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว จะเป็นกษัตริย์ที่มีความสำคัญมาก จะมีเดชอำนาจมากเหลือเกิน แต่ทว่าจะต้องฆ่าน้องชายต่างพระมารดา ๘๐ พระองค์เศษ ด้วยความจำเป็น"

เมื่ออเจลกพยากรณ์แล้วก็ผ่านไป นางก็พาลูกชายกลับเข้าสู่พระราชวัง นับตั้งแต่นั้นมานางก็จำเรื่องราวไว้ ไม่เคยบอกให้ใครทราบ เมื่อท่านอโศกมหาราชโตขึ้นมาเป็นหนุ่มบรรลุนิติภาวะ เป็นที่รักของอำมาตย์ข้าราชบริพารมาก เพราะมีจริยาดี ไม่เหยียดหยามใคร มีจิตเมตตา พระราชบิดาก็ทรงโปรดจึงแต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าเมืองหน้าด่าน เพราะมีความสามารถในการรบ และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยได้ ต่อมาไม่ช้านานเท่าใด ก็ปรากฏว่าพระราชบิดาสวรรคต บรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารจึงได้เชิญพระเจ้าอโศกมหาราชมาเถลิงราชสมบัติแทนพระบิดา

ท่านมีน้องชายอยู่องค์หนึ่ง เป็นพี่น้องร่วมพระมารดาเดียวกัน นอกจากนั้นเพราะอาศัยพระราชบิดามีพระชายามากก็มีน้องชายต่างพระมารดา ๘๐ องค์เศษ เมื่อท่านขึ้นเถลิงราชสมบัติ น้องชายต่างพระมารดาต่างก็คิดทรยศ หวังจะกบฏยึดราชสมบัติเข้ามาครองเสียเอง จึงได้นำกองทัพภายนอกทั้งหมดมาล้อมพระราชวัง ความจริงพระเจ้าอโศกมหาราชกับพระอนุชา ๒ พระองค์เท่านั้น และก็มีทหารวังอีกไม่กี่ร้อยคน จึงได้ปรึกษากันว่า เวลานี้เขามาล้อมจะจับเรา เราจะสู้หรือยอมให้เขาจับ ยอมให้เขาเนรเทศ ดีไม่ดีเขาก็ฆ่าเราตาย เขาไม่ยอมเนรเทศ

ท่านน้องชายจึงได้กราบทูลว่า ในฐานะที่เราเป็นลูกของกษัตริย์ ควรจะทรงความเป็นขัตติยะมานะเข้าไว้ เมื่อตายยอมตายดีกว่า ดีกว่ายอมให้เขาจับ ถึงแม้ว่าเขาจะมีกำลังมากกว่าเราหลายเท่าก็ตาม เมื่อพี่น้องประกอบไปด้วยความสามัคคีพร้อมเพียงกันเช่นนั้น จึงได้รวบรวมกำลังทหารเท่าที่มีอยู่ออกไปปะทะกับข้าศึกศัตรู ซึ่งมีน้องชายต่างมารดาเป็นผู้นำเข้ามา แต่ในที่สุดด้วยอำนาจบุญญาธิการและความสามัคคี ท่านทั้งสองก็จับน้องชายต่างพระมารดาได้หมด กองทัพทั้งหมดก็ยอมแพ้ ท่านจึงสั่งประหารชีวิตน้องชายต่างพระมารดาทั้งหมด

นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าความสามัคคีปรากฏถึงแม้ว่าเราจะมีกำลังน้อยด้อยกว่าข้าศึก แต่ถ้าเราผนึกกำลังกันไว้ด้วยความสามัคคี ข้าศึกก็ไม่สามารถเอาชนะเราได้ ดูตัวอย่างพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นต้น พระองค์กับน้องชายสององค์สามารถปราบข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าหลายเท่าได้

ต่อมาเมื่อเรื่องร้ายอย่างนี้เกิดขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราชจึงถามพระมารดาว่า เรื่องประเภทนี้ที่มันจะเกิดมา เคยมีใครพยากรณ์ไว้บ้างหรือเปล่า พระมารดาก็เล่าความจริงตามเดิมให้ฟัง พระเจ้าอโศกมหาราชจึงได้บอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องการจะเอามาเป็นอาจารย์ประจำสำนัก พระมารดาจึงได้บอกว่าอาจารย์คือพระองค์นี้ ท่านอยู่ไกลจากพระราชวังประมาณ ๑๐๐ โยชน์ พระเจ้าอโศกมหาราชก็ไม่ย่อท้อ จึงส่งกองเกียรติยศพร้อมด้วยเสลี่ยงประจำพระองค์ไปรับท่านอเจลกผู้นี้เข้ามา หวังจะให้เป็นอาจารย์อยู่ใกล้ จะได้เป็นที่ปรึกษา

เมื่ออเจลกได้เห็นบรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารไปรับก็ดีใจ ขึ้นเสลี่ยงตั้งใจจะมาเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน แต่ว่าอาศัยที่ยังมีกิเลสอยู่ในใจ ก็นึกครึ้มคิดว่าเราเป็นพระแก้ผ้าดีกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาที่พระราชาไม่รู้จักเคารพ เคารพในเรา เมื่อผ่านวัดของสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาจึงบอกกับคนหาม วางคานหามก่อนเราจะไปเยี่ยมสมณะด้วยกัน นี่แสดงว่าเบ่ง เมื่อเขาวางคานหามแล้ว ท่านก็นวยนาดเข้าไปเดินแก้ผ้าโทงๆเข้าไป เผอิญวัดนั้นมีพระอรหันต์เป็นสมภารเป็นหัวหน้า เมื่อท่านเห็นอเจลกเดินเข้ามา ท่านจึงถามว่า "ว่าไงพ่ออายตนะ พ่องูเหลือม ลืมอายตนะเสียแล้วหรือ"

เมื่อสะกิดถูกแผลเก่าเข้า สิ่งที่เป็นกุศลประจำใจมันก็ปรากฏมีความละอาย นั่งพับเพียบเอาขาปิดหน้าต่างเข้าไว้ พระรู้ว่าท่านอาย จึงได้ส่งผ้าให้นุ่ง ส่งผ้าให้ห่ม ท่านอเจลกจึงได้ถาม เห็นสัตว์ร้ายนอนอยู่เยอะ มีเสือ สิงห์ หมู ละมั่ง กวาง เก้ง เป็นต้น นอนอยู่ไม่ทำอันตรายกัน ถามว่า สัตว์เหล่านี้เขาเรียกว่าอะไร พระก็ตอบตามใจเดิมของท่านที่มีความรู้สึก ว่าเขาเรียกกันว่าอายตนะ ท่านพูดเรื่องอายตนะพอเบาๆ ปรากฏว่าอเจลกงูเหลือมได้โสดาปัตติผล

เมื่อได้พระโสดาบันแล้วก็มีความรู้สึกตนว่า ความรู้เก่ามันเลวเหลือเกินใช้ไม่ได้ ตั้งใจจะยังไม่ไปหากษัตริย์ จึงมาบอกให้อำมาตย์เข้าไปก่อน บอกว่ากิจที่เราจะพึงทำยังมีอยู่ ไปกราบทูลพระราชาของเธอให้ทรงทราบว่า เราเสร็จกิจในพระพุทธศาสนาแล้วเราจะเข้าไป พอกลับเข้ามาใหม่ ปรากฏว่าพระองค์นั้นซึ่งเป็นพระอรหันต์เทศน์อายตนะซ้ำอีกคราวหนึ่งอย่างละเอียด ท่านก็ได้บรรลุอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา แล้วจึงได้กลับมาสอนพระเจ้าอโศกมหาราชให้มีความเคารพในพระพุทธศาสนา

นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า อ่านเรื่องราวของงูเหลือมว่า มีจิตเคารพในพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแค่พอใจในเสียงตายไปเป็นเทวดา กลับมาเกิดเป็นคนได้อรหันต์ฉันใด ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายซึ่งเกิดเป็นคน มีความรู้เรื่องว่านี่เป็นเสียงของกุศลและอกุศล ถ้าบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนถูกใจในคำสอนบทใดบทหนึ่ง หรือว่าคำภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเครื่องจับใจ เวลาตายลงไปใจยังพอใจในเรื่องนั้น หรือว่าเวลาก่อนจะตายเวลาป่วยไข้ไม่สบาย หรือยามปกติ เปิดบันทึกเสียงฟังธรรมชอบตอนไหน ฟังตอนนั้นเป็นปกติ เป็นเครื่องจับใจ ตายแล้วก็ไปสวรรค์ กลับลงมาเกิดอีกทีดีไม่ดีเป็นพระอรหันต์เช่นเดียวกับงูเหลือม แต่อาตมามั่นใจว่าคนเราดีกว่างูเหลือม เพราะเรารู้เรื่องนี้เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และรู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นบุญเป็นกุศล

เอาละบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน สัญญาณบอกเวลา ๓๐ นาทีปรากฏเสียแล้ว ขอท่านทั้งหลายที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงมั่นใจว่าท่านมั่นใจในธรรมบทใดบทหนึ่ง ถ้าไม่ได้อรหัตผลในชาตินี้ตายก็เป็นเทวดา กลับมาอีกทีได้เป็นพระอรหันต์เช่นเดียวกับงูเหลือมแน่นอน ในที่สุดอาตมาก็ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแก่ท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี คัดลอกจากหนังสือธรรมปฏิบัติ ๖๒ หน้าที่ ๕๘-๖๗
 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • อานิสงส์ล้ำเลิศ...เกิดจากการทำบุญด้วยใจ ไม่ต้องลงทุนลงเงินทอง อานิสงส์ล้ำเลิศ...เกิดจากการทำบุญด้วยใจ ไม่ต้องลงทุนลงเงินทอง
  • การทำสมาธิ ทำให้จิตแก่กล้า มีอานิสงส์มากมาย : พระธรรมเทศนา \'หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี\' การทำสมาธิ ทำให้จิตแก่กล้า มีอานิสงส์มากมาย : พระธรรมเทศนา 'หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี'
  • งูเหลือมยาว 4 เมตรหลุดกระสอบเลื้อยขึ้นรถยนต์ อบต.คอหวยแห่ส่องเลขทะเบียนรถ งูเหลือมยาว 4 เมตรหลุดกระสอบเลื้อยขึ้นรถยนต์ อบต.คอหวยแห่ส่องเลขทะเบียนรถ
  • การสวดมนต์ด้วยความเคารพจริงถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าทำได้ทุกวันเวลาจะตายมันลงนรกกันไม่ได้แน่ การสวดมนต์ด้วยความเคารพจริงถึงสวดน้อยก็มีอานิสงส์ใหญ่ ถ้าทำได้ทุกวันเวลาจะตายมันลงนรกกันไม่ได้แน่
  • \'อานิสงส์ของการสวดมนต์\' แม้แต่คุณไสยมนต์ดำยังพ่ายแพ้ : อมตะธรรม \'สมเด็จโต พรหมรังษี\' 'อานิสงส์ของการสวดมนต์' แม้แต่คุณไสยมนต์ดำยังพ่ายแพ้ : อมตะธรรม 'สมเด็จโต พรหมรังษี'
  • \'ลูกเอ๋ย ตราบใดมานั่งต่อหน้าพ่อ ลูกพ่อดีทุกคน\' 'ลูกเอ๋ย ตราบใดมานั่งต่อหน้าพ่อ ลูกพ่อดีทุกคน'
  •  

Breaking News

ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน'ประจำวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2568

'หมอวรงค์' สั่งสอน 'ทนาย-รมต.อุ๊งอิ๊งค์' ปมจะเอาเงินระบายข้าว 18 ล้านชดใช้แทน ชี้'คนละส่วน' ทุจริตต้องจ่ายเอง!

‘ชวน–นิพนธ์’ ร่วมงาน Roadshow สานต่อความร่วมมือเศรษฐกิจไทย–จีน

ไทยติดอันดับโลก! ดินแดนปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวหญิง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved