การใช้ชีวิตของคนพิการนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ต้องประสบกับความยากลำบากกว่าคนที่มีร่างกายปกติอย่างมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ไม่ได้มีการออกแบบ Universal Design หรือนโยบายที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของพวกเขาอย่างทั่วถึงและรอบด้านเท่าที่ควร ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้ว รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันในสังคม คนพิการจะได้รับการสนับสนุนให้เข้าถึงระบบคมนาคม เข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงโอกาสในการมีงานทำและการประกอบอาชีพ
ในปัจจุบัน คนพิการในเมืองไทยมีจำนวนประมาณ 2 ล้านคน หรือคิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ โดยกว่าร้อยละ ٤٩49 หรือประมาณ 985000 คน เป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย ซึ่งมีความยากลำบากในการเดินทางสัญจร ส่วนคนพิการที่ไม่ได้เข้ารับการศึกษาเลยมีอยู่ 4.2 เปอร์เซ็นต์ และมีคนพิการที่ได้รับการศึกษาเพียงระดับชั้นประถมศึกษาถึง 68 เปอร์เซ็นต์ ชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ
ด้านโอกาสอย่างชัดเจน
นี่ยังไม่นับว่ายังมีคนพิการอีกกลุ่มใหญ่ที่อยู่ในวัยทำงานประมาณ 150000คน ที่ยังไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ เพื่อการใช้ชีวิตอย่างพึ่งพาตนเองได้ ตัวเลขดังกล่าวเป็นจำนวนที่น่าเป็นห่วง เพราะถึงแม้ในปัจจุบันเราจะมีสถานประกอบการหลายแห่งที่พร้อมว่าจ้างคนพิการ แต่ก็เป็นโอกาสของคนที่อยู่ในเมืองใหญ่เท่านั้น ส่วนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเมืองใหญ่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงโอกาสเหล่านั้นได้อยู่ดี
“มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม” ที่ทำงานด้านการขับเคลื่อนส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโอกาสในการทำงาน และสนับสนุนอาชีพคนพิการ จึงได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการพาโอกาสเหล่านี้เข้าไปถึงคนพิการ
โครงการนำร่องที่มูลนิธินวัตกรรมทางสังคมได้ริเริ่มขึ้นคือ “โครงการเสริมศักยภาพอาชีพคนพิการระดับตำบล จังหวัดเลย” โดยแนวคิดที่ทำให้เกิดโครงการนี้ขึ้น เนื่องจากเห็นว่า จังหวัดเลยมีปริมาณคนพิการที่ยังไม่ได้ระบุอาชีพอาศัยอยู่จำนวนมาก และมูลนิธิฯ เองก็มีเครือข่ายที่แข็งแรงในตัวจังหวัดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการริเริ่มโครงการในพื้นที่แห่งนี้จึงน่าจะเป็นการเรียนรู้และประสบการณ์ที่ดีของมูลนิธิฯ
โดยมูลนิธิฯ จะดำเนินงานกับกลุ่มเป้าหมายจาก37 หมู่บ้าน ใน 8 ตำบล รวมทิ้งสิ้น 60 คน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะต้องเป็นแรงงานนอกระบบและคนพิการ โดยเมื่อทุกคนได้เข้ามาในโครงการแล้ว ก็จะได้รับการให้คำปรึกษา แนะนำตั้งแต่การวิเคราะห์ต้นทุนทางสังคมของแต่ละพื้นที่ การประเมินขีดความสามารถในการประกอบอาชีพปัจจุบันตามความถนัดรายบุคคล เพื่อค้นหาศักยภาพที่มีอยู่ ในการสร้างเป้าหมายและกำหนดแผนพัฒนาอาชีพให้มีรายได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทั้งในด้านการบริหารจัดการต้นทุน-กำไร ประเมินความเสี่ยง ข้อจำกัดด้านการตลาดหรือปัจจัยแวดล้อมอื่นที่มีผลต่ออาชีพที่รายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของครอบครัว นอกจากนี้ก็ยังช่วยจัดทำแผนพัฒนา “เชิงตัวบุคคล” ทั้งในด้านทักษะอาชีพและการออกแบบชีวิตให้กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อให้กลุ่มคนพิการเมื่อจบโครงการออกไปแล้วสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความมั่นคง
และเมื่อไม่นานมานี้ คณะทำงานในโครงการนี้ ได้เดินทางไปพบปะพูดคุยถึงโครงการเสริมศักยภาพอาชีพคนพิการระดับตำบล จังหวัดเลย กับคนพิการ ซึ่งก็ได้สนทนากันอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง พร้อมกับรับประทานอาหารรสเลิศ ฝีมือคนพิการกับบรรดาเพื่อนฝูงที่ทำมาเลี้ยงกัน
มื้อนั้นประกอบไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด อาทิ เมี่ยงน้ำปลาร้า ปลาดุกย่าง ส้มตำใส่ผักก้านจอง ข้าวปุ้นฮ้อน หรือขนมจีนร้อนรสชาติอาหาร ที่ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังใช้วัตถุดิบที่สด สะอาด ปลอดภัย เพราะเป็นผักและปลาที่ปลูกและเลี้ยงกันเองตามธรรมชาติ
ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนพิการที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่อยู่ในตัวพวกเขา และเมื่อได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ในวันเก่าๆ ของตัวเองที่ไม่ยอมรับความพิการ จนมาถึงวันนี้ ที่ไม่มีใครในกลุ่มมัวพะวงกับความพิการของตนเองอีกแล้ว มีแต่ความภาคภูมิใจที่สามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้เหมือนคนทั่วไป ที่สำคัญได้เป็นต้นแบบในการช่วยเหลือคนพิการอื่นๆ ด้วย ยิ่งทำให้ได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของพวกเขา
การประกอบอาชีพ ไม่ใช่แค่เรื่องของการหารายได้ แต่เป็นสิ่งที่ทำให้คนที่เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่มีที่ยืน ไม่มีศักดิ์ศรี เพราะไม่ปกติเหมือนคนทั่วไปกลับมาภาคภูมิใจในตัวเองได้อย่างเต็มเปี่ยม
ที่สำคัญการรวมกลุ่มกันเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพนี้ ยังทำให้คนที่เคยไม่มีสังคม ได้มีเพื่อน ได้พูดได้คุย ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นความสุขที่สูญหายจากชีวิตไปเนิ่นนาน การมีเพื่อนทำให้มองเห็นทั้งตัวเองและคนอื่น ความสัมพันธ์ช่วยทำให้เห็นพลังของการใช้ชีวิตร่วมกัน และอาชีพทำให้เห็นเป้าหมายของชีวิต เห็นสิ่งที่ต้องการทำต่อไปทีละขั้นๆ เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ
และในระหว่างทางที่ตนเองเริ่มมีกำลัง เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้แล้วนั้น ยังทำให้เกิดความต้องการที่จะช่วยเหลือคนอื่นที่เคยมีความทุกข์ ขาดแคลน หรือสูญเสียอย่างตนเองมาก่อน
ไม่ใช่เพียงคนพิการกลุ่มนี้เท่านั้น ที่มีความรู้สึกเช่นนี้ คนพิการที่สามารถยอมรับความพิการของตนเองได้ และหันมาหาหนทางในการประกอบอาชีพ มากกว่าการรอรับเพียงเบี้ยยังชีพคนพิการนั้น ต่างมีความคิด ความรู้สึกไปในทำนองเดียวกันว่า การทำงานทำให้เกิดความภาคภูมิใจ การรวมกลุ่มกันประกอบอาชีพ ทำให้มีเพื่อน มีสังคม เกิดความรักใคร่กลมเกลียว ต้องการช่วยเหลือแบ่งปันกัน และการช่วยเหลือคนอื่นย่อมทำให้เห็นคุณค่าในตนเอง เห็นคุณค่าในความเป็นมนุษย์ทั้งของตนเองและผู้อื่น
โครงการเสริมศักยภาพอาชีพคนพิการระดับตำบล จังหวัดเลย ที่เป็นการรวมกลุ่มกันประกอบอาชีพ ที่แม้จะเป็นเพียงการเริ่มต้น มีทุนให้ไม่มากนัก แต่ผลที่เกิดขึ้นครอบคลุมทุกมิติของการดำเนินชีวิต การมองเห็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ทำให้เกิดความต้องการในการพัฒนาตนเองและสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่ คนหนึ่งคนที่พลิกฟื้นชีวิตของตนเองได้ จึงหมายถึงชุมชนและสังคมที่จะค่อยๆ ดีขึ้นเป็นวงกว้างต่อไปเป็นลำดับ
เช่นเดียวกันกับโครงการสร้างพลังคนพิการประกอบอาชีพและสร้างรายได้เครือข่ายกลุ่มคนพิการของมูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ที่มีจุดเริ่มต้นการเลือกประเภทสินค้าที่จะผลิตจากการวิจัยตลาด และได้ข้อสรุปที่การผลิตสินค้าโดยใช้แนวคิดที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน แล้วแลกเปลี่ยนความรู้กันรายบุคคล แต่ละคนจะพัฒนาอาชีพโดยมีเทคนิคของตัวเอง คนประกอบอาชีพเดียวกันแต่มีรายได้แตกต่างกัน คนที่มีรายได้มากกว่าคนอื่นก็ยินดีที่จะแบ่งปันเทคนิคแก่เพื่อน เพราะเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
พัชราภรณ์ ชนภัณฑารักษ์ ผู้รับผิดชอบโครงการสร้างพลังคนพิการ ประกอบอาชีพและสร้างรายได้ เครือข่ายกลุ่มคนพิการของมูลนิธิเพื่อพัฒนาคนพิการ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เล่าว่า มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ก็โดนคนล้อเลียนจนเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่พอคิดได้ว่าตัวเองก็มีมือมีเท้าและสมองยังดี ก็เปลี่ยนใจไปเป็นสาวโรงงาน คนพิการที่เห็นเป็นรูปธรรม คนพิการทางกายภาพส่วนมากจะโดนล้อเลียนเยอะ อย่างปากแหว่ง ตาเหล่ น้องคนนี้เลยอยากกลับมาอยู่ที่บ้านทำสานเปล เพราะมีความสุขมากกว่า
การที่คนพิการสามารถประกอบอาชีพได้จึงหมายถึงการมีศักดิ์ศรี มีพื้นที่ยืนทั้งในครอบครัวและสังคม เกิดความสุขในชีวิตเพราะมีรายได้เลี้ยงตัว ไม่ต้องเป็นภาระของคนอื่นได้อยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อน ได้แลกเปลี่ยนพูดคุย แบ่งเบาความทุกข์ ปันความสุข
อาชีพสำหรับคนพิการจึงเป็นสิ่งที่ครอบคลุมทุกมิติของชีวิตดังที่กล่าวไป เมื่อชีวิตของคนพิการดีขึ้นจากการประกอบอาชีพแล้ว เขาจึงเกิดพลังและอยากแบ่งปันสิ่งที่มีให้กับคนที่ยังขาด เพราะการมีรายได้ มีศักดิ์ศรี และมีเพื่อนนั้น ทำให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์ได้โดยที่ไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพมาเกี่ยวข้องเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี