“วิทยาศาสตร์” คือศาสตร์ที่เกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโลก ธรรมชาติและปรากฏการณ์ต่างๆ โดยใช้กระบวนการที่เป็นระบบและมีหลักฐานอ้างอิง การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตั้งแต่เยาว์วัย จะช่วยสร้างพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับโลกและธรรมชาติ และส่งเสริมให้เกิดความใฝ่รู้และอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ดังนั้น วิทยาศาสตร์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเยาวชนทั้งในเรื่องของการพัฒนาทักษะความรู้ การคิดวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์นวัตกรรม การเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
“มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2568” (NST Fair 2025) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจัดต่อเนื่องตลอด 9 วัน (9-17 สิงหาคม 2568) นอกจากจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ จากองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ยังมีพื้นที่ให้เยาวชนได้นำเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเป็นตัวแทนเด็กๆ จากกิจกรรมชุมชนนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่ผ่านการคัดเลือก แบ่งเป็นสาขากายภาพและสาขาชีวภาพ
นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า ผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนใหญ่จะเป็นการสังเกตสิ่งรอบตัวและนำสิ่งเหล่านั้นมาทดลองเพื่อค้นหาคำตอบ ซึ่งตรงกับแนวคิดที่ อพวช.อยากให้เกิดขึ้นคือ “วิทยาศาสตร์เป็นพลังขับเคลื่อนอนาคต” ซึ่งหมายถึงการมองวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือสร้างโอกาส เปิดมุมมองใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจให้กล้าที่จะทดลอง คิด วิเคราะห์ และลงมือทำ
นายสุวรงค์ เชื่อว่า หากเยาวชนมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อวิทยาศาสตร์และเห็นคุณค่านำมาปรับใช้ในชีวิตจริง พวกเขาจะสามารถต่อยอดความรู้สู่การเรียน การทำงาน และการเป็นพลเมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ดังนั้น อพวช. มุ่งหวังให้เยาวชนที่มาร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ 2568 ได้มองวิทยาศาสตร์ในมิติใหม่ ไม่ใช่เพียงวิชาการในห้องเรียน หรือเนื้อหาที่ต้องท่องจำ แต่เป็นสิ่งที่ใกล้ตัว เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน และสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาได้จริง ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และประเทศ
“เราต้องการให้เยาวชนเกิดความเชื่อมั่นว่า ตนเองก็สามารถเป็นผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมได้ ไม่จำกัดแค่นักวิทยาศาสตร์ในห้องทดลอง แต่รวมถึงผู้ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน” นายสุวรงค์ กล่าว
สำหรับโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกิจกรรมชุมชนนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่ผ่านการคัดเลือกและได้ร่วมจัดแสดงในงานที่น่าสนใจ ได้แก่
โครงงาน “ผลการเปรียบเทียบถ่านอัดแท่งจากจอกหูหนูยักษ์และถ่านอัดแท่งตามท้องตลาด” โดย ด.ช.ประวริศ พุทธสารวงศ์ และ ด.ญ.รัตนธร ศรีวิลัย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สมาชิกชุมนุมนักนิเวศวิทยารุ่นเยาว์ ตระหนักถึงปัญหาการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของจอกหูหนูยักษ์ ที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณบึงโขงหลง จึงทดลองนำจอกหูหนูยักษ์มาแปรรูปเป็นถ่านอัดแท่ง โดยพบว่า สามารถให้ความร้อนได้ดีกว่าถ่านอัดแท่งที่ทำจากเศษไม้ชนิดอื่นๆ ทั้งยังใช้เวลาในการเผาน้อยกว่าเพราะความหนาแน่นของจอกหูหนูยักษ์ที่มีน้อยกว่า
โครงงาน“การศึกษาคุณสมบัติของสารสกัดจากลูกหว้าสู่การผลิตสบู่ลูกหว้า” โดย น.ส.ญาณัจฉรา ติ๊บวัน และ ด.ญ.นลินนิภา ทาต๊ะ โรงเรียนดอยเต่าวิทยาคม นำผลลูกหว้าที่มีผลผลิตจำนวนมากในพื้นที่มาใช้ประโยชน์ เพราะลูกหว้ามีสารแอนโธไซยานินที่ไม่เพียงให้สีธรรมชาติแต่ยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ โดยพบว่าแม้ลูกหว้าจะมีสีออกม่วงแดงเป็นพื้นฐานแต่เมื่อเกิดการผสมกับสารประกอบชนิดอื่นๆ และใช้ในปริมาณที่แตกต่างกัน จะให้สีที่ต่างกัน โดยมีผลิตภัณฑ์สบู่ลูกหว้าที่สีต่างกันเป็นผลงานที่แสดงให้ชม
โครงงาน“ผลของสารสกัดจากพืชที่มีรสเปรี้ยวในท้องถิ่นที่มีต่อคุณภาพของกาวจากโพลิเมอร์น้ำนมโค” โดย ด.ญ.ธัญพร นักนวน และ ด.ญ.กัลยกร ยังให้ผล โรงเรียนดัดดรุณี ที่ทดลองนำมะนาว ตะลิงปลิง และมะดัน มาใช้ในการทดสอบโดยพบว่า โปรตีนเคซินในนมพร่องมันเนยนั้นมีคุณสมบัติที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของกาวจากโพลิเมอร์น้ำนมโค ทั้งยังใช้งานได้ดีกว่าโดยทดสอบจากความยืดหยุ่นในแนวดิ่งและระยะเวลาในการแห้งตัวของกาว
โครงงาน“BioBreak ย่อยสลายพลาสติกด้วยโยเกิร์ตและรำข้าว แรงบันดาลใจจากของเหลือใช้” โดย ด.ญ.ฮาอิม คิม และ ด.ช.โรบิน เฮนรี่ ไมล์ สมิธ โรงเรียนวารีเชียงใหม่ ด้วยความตระหนักถึงปัญหาการกำจัดขยะพลาสติกที่เป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ จึงทำให้เกิดแนวคิดที่จะคิดค้นสิ่งที่จะมาช่วยย่อยสลายขยะพลาสติกเหล่านั้น
การที่เยาวชนได้เข้าร่วมและเสนอผลงานในงาน NST Fair 2025 ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสให้พวกเขาได้แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เข้าชมและผู้เชี่ยวชาญ แต่ยังเป็นเวทีสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนคนอื่นๆ ที่ได้มาเยี่ยมชมงานอีกด้วย ผลงานที่นำเสนอส่วนใหญ่เกิดจากการสังเกตปัญหาในชุมชนหรือสิ่งรอบตัว แล้วนำหลักวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อหาทางออก ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
ในระหว่างการจัดงาน ที่ลานกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชนของสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เต็มไปด้วยบรรยากาศคึกคัก เสียงสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักเรียน ครู และผู้ปกครอง บางกลุ่มยืนล้อมชมการสาธิตอย่างตั้งใจ ขณะที่บางกลุ่มจดบันทึกหรือถ่ายภาพเพื่อนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจต่อไป
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีโครงงานวิทยาศาสตร์อีกหลายผลงานที่น่าสนใจ ณ ลานกิจกรรมวิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน โดยสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
โรงเรียน นักเรียน และผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2568 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 9-17 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 – 19.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อาคาร 5-6 ชั้น LG
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี