พระพุทธเจ้าตรัสความสวยความงามไว้ ไม่ใช่ตรัสแต่ว่าความไม่สวยไม่งาม พระพุทธเจ้ายังตรัสความสวยความงามไว้แสดง คือแสดงความสวย คนเราที่จะสวยงามได้จะต้องประกอบไปด้วย "อาทิกัลยาณัง" งามในเบื้องต้น คือ ศีล "มัชเฌกัลยาณัง" งามในท่ามกลาง คือ สมาธิ "ปะริโยสานะกัลยาณัง" งามในที่สุด คือ ปัญญา
"ศีล สมาธิ ปัญญา" ก็เป็นของไม่ยากที่เราจะทำขึ้นมากับตัวของเราได้ แต่การที่เราจะทำต่อไปให้เป็นการต่อเนื่องนี้มันก็ยากอยู่ แต่ถ้าผู้ใดทำได้ก็ถือว่าได้กำไรมาก เพราะว่าถ้าเราเอาชีวิตนี้ไปทำสำมะเลเทเมา ทำในทางที่ผิดศีล ถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างสวยงามแค่ไหนก็ไม่งามแล้ว แม้ว่าจะเป็นนางงามหรือว่าเป็นคนที่มีความสวยงามอะไรต่างๆ แต่ถ้าผิดศีลไปแล้วก็ไม่งามแล้ว ถ้าไม่มีสมาธิก็ไม่งามแล้ว ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่งามแล้ว เพราะว่าถ้าไม่มีศีล เราก็เปรอะเปื้อน เราก็โกหกหลอกลวง ยักยอก ทุจริต อะไรต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำสิ่งสกปรกให้ ถึงจะงามเท่าไรก็ไม่งามแล้ว
เมื่อเราละจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว เราก็มาที่วัด เราก็เริ่มจะที่เขาเรียกว่า อาทิกัลยาณัง งามในเบื้องต้น เมื่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาเป็นเครื่องประดับแล้ว คือ สิ่งต่างๆ ที่เรียกว่า “ธรรมะ” ที่เรามาปฏิบัติกันนี้เมื่อสวมใส่ลงมาแล้วนี่มันก็กลายเป็นเขาเรียกว่าแสดงถึง “ความงามภายใน” “ความงามน้ำใจ” ที่เกิดขึ้น
.............................
โอวาทธรรม พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร วัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ถอดความจาก ธรรมะฟ้าสาง หัวข้อ “เราทำกรรมใดไว้ กรรมนั้นย่อมเป็นของเรา” ขออนุโมทนาบุญและขอบคุณข้อมูลจาก "ลานธรรมจักร"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี