“ข้าว” เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยโดยประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกมาตลอด 20 ปี และในปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นทุกปี ข้าวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทยคือ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่เพาะปลูกในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ และยโสธร ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผลิตข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียงระดับโลก มีเอกลักษณ์ด้านรสชาติและมีกลิ่นหอมอันแตกต่างจากข้าวหอมมะลิที่ปลูกในพื้นที่อื่นๆ ทำให้ข้าวหอมมะลิที่ปลูกในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีราคาสูง ดังนั้น จึงมีผู้ค้าบางรายนำข้าวชนิดอื่นที่มีราคาถูกกว่ามาปลอมปนเพื่อเพิ่มน้ำหนักและนำไปขายในราคาที่สูงขึ้น
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กลุ่มนักวิจัยจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนานิวเคลียร์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. จึงใช้เวลากว่า 2 ปีในการเก็บตัวอย่างข้าวจากภูมิภาคต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิในภาคอีสานมาศึกษาวิจัยโดยนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์เชิงนิวเคลียร์มาช่วยในการทำนายแหล่งเพาะปลูก ซึ่งจะทำให้ข้าวหอมมะลิไทยมีมาตรฐานสูงขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค สร้างความมั่นใจให้คู่ค้าต่างชาติหนุนราคาข้าวหอมมะลิให้ดีขึ้น
โดยในงานวิจัยนี้ ได้ใช้เทคนิคการอาบรังสีด้วยนิวตรอน (neutron activation analysis) ในการตรวจวัดปริมาณธาตุองค์ประกอบและเทคนิคการวัดปริมาณสัดส่วนไอโซโทปเสถียร (isotope ratio mass spectrometry) ในการตรวจวัดปริมาณไอโซโทปเสถียรในส่วนของเทคนิคการอาบรังสีด้วยนิวตรอนได้ทำการตรวจวัดธาตุองค์ประกอบ ได้แก่ สารหนู (As) แมกนีเซียม (Mg) คลอรีน (Cl) อะลูมิเนียม (Al) โบรมีน (Br)แมงกานีส (Mn) โพแทสเซียม (K) รูบิเดียม (Rb) และสังกะสี (Zn) สำหรับปริมาณไอโซโทปเสถียรที่ตรวจวัดนั้นได้แก่คาร์บอน-13 (13C) ไนโตรเจน-15 (15N) และออกซิเจน-18 (18O)
ผลการตรวจวัดธาตุในข้าวหอมมะลิพบว่ามีปริมาณแมกนีเซียมในข้าวหอมมะลิที่ปลูกใน จ.ศรีสะเกษ ยโสธร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และมหาสารคาม ในช่วง 0.05-0.08 0.06-0.08 0.05-0.08 0.06-0.08 และ 0.05-0.06 เปอร์เซ็นต์น้ำหนักต่อน้ำหนักมีปริมาณคลอรีนในช่วง 182-393 326-617 149-410 203-304และ 253-341 เปอร์เซ็นต์น้ำหนักต่อน้ำหนักมีปริมาณโพแทสเซียมอยู่ในช่วง 0.10-0.18 0.11-0.16 0.12-0.18 0.11-0.12 และ 0.09-0.14 เปอร์เซ็นต์น้ำหนักต่อน้ำหนักมีปริมาณอะลูมิเนียมอยู่ในช่วง 85-155 99-113 76-105 78-91 และ 86-94 เปอร์เซ็นต์น้ำหนักต่อน้ำหนักมีปริมาณสารหนูอยู่ในช่วง 0.11-0.26 0.06-0.19 0.07-0.28 0.07-0.20 และ 0.17-0.33 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมมีปริมาณโบรมีนอยู่ในช่วง 0.03-0.22 0.02-0.29 0.04-0.30 0.02-0.13 และ 0.14-0.28 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมมีปริมาณแมงกานีสอยู่ในช่วง 10.2-19.5 9.5-21.5 8.2-17.6 10.2-12.1 และ 11.1-17.3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมมีปริมาณรูบิเดียมอยู่ในช่วง 3.2-9.1 4.4-10.1 2.1-6.5 2.5-6.5 และ 6.2-7.0 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมมีปริมาณสังกะสีอยู่ในช่วง 19.9-34.2 14.4-28.9 17.5-25.5 19.1-28.2 และ 20.0-23.0 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตามลำดับ
จากข้อมูลทั้ง 9 ธาตุ และไอโซโทปเสถียรทั้ง 3 ชนิด เป็นฐานข้อมูลสำคัญ ที่สามารถทำให้จัดกลุ่มแหล่งกำเนิดหรือแหล่งที่ปลูกข้าวหอมมะลิได้ 100% ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้วิธีทางนิวเคลียร์ สามารถช่วยในการจำแนกแหล่งที่มาของข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่มาจากจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน.กล่าวว่า ที่ผ่านมามักจะมีการปลอมปนและนำข้าวจากแหล่งอื่นมาแอบอ้างว่าเป็นข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ เพราะทำให้ขายข้าวได้ในราคาสูงขึ้น ถึงแม้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้จะถูกขึ้นทะเบียนว่าเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอ (Geographical Indication) แต่ในทางปฏิบัติก็ยังไม่มีวิธีพิสูจน์ที่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สทน. จึงร่วมกับสถาบันราชภัฏร้อยเอ็ดรวบรวมตัวอย่างข้าวหอมมะลิในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ แล้วนำมาวิเคราะห์องค์ประกอบของธาตุในข้าวตัวอย่างด้วยวิธีการของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ สร้างเป็นฐานข้อมูลข้าวในทุ่งกุลาร้องไห้ เพราะข้าวในแต่ละพื้นที่จะมีองค์ประกอบของธาตุแตกต่างกันไปตามสภาพของดิน
ดังนั้น หากมีการนำข้าวอื่นมาปลอมปน หรือแอบอ้าง เราจะสามารถตรวจพิสูจน์ได้ว่าเป็นข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่ทำไว้ ขณะนี้ได้เก็บ วิเคราะห์ข้อมูลมาในระดับหนึ่งแล้ว จนสามารถยืนยันความแตกต่างของข้าวจากภาคเหนือและภาคอีสานได้ แต่สำหรับข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 4 ปี ในการรวบรวมตัวอย่างสร้างเป็นฐานข้อมูลที่จะนำไปสู่ความมั่นใจในการตัดสินใจ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น สทน. ก็จะสามารถเปิดให้บริการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ของข้าวได้
“หากดำเนินการเป็นผลสำเร็จ วิธีการนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์จะใช้ยืนยันว่าเป็นข้าวหอมมะลิจริงหรือไม่ หรือใช้เป็นเครื่องมือฟ้องร้องในกรณีที่มีนำข้าวมาคนแอบอ้างว่าเป็นข้าวหอมมะลิไทย และเป็นเครื่องมือที่สำคัญของผู้ประกอบการของไทยที่จะไปต่อสู้บนเวทีโลก เมื่อเรานำสินค้าของเราไปแข่งขันในต่างประเทศ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับให้แก่เกษตรกรไทย หลังจากที่ สทน. สร้างฐานข้อมูลข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้เป็นผลสำเร็จ ก็จะขยายขอบข่ายการดำเนินงานไปสู่ข้าวหอมมะลิตัวอื่นที่มีบทบาทสำคัญในการส่งออก และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการเก็บฐานข้อมูลของกาแฟดอยช้าง และกาแฟดอยตุง และที่กำลังให้ความสนใจสร้างฐานข้อมูลอีกชนิดหนึ่งคือ ข้าวสังข์หยด” ผู้อำนวยการ สทน. กล่าว
รศ.ดร.ธวัชชัย กล่าวว่า การตรวจสอบแหล่งที่มาของผลผลิตทางการเกษตรในปัจจุบัน ถือว่าเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะผลผลิตพื้นถิ่นหลายประเภทมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง การกล่าวอ้างที่มาของผลผลิตโดยไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือรองรับในอนาคตอาจจะไม่ได้รับความเชื่ออีกต่อไป เทคโนโลยีนิวเคลียร์สามารถช่วยระบุที่มาของแหล่งผลิตหรือแหล่งเพาะปลูกได้จากการตรวจธาตุสำคัญที่ประกอบอยู่ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นก็ย่อมมีธาตุต่างๆ ประกอบอยู่ในผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนกัน เทคโนโลยีนิวเคลียร์สามารถตรวจสอบและยืนยันที่มาได้
รศ.ดร.ธวัชชัย กล่าวย้ำว่า สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ จะพลิกโฉมการใช้งานวิจัยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ช่วยยกระดับสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หนุนฉายรังสีอาหารพื้นบ้านยกระดับมาตรฐานและความปลอดภัยพุ่งเป้านำสินค้าขึ้นห้าง-ส่งออก เร่งสร้างฐานข้อมูลอัตลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทย ป้องกันการปลอมปน เตรียมขยายฐานสู่ภูมิภาค หวังให้บริการเข้าถึงชุมชน ตั้งเป้า 4 ปีข้างหน้า สร้างมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการได้ 25,000 ล้านบาท สทน.ต้องการที่จะเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของวิชาการ เรื่องของความสามารถในการให้บริการที่ตอบโจทย์กับประเทศและสังคม
โดยที่ สทน. ได้ตั้งเป้าหมายไว้ เรื่องแรกคือ การวิจัยและพัฒนา ตั้งเป้าไว้ว่าในช่วง 5 ปี ข้างหน้า จะต้องเป็นหน่วยงานชั้นนำด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของประเทศในกลุ่มอาเซียน เพราะในช่วง 4 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะมีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านนิวเคลียร์ของประเทศเกิดขึ้น 2 โครงการ ที่จะช่วยยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาและเรื่องการให้บริการในด้านต่างๆ เช่น เครื่องไซโคลตรอน ขนาด 20 mp ที่จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ การตรวจวินิจฉัยโรค การผลิตสารเภสัชรังสี ชนิดใหม่ๆ ที่ในอดีตเราไม่สามารถผลิตได้ การวิจัยและพัฒนาวัสดุชนิดใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยลดมูลค่าการพึ่งพาจากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก ส่วนที่สองคือ เครื่องโทคาแมค เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงที่ประเทศไทยเตรียมไว้สำหรับอนาคต นี่คือโครงสร้างพื้นฐานที่เตรียมไว้เพื่อที่จะให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
สำหรับงานวิจัยพัฒนาด้านอื่นๆ สทน.จะเร่งรัดให้มีงานวิจัยที่นำเอาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น และเน้นตอบโจทย์ของปัญหาสังคมในปัจจุบันให้ชัดเจนมากขึ้น อย่างเรื่องอาหารและการเกษตร นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ สทน.จะต้องยกระดับให้เป็นรูปธรรมด้วยการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของเกษตรและอาหารสู่ชุมชนให้ได้ ไม่ใช่ตอบโจทย์เฉพาะภาคอุตสาหกรรม แต่ต้องตอบโจทย์ในกลุ่มของเอสเอ็มอี ชุมชน และรายย่อยให้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี