“พระครูเกษมวรกิจ” หรือ “หลวงพ่อวิชัย เขมิโย” เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาจม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมตตาให้หลักธรรมแก่ญาติโยมที่ไปถวายสังฆทานที่สำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานพุทธเกษตรดินแดนสุขาวดี คลอง 6 จังหวัดปทุมธานี และในวันนั้นมีสามีภรรยาคู่หนึ่งปุจฉากับหลวงพ่อวิชัยว่า “เมื่อลูกที่ยังเล็กอยู่โต ก็จะออกบวชด้วยกันทั้งสองสามีภรรยา จะทำได้หรือไม่” ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อวิชัย จึงเมตตาวิสัชนาโดยยกตัวอย่าง “พระเนมิราชออกบวช” ดังนี้
“เมื่อตั้งความดำริไว้ เมื่อถึงจุดนั้น เหมือนเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เราจะรู้ว่าเมื่อไหร่เราแก่ นี่จะบอกให้ช่างผม ถ้าผมฉันหงอกเส้นเดียวให้บอกฉันหน่อยน่ะ ถ้าผมหงอกเส้นเดียว ความแก่ก็ครอบงำแล้ว เหมือนพระเนมิราช มอบทรัพย์สมบัติให้ข้าทาสบริวารเยอะๆ ให้กุลบุตร กุลธิดาหมด ก็โอ้! ความแก่ครอบงำเราแล้ว พระองค์ก็เสด็จออกบวชอยู่ในป่าหิมพานต์ ก็คือ พระพุทธเจ้าในชาตินี้ก็เป็นพระเนมิราช แต่พวกเรานี่ ไม่ใช่เส้นเดียวหรอก เต็มศรีษะแล้ว ก็ยังว่าตัวเองยังไม่แก่สินั่นน่ะ ก็ไปหายาย้อมผมมาดับอยู่ ยังประมาท ผู้มาบวช นี่ผู้ไม่ประมาท! ผมหงอกเส้นเดียวน่ะ โอ้ย!ความแก่เขาครอบงำแล้ว
พระเนมิราช ร่ำรวยกว่าพวกเราขนาดไหน ท่านก็ออกบวช พวกเราลองคิดดู เราจะอยู่เฝ้าเอาโลกไม่ได้หรอก ถึงเวลา ก็ดำริไว้ว่า สักวันหนึ่งจะเป็นของเราแน่นอน “ดำริ” คือ คิดไว้ว่า โอกาสนี้ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะพยายาม เมื่อแก่ก็บวช นี่คือ “ดำริไว้ ตั้งใจไว้” รักษาดำริไว้ คือ ตั้งใจไว้ สักวันหนึ่งความตั้งใจของเราจะประสบความสำเร็จ เราตั้งใจไว้ เหมือนเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เมื่อถึงเวลาแล้วก็ไป
แต่คนจะคิดอย่างนี้ ก็ไม่ค่อยมีน่ะ คิดว่าโลกนี้มันน่าอยู่ ยังรื่นเริงบันเทิงใจอยู่ น่าอยู่ ที่เราคิด (ออกบวช) อย่างนี้ก็แสดงว่า มีของเก่าของเราบันดาลให้คิดอย่างนี้ ก็ให้นั่งพิจารณาทุกวัน การนั่งพิจารณาทุกวันคือ คิดสะสมๆ ว่า สักวันหนึ่ง สักวันเราต้องออกบวช เพราะเรามองเห็นว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา แต่เมื่อเราสร้างภาระขึ้นมาแล้ว ต้องให้หมดภาระก่อน เราถึงจะออกบวชได้ พระพุทธเจ้าจึงให้ออกบวชได้ แต่ต้องหมดภาระ ทุกสิ่งอย่างเขาสร้างของเขามา เขาก็ดูแลกัน น้องอยู่บ้านนอก เคยเห็นกบ เห็นอึ่งมันไข่ไหม ไข่แล้วไปดูไหม ไปดูตอนที่ลูกมันออกมาได้ไหม แน่ะ! แม่มันไข่ทิ้งไว้แล้ว อึ่งอ่างเหมือนกัน กบเหมือนกัน เขียดเหมือนกัน ไข่ทิ้งแล้ว มันไม่สนใจอะไรเลย ลูกมันเกิดมาก็เป็นกบ เป็นเขียด เป็นอึ่งอ่างกันไป คือ ธรรมชาติมันสร้างของมันมาอย่างนั้น
เหมือนคนเราเหมือนกันต้องคิดอย่างนั้น แต่ไม่ใช่เราจะอย่างนั้นน่ะ แต่เมื่อเขามีครอบมีครัวแล้วก็เอ่อ เราก็ไม่ต้องช่วยอะไรเขาหรอก เราช่วยเขามาเต็มที่แล้ว พระพุทธเจ้าสรรเสริญ เหมือนอึ่งอ่าง เหมือนกบ ไข่แล้วทิ้งหมด กบ เขียด มันไข่ทิ้งหมด ลูกมันก็เลี้ยงตัวเองจนโต ธรรมชาติทุกอย่างเป็นเช่นนั้น ถ้าเราไม่เข้าข้างตัวเอง”
สำหรับประวัติของ “พระเนมิราช” ในพระไตรปิฎกเขียนไว้ว่า พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง พระนามว่า มาฆะเทวะ (อดีตชาติของพระเนมิราช) รับสั่งให้ช่างตัดพระเกศาทูลพระองค์ทันทีที่เห็นพระเกศาหงอกขาว เมื่อช่างเห็นพระเกศาหงอกเป็นเส้นแรกจึงทูลพระองค์ให้ทรงทราบ พระเนมิราชจึงทรงสละราชสมบัติออกไปผนวชเป็นฤาษี และมีรับสั่งให้พระโอรสประพฤติตามพระองค์โดยเมื่อเกศาแรกหงอก ให้ออกบวช
เมื่อมาฆะเทวะสิ้นพระชนม์ได้ประสูติใหม่ในเทวโลก และได้ทอดพระเนตรลงมาเห็นลูกหลานของพระองค์ว่า มีการประพฤติตามอย่างพระองค์สืบต่อมาตามที่ได้รับสั่งไว้ เมื่อ“มาฆะเทวะ” สิ้นบุญในชั้นเทวโลก จึงจุติลงมาเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ในราชวงศ์เดิม มีพระนามว่า “เนมิราช” หรือ พระเจ้าเนมิราช โดยทรงปกครองไพร่ฟ้า จนกระทั่งพระอินทร์ หรือ ท้าวสักกะจอมเทพ อัญเชิญให้เสด็จไปเที่ยวท่องสวรรค์และนรกด้วยราชรถวิเศษ มีช่างตัดพระเกศากลับชาติมาเกิดเป็นสารถีขับราชรถวิเศษพาไปยังสวรรค์และนรก
สำหรับ “มาฆเทวะ” หรือ “เนมิราช” นั้นคืออดีตชาติหนึ่งของ “องค์สมณโคดมบรมครู” ส่วนช่างตัดพระเกศา ที่กลับชาติมาเกิดเป็นสารถีนั้น เป็นอดีตชาติหนึ่งของ “พระอานนท์” ซึ่งเป็นสหชาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี