การเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยเมื่อปีพ.ศ.2475 ซึ่งนำโดย “คณะราษฎร” จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็น ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ(ตามแบบการปกครองในประเทศยุโรปตะวันตกส่วนใหญ่ที่กำลังเจริญก้าวหน้าภายใต้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี)
การเปลี่ยนแปลง “การปกครอง” ได้มีเสียงเรียกร้อง “วิวัฒนาการ” มาเป็นลำดับ ได้มี
คณะเจ้านายและข้าราชการสถานทูตไทยในยุโรปตะวันตก “ผู้กล้าหาญ” ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ให้ทรงพิจารณา “ปฏิรูป”การปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน
ข้อความในหนังสือนั้นแถลงว่า “อำนาจบริหารทั้งหมดตกอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียว ย่อมเท่ากับทรงมีทางสายเดียวที่จะปกครองประเทศ
เป็นของจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนการปกครองให้ไทยเรามีระบอบรัฐธรรมนูญ...ควรจะมีการปกครองโดยความรับผิดชอบรวมของคณะเสนาบดี คือคาบิเนต (Cabinet) ซึ่งมีเอกอัครมหาเสนาบดี (Prime Minister) เป็นประธาน....”
ในคำแถลงนี้ได้ยอมรับว่า “ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปสำหรับรัฐสภา”... ลายลักษณ์อักษรความเห็นตรงไปตรงมาฉบับนี้ยาวถึง 60 หน้ากระดาษ มีผู้เปิดเผยตัวลงพระนามและนาม รวม 11 ท่าน
ด้วยกัน
กฎหมายสมัยนั้น ผู้ลงนามทุกๆ ท่านนับได้ว่า มีความผิดฐานดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อาจจะถูกลงโทษได้อย่างหนักถึงขั้น “ประหารชีวิต”
แต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเป็น “นักประชาธิปไตย” ทรงไม่ได้ถือโทษโกรธ “ความเป็นปราชญ์” ของพระองค์ท่านทรงอ่านสาส์น 60 หน้าอย่างละเอียดลออ ด้วยความสนพระทัยและทรงตอบอธิบายด้วยพระเมตตา ที่สำคัญพระองค์ท่านมีความรู้ในระบอบรัฐธรรมนูญของประเทศอังกฤษ เป็นอย่างดีจากการศึกษาและเสด็จฯ เยือน
ทรงเล่าในพระราชนิพนธ์ “ไกลบ้าน” (จดหมายที่ทรงมีถึงสมเด็จเจ้าฟ้านิภานภดล พระราชธิดา) ถึงข้อสังเกตการเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของอังกฤษ...“การเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ดูน่าจะสบายมาก แต่ต้องเป็นผู้ที่ไม่ฝักใฝ่ในการที่จะทำอะไร ทำตามชอบใจตัว ปล่อยให้เขาทำ เขาคิดจะทำอย่างไร เขามาบอกให้รู้
ถ้ามีความเห็นอย่างอื่น จะโต้ทานบ้างก็ได้ แต่ถ้าความเห็นยืนยันกันไปคนละทาง เป็นต้องอพยพแพ้เขาเสีย
อย่าไปดึงดันให้ถึงเกิดวิวาทกันขึ้น การที่จะวางได้เช่นนี้ ก็เฉพาะเมืองอังกฤษเป็นอย่างวิเศษ...
ด้วยเหตุฉะนั้น เป็นเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ถึงจะไม่เอาธุระอะไรด้วยการงาน คอยแต่พยักอย่างเดียว การก็ไม่มีเสีย
ถ้าทำอะไรได้บ้างก็ยิ่งดีขึ้น พ่อจึงได้กล่าวว่า สบายดี...”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงตอบสาส์น “คณะผู้กล้าหาญ” ที่เรียกร้องให้ “ปฏิรูป” การปกครองฉบับนั้นไปว่า
ทรงเคยเป็นทั้ง “ตุ๊กตา” ไม่มีอำนาจอันใดเลย นอกจากชื่อ (สมัยต้นรัชกาลที่มีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้สำเร็จราชการ) ต่อมามีอำนาจเต็มบริบูรณ์ ได้ผ่านความลำบากมาอย่างไร ทรงรู้ดี จำได้ดี “เพราะที่จำได้อยู่อย่างนี้ เหตุใดเล่า เราจึงไม่มีความปรารถนา (อำนาจปานกลาง)”
ทรงมีพระเมตตาอธิบายสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้นและความเร่งด่วนที่ต้องทำอีกหลายข้อ
ในรัชสมัยต่อมา ได้มีคณะบุคคลพยายามยึดอำนาจรัฐเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปีพ.ศ.2454 หากไม่เป็นผลสำเร็จ
24 มิถุนายน พ.ศ.2475 “คณะราษฎร” สามารถเปลี่ยนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบ
ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
เปลี่ยนการปกครองของกษัตริย์เหนือกฎหมายมาเป็นการปกครองที่มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย
ความสำเร็จส่วนหนึ่งเชื่อกันว่ามาจาก “วิวัฒนาการสังคม” โลกเปลี่ยนประเทศสังคมเปลี่ยน
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทาน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ.2475 ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475
หลังพระราชทานธรรมนูญ ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ เมื่อ 2 มีนาคม พ.ศ.2478 โดยมีพระราชหัตถเลขาประวัติศาสตร์ว่า
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าแต่เดิมให้แก่ราษฎรทั่วไปแต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด แต่โดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร...”
จากวันนั้นถึงวันนี้ เรามีการปฏิวัติรัฐประหารถึง 13 ครั้ง มีการฉีกรัฐธรรมนูญและเปลี่ยนใหม่ไปถึง 20 ฉบับ
จากฉบับแรกที่ชาวบ้านสยามคิดว่า รัฐธรรมนูญคือ ลูก “พระยาพหล” ถึง “ฉบับ 3 ป” ล่าสุด
บ้านเมืองยังหนีไม่พ้น “วงจรอุบาทว์” และราชการบ้านเมืองที่บริหารโดย “ผู้ใหญ่ไม่กี่คน มีความคิดอย่างเก่าๆ แคบๆ นำสู่ความเสื่อมและความล่มจมได้ง่าย” ดังที่ พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้า “คณะราษฎร” อ้างเป็นเหตุล้มล้างการปกครองในปีพ.ศ.2475
กฤษณ์ ศิรประภาศิริ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี