วันเสาร์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
'น้ำใจ'ในสงครามมิตรภาพไร้พรมแดนของชาวแม่สอด

'น้ำใจ'ในสงครามมิตรภาพไร้พรมแดนของชาวแม่สอด

วันอังคาร ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2564, 18.29 น.
Tag : กสม. ขุดหาสมบัติ เคเอ็นยู ชายแดน ทหารพม่า เมียนมาร์ สมบัติญี่ปุ่น สาละวิน KNU
  •  

น้ำใจในสงครามมิตรภาพไร้พรมแดนของชาวแม่สอด

“มีข้าวมาแจก ออกมารับเร็วๆ” เสียงตะโกนโหวกเหวกเป็นภาษาพม่าดังขึ้น เมื่อรถกระบะจอดสนิทในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากแม่น้ำเมย พรมแดนไทย-พม่า ใน อ.แม่สอด จ.ตาก


หลายมือช่วยกันหยิบถุงใหญ่ที่กองพะเนินในกระบะ ออกมาวางที่ท้ายรถ ร้องเรียกกันเพียงไม่ถึงนาที คนหลายคนสวมใส่โสร่ง ผ้าถุง เดินออกมาจากเพิงพักหลายจุด ต่างเข้าแถวรับของที่ชาวบ้านจากตลาดแม่สอด นำมาแจกให้ผู้หนีภัยจากการสู้รบ ที่หนีลูกกระสุนและระเบิดจากการรุกรานรัฐกะเหรี่ยงโดยเผด็จการทหารพม่า ข้ามแม่น้ำเมยมายังฝั่งไทย

“มีข้าวกล่อง กลุ่มเราช่วยกันทำตั้งแต่เมื่อเช้า น้ำดื่ม ผลไม้ เอามาแบ่งๆ กัน เห็นใจที่เขาต้องลำบากในเวลานี้”  “มะ” หญิงกลางคนชาวไทยมุสลิมจากตลาดแม่สอด หนึ่งในผู้ใจบุญคณะนี้เล่าให้เราฟัง

ในมือของเธอที่ยื่นของไปให้ นอกจากข้าว น้ำ ยังมีหมากพลู “ของสำคัญ” ต่อหลายชีวิตในพื้นที่แถบนี้ซึ่งช่วยให้ผ่อนคลายในภาวะที่ต้องหนีภัยจากสงคราม

“ได้กินหมาก จะได้หายเครียดบ้าง” เธอบอก พลางยื่นสิ่งของต่างๆ ให้ผู้หนีภัยทุกคนอย่างคล่องแคล่ว ตามประสาแม่ค้า ทั้งๆที่หมากพลูเป็นความต้องการของผู้พลัดบ้านพลัดถิ่น แต่มักไม่มีใครนึกถึง

ชาวแม่สอดหลากหลายกลุ่มอาชีพรวมตัวกันทำอาหารและรวบรวมขงจำเป็นต่การยังชีพ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้หนีภัยจากการสู้รบ เช่นเดียวกับที่มะทำอยู่ แต่พวกเขาเลือกที่จะทำกันแบบเงียบๆ เพราะหากรับรู้ในวงกว้าง ก็ไม่แน่ว่า “ภัย” จะมาถึงตัวหรือไม่ เพราะพื้นที่ตลอดริมน้ำเมยมีความสลับซับซ้อนในเรื่อง “อำนาจ”

ผู้หนีภัยจากความไม่สงบครั้งล่าสุดที่พรมแดนไทย-พม่า หนีภัยความตายทะลักข้ามแม่น้ำเมย มายังเขตประเทศไทยเพื่อความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 จนบัดนี้มีตัวเลขทางการไม่ต่ำกว่า 4-5,000 คน ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นผู้หญิง ทารก เด็ก และผู้สูงอายุ ที่มีทั้งชาวกะเหรี่ยง และชาวพม่า แต่ตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก โดยจำนวนไม่น้อยต้องหลบซ่อนอยู่ริมแม่น้ำเมย รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเครือข่ายสันติภาพกะเหรี่ยง ระบุว่ามีประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน

ผู้หนีภัยที่หนีข้ามแม่น้ำเมยส่วนใหญ่ขณะนี้เกือบทั้งหมดอยู่ในการดูแลของทางการไทย โดยกองทัพภาคที่ 3 ณ คอกวัวมหาวันเมยโค้ง อ.แม่สอด

“ผมขอซ่อนอยู่ตรงนี้ ไม่ไปที่ทหารให้ ผมมีบ้าน มีหมู มีไก่ ผมต้องกลับไปดูแลให้อาหาร” ซอกวอ ชายหนุ่มชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า เล่าให้ฟังหลังจากได้รับอาหารจากผู้ใจบุญมาหลายกล่องในบ่ายวันหนึ่ง

เขาบอกว่าเสียงระเบิดที่ปะทุขึ้นกลางดึกในคืนแรก ทำเอาชาวบ้านในหมู่บ้านของเขาแตกกระเจิง หลายคนสูญเสียชีวิต หลายคนบาดเจ็บ คนที่พอจะมีสติก็พากันหนีเอาชีวิตรอด ลุยข้ามแม่น้ำเมย หนีมายังฝั่งไทย จนเป็นภาพข่าวที่ดังไปทั่วโลก

ซอกวอเล่าว่า แทบทุกคนห่วงบ้านเรือนและทรัยพ์สินของตนเองที่ฝั่งพม่า ไม่อยากทิ้งไปนานๆ ต่างอยากกลับไปคืนถิ่นฐานให้เร็วที่สุด

“ดูคลิปมั้ย ผมถ่ายไว้ที่หน้าบ้าน” ชายผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงถาม แล้วเปิดคลิปวิดีโอที่เขาถ่ายความเสียหายให้ดู

บ้านไม้สักหลังใหญ่ของเขาเสียหายที่ประตู หลังคา และอีกหลายส่วน ขณะที่ถนนลูกรังหน้าบ้านในคลิปนั้น มีเสื้อผ้ากองอยู่ มีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิง และชุดทหารพม่า วางรวมกันตรงนั้น

เขาบอกว่า เวลานี้ในหมู่บ้านไม่มีใครแล้ว มีเพียงทหารกะเหรี่ยง สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ​(KNU) คอยเฝ้าระวังอีกไม่กี่คน เขาบอกว่าหากประชาชนไม่กลับไป ทหารพม่าจะเผาทำลายและยึดหมู่บ้านไปทั้งหมด

ที่ๆ เขาอยู่ในเวลานี้เป็นเพียงเพิงไม้ที่เพิ่งสร้างอยู่ข้างกองฟาง มีผ้าห่มสีสดไม่กี่ผืนมุงเป็นหลังคา

“กลางคืนหนาว หนาวมากๆ แต่โชคดี เรานอนหนาวคืนเดียว คนไทยก็เอาผ้าห่มมาแจก เอาอาหาร เอาน้ำ มาให้ ผมขอบคุณจริงๆ ผมและลูกเมียขออาศัยอยู่ไม่นาน หากกลับได้เราจะกลับทันที บ้านเรา เราห่วงมาก อยากกลับบ้าน อยากลับเดี๋ยวนี้เลย” เขาบอก และว่าไม่เข้าใจที่ทำไมการโจมตีของทหารพม่า ใช้ทั้งเครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์ และปืนค. ถล่มหมู่บ้านของประชาชนมือเปล่า

เมื่อได้คุยกับ “มะ” อีกครั้งช่วงค่ำ เธอบอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นชาวแม่สอด อีกกลุ่ม ที่อาสารับทำอาหารและสิ่งของจำเป็นไปส่งให้แก่ผู้หนีภัยสงคราม “เราช่วยกันหลายกลุ่ม อยากให้พี่น้องมีกิน เราเป็นห่วง จะคนฝั่งไทย ฝั่งพม่า ก็เป็นคนเหมือนกัน เราพี่น้องกัน อยากช่วยกัน” แม่ค้าตลาดแม่สอด บอกมาตามสาย

หลายคืนที่ผ่านมานี้ ที่หมู่บ้านชานเมืองแม่สอด ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงราว 10 คน มารวมตัวกันตั้งแต่ราวเที่ยงคืน เพื่อหุงข้าว และบรรจุลงถุงเพื่อนำไปส่งให้ผู้หนีภัยสงคราม ที่อยู่รวมกันในพื้นที่ชั่วคราว

“ได้ข้าวบริจาคมา มีทีมอาสาสมัครช่วยหุงข้าวในกะทะใบใหญ่ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ มีคนที่หุงเป็น เอาข้าวใส่หม้อบนกะทะเป็นชั้นๆ จะหุงได้มากหน่อย แล้วช่วยกันตักข้าวร้อนๆ เอาใส่ถัง ให้ข้าวอุ่นๆ ไว้ ไม่เสียง่าย หุงหลายรอบ หลายชั่วโมง กว่าจะครบจำนวนที่เรารับมา 1,500 ชุด ตกดึกตีสอง อีกทีมก็มาช่วยกันตักใส่ถุงป็นชุดๆ ไว้ เช้ามืดก่อน 6 โมง เราก็เอาข้าวไปส่ง หากไปส่งช้า สายเกิน ข้าวบูด พี่น้องก็ไม่ได้กิน” ชายหนุ่มชาวกะเหรี่ยงบอกว่าทำแบบนี้มาหลายคืนแล้ว นับตั้งแต่ทหารพม่าโจมตีประชาชนจนต้องข้ามพรมแดนมา  เขาบอกว่าคนที่นำข้าวและอาหารไปส่ง ต้องมีสัญชาติไทย “หากไปส่ง ถูกตรวจแล้วไม่มีบัตร ก็อาจถูกจับได้” เขาบอก

ชาวบ้านสองฝั่งลำน้ำเมยเป็นเสมือนเครือญาติกันมายาวนาน เมื่อบริเวณไหนมีภัยก็จะอพยพหนีร้อนไปพึ่งเย็นกันไป-มา ชาวกะเหรี่ยงมีบทบาทสำคัญในการร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสยาม ต่อสู้กับกองทัพพม่ามาโดยตลอด แต่ดูเหมือนในวันนี้ประวัติเก่ากำลังถูกฝังกลบ และประวัติศาสตร์หน้าใหม่กำลังถูกบันทึกไว้ว่า “กองทัพไทยมีสัมพันธภาพดีสุดยอดกับกองทัพพม่า”

 

ขอบคุณข้อมูล เพียรพร ดีเทศน์

 

 

 

  

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ฮุนเซน’ช่วยจ่ายมั้ย ‘กัมพูชา’ค้างค่ารักษา‘รพ.ไทย’กว่า 277 ล้าน ‘ฮุนเซน’ช่วยจ่ายมั้ย ‘กัมพูชา’ค้างค่ารักษา‘รพ.ไทย’กว่า 277 ล้าน
  • ย้อนสัมพันธ์คู่พ่อลูก‘ชิน-ฮุน’ บนปมร้อน‘พิพาท’ชายแดนกับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ย้อนสัมพันธ์คู่พ่อลูก‘ชิน-ฮุน’ บนปมร้อน‘พิพาท’ชายแดนกับเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
  • เปิดวีรกรรม \'สมรภูมิช่องบก\' ที่เคยเป็นบทพิสูจน์ความกล้าหาญของเหล่าวีรชนทหารไทย เปิดวีรกรรม 'สมรภูมิช่องบก' ที่เคยเป็นบทพิสูจน์ความกล้าหาญของเหล่าวีรชนทหารไทย
  •  

Breaking News

(คลิป) ’ประพันธ์‘ ซัด ’ตระกูลชิน‘ อย่าอยู่เลยบนแผ่นดินไทย คนไทยรู้สันดานและกำพืด ตั้งนานแล้ว

น.1ตรวจความเรียบร้อยรอบพื้นที่ชุมนุม ไม่มีเหตุความรุนแรงใดๆ คาดไร้ปักหลักค้างคืน

ปิดตำนาน25ปี! ร้านอาหารดังคู่เมืองราชบุรีประกาศปิดกิจการ ลูกค้าแห่เสียดายเมนูเด็ด

‘พุทธิพงษ์‘ลั่นสิ่งเดียวที่คนไทยมีเหมือนกันทุกคน คือ'หวงแหนแผ่นดิน'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved