วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
‘กสม.’ยกเคสบุคคลพาสื่อ ตระเวนบุกสอบพระละเมิดวินัยสงฆ์ตามวัด ต้องระวังละเมิดสิทธิ

‘กสม.’ยกเคสบุคคลพาสื่อ ตระเวนบุกสอบพระละเมิดวินัยสงฆ์ตามวัด ต้องระวังละเมิดสิทธิ

วันพฤหัสบดี ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2566, 16.09 น.
Tag : กสม. วินัยสงฆ์ แนวหน้าออนไลน์
  •  

‘กสม.’ยกเคสบุคคลพาสื่อตระเวนบุกตรวจสอบพระละเมิดวินัยสงฆ์ตามวัด ต้องระวังละเมิดสิทธิ

11 พ.ค. 2566 ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดหนองปรือ จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดหนองเตย จังหวัดนครนายก และวัดโคกงูเห่า จังหวัดสุพรรณบุรี ขอให้ตรวจสอบ การกระทำของบุคคลที่ได้นำสื่อมวลชนบุกเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมของพระภิกษุภายในวัด 3 แห่ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสรีภาพในเคหสถาน นั้น


กสม. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย แล้วเห็นว่า กรณีตามคำร้องมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า ผู้ถูกร้องได้กระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการนำสื่อมวลชนบุกเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมของพระภิกษุในวัดหรือไม่ โดยที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 34 มาตรา 35 และมาตรา 50 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ได้รับรองและคุ้มครองว่า บุคคลทุกคนย่อมมีเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกโดยปราศจากการแทรกแซงทั้งการพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา การศิลปะและการสื่อความหมายด้วยวิธีอื่น 

นอกจากนั้น ยังได้รับรองเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนในการเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ขณะเดียวกันยังกำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกร้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระภิกษุตามวัดต่างๆ ด้วยสาเหตุที่มีประชาชนหรือผู้เสียหายแจ้งเหตุร้องเรียนต่อผู้ถูกร้อง 

ซึ่งผู้ถูกร้องได้กลั่นกรองเรื่องร้องเรียนเบื้องต้น และดำเนินการเฉพาะกรณีที่ผู้แจ้งเหตุแสดงพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ากรณีมีมูล เช่น กรณีมีคลิปวิดีโอเป็นพยานหลักฐาน เป็นต้น และมีเจตนาเพื่อปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดย กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า สถาบันพระพุทธศาสนาเป็นองค์กรทางสังคม เชื่อมโยงกับความเชื่อของประชาชนและถือเป็นความมั่นคงของรัฐประการหนึ่ง 

โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ซึ่งใกล้ชิดกับผู้คนในสังคม จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนในการพิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนา อีกทั้งไม่มีบทบัญญัติหรือกฎเกณฑ์ใดที่กำหนดไม่ให้ฆราวาสตรวจสอบพฤติกรรมของพระภิกษุสงฆ์ จึงเห็นว่า การตรวจสอบพฤติกรรมของพระภิกษุสงฆ์ เป็นการมีส่วนร่วมในการปกป้องและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้ถูกร้องหรือประชาชนทั่วไปสามารถกระทำได้

อย่างไรก็ตาม การใช้เสรีภาพในแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก และเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนอาจถูกจำกัดได้ ตามบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อเคารพและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ความมั่นคงของรัฐ หรือการรักษาความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยที่บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว เกียรติยศ ชื่อเสียง ที่ต้องปราศจากการแทรกแซงของบุคคลอื่น การละเมิดหรือกระทบต่อสิทธิดังกล่าวหรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ไม่ว่าในทางใด ๆ จะกระทำไม่ได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อประโยชน์สาธารณะ และจะกระทำได้เท่าที่จำเป็นหรือพอสมควรแก่เหตุเท่านั้น

จากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกร้องรายดังกล่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพฤติกรรมของพระภิกษุสงฆ์ โดยผลปรากฏว่าไม่พบตัวพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด แต่ผู้ถูกร้องได้ถ่ายทอดสดภาพเหตุการณ์ อันมีผลให้ปรากฏภาพและเสียงของเจ้าอาวาสวัดที่เกิดเหตุทั้ง 3 แห่ง เผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างชัดเจน โดยมิได้แจ้งขออนุญาตเจ้าอาวาสก่อนแต่อย่างใด รวมทั้งผู้ถูกร้องได้ตั้งข้อสงสัยต่อเจ้าอาวาส และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในประเด็นต่างๆ 

เช่น การปล่อยปละละเลยให้พระภิกษุกระทำผิดหรือมีจริยวัตรไม่เหมาะสม การปฏิบัติหรือการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด เป็นต้น โดยใช้ถ้อยคำตั้งข้อสงสัยที่มีความหมายในทางเสื่อมเสีย ให้วิญญูชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นพระภิกษุประพฤติตนไม่เหมาะสม พูดเท็จ รู้เห็นเป็นใจช่วยปกปิดการกระทำความผิด เป็นเหตุให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนได้รับความอับอาย เดือดร้อนรำคาญใจ เสียหาย ถูกทำลายชื่อเสียง 

การกระทำของผู้ถูกร้องจึงเป็นการใช้เสรีภาพในแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกที่เกินสัดส่วนกับเหตุผลความจำเป็น และกระทบต่อสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวและสิทธิในเกียรติยศและชื่อเสียงของบุคคล อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ถูกร้องไม่ใช้วิธีการถ่ายทอดสดแต่ใช้วิธีการบันทึกภาพแล้วนำมาเบลอภาพก่อนเผยแพร่ต่อสาธารณะ อันถือเป็นเรื่องที่มีการแก้ไขปัญหาระดับหนึ่งแล้ว

สำหรับกรณีที่ผู้ถูกร้องเข้าไปในวัดต่างๆ เพื่อตรวจสอบการกระทำของพระภิกษุนั้น เห็นว่า กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเสรีภาพในเคหสถาน โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องได้ขออนุญาตต่อเจ้าอาวาสวัดแต่ละแห่งในการเข้าไปในกุฏิของพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาก่อนทุกครั้ง แต่เจ้าอาวาสวัดต่างก็ยอมรับว่า ไม่กล้าปฏิเสธเนื่องจากการใช้คำพูดเชิงกล่าวหาของผู้ถูกร้อง รวมถึงการถ่ายทอดสดภาพเหตุการณ์ทำให้รู้สึกกดดัน จึงอนุญาตให้ผู้ถูกร้องกับพวกเข้าไปภายในวัดได้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ 

กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อความยินยอมดังกล่าวมีเหตุเงื่อนไขมาจากความรู้สึกถูกกดดันจากการใช้คำพูดเชิงกล่าวหา และการถ่ายทอดสดปฏิบัติการของผู้ถูกร้องดังกล่าว ประกอบกับแม้พื้นที่ภายในวัดแต่ละแห่งจะเป็นสาธารณสถานตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญาที่ประชาชนทั่วไปมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ แต่พื้นที่บางส่วนของวัด เช่น กุฏิของพระภิกษุ ก็เป็นพื้นที่จำกัดที่เป็นส่วนตัวซึ่งสมควรจำแนกจากการเป็นสาธารณสถาน ด้วยเหตุนี้ การที่ผู้ถูกร้องเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวโดยอาศัยความยินยอมในลักษณะเช่นว่านั้น ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการจำกัดเสรีภาพในเคหสถานของพระภิกษุสงฆ์

ทั้งนี้ กสม. เห็นว่า การที่ประชาชนเลือกใช้วิธีการแจ้งเหตุต่อผู้ถูกร้อง ย่อมมีสาเหตุมาจากความเชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบของผู้ถูกร้องว่าจะให้ความเป็นธรรมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ควรสนับสนุนประชาชนและชุมชนให้ร่วมมีส่วนในการแจ้งเหตุเบาะแสเรื่องร้องเรียนหรือแจ้งภัยทางพระพุทธศาสนา ผ่านกลไกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 จึงมีมติว่า การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และให้มีข้อเสนอแนะด้านสิทธิมนุษยชน ต่อผู้ถูกร้องและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สรุปได้ดังนี้

1..ให้ผู้ถูกร้องเยียวยาความเสียหายแก่ผู้ได้รับผลกระทบ โดยลบโพสต์คลิปวิดีโอภาพการถ่ายทอดสดในขณะลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระภิกษุสงฆ์ตามคำร้องนี้ และให้ขอโทษผู้เสียหาย ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบฉบับนี้ นอกจากนี้ให้ใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระภิกษุสงฆ์ 

โดยต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศของบุคคล หรือสร้างความเข้าใจผิดว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำผิดโดยที่ยังไม่มีกระบวนการพิสูจน์ตามกฎหมาย รวมถึงต้องได้รับความยินยอมโดยแท้จริงจากผู้มีอำนาจปกครองวัดก่อนเข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัด โดยให้หลีกเลี่ยงการเปิดเผยอัตลักษณ์ ใบหน้า หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำให้ล่วงรู้ตัวตน เว้นแต่จะได้รับความยินยอมโดยแท้จริงจากบุคคลผู้นั้นก่อน

2.ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร องค์กรภาคประชาชน และสื่อมวลชน เป็นต้น เพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมและรวดเร็วในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนพฤติกรรมของพระภิกษุ รวมถึงวิธีหรือแนวทางในการสนับสนุนการตรวจสอบโดยภาคประชาชนแล้วเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป -009

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'ประยุทธ มหากิจศิริ\'เปิดใจแนวหน้าครั้งแรกหลังนอนคุก 1 คืน สะท้อน \'คืนที่ไร้เสรี\' ผ่านบทเพลง 'ประยุทธ มหากิจศิริ'เปิดใจแนวหน้าครั้งแรกหลังนอนคุก 1 คืน สะท้อน 'คืนที่ไร้เสรี' ผ่านบทเพลง
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : สินค้าไม่ตรงปก-อย่าปล่อยลอยนวล ยื่นฟ้องศาลออนไลน์ได้ทั่วประเทศ แนวหน้าวิเคราะห์ : สินค้าไม่ตรงปก-อย่าปล่อยลอยนวล ยื่นฟ้องศาลออนไลน์ได้ทั่วประเทศ
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : ‘โรคแอนแทรกซ์’โผล่ ส่อง‘มาตรการภาครัฐ’กับการรับมือ แนวหน้าวิเคราะห์ : ‘โรคแอนแทรกซ์’โผล่ ส่อง‘มาตรการภาครัฐ’กับการรับมือ
  • \'ค่าแรง 600 บาทต่อวัน\' ฝันสลายนโยบายไม่ตรงปก? 'ค่าแรง 600 บาทต่อวัน' ฝันสลายนโยบายไม่ตรงปก?
  • รายงานพิเศษ : ​ทบทวน ‘แผนวิจัย’ ของประเทศ ตอบสนองสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง รายงานพิเศษ : ​ทบทวน ‘แผนวิจัย’ ของประเทศ ตอบสนองสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง
  • เปิดขั้นตอนพิธีศักดิ์สิทธิ์ เลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง \'พระสันตะปาปา\' พระองค์ใหม่ เปิดขั้นตอนพิธีศักดิ์สิทธิ์ เลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง 'พระสันตะปาปา' พระองค์ใหม่
  •  

Breaking News

'DSI'ลงนามด่วนถึง'ผบ.ตร.-ปลัด มท.' ร่วมมือสอบสวนเอาผิดฟอกเงินคดีฮั้วเลือก สว.

'รมว.ยุติธรรม'เป็น ปธ.มอบเงินเยียวยาให้เหยื่อตึก สตง.ถล่ม

ตลาดสี่มุมเมืองจัดงานเอ็กซ์โป ขายทุเรียนเริ่มต้นพูละ 5 บาท แจกทุเรียนกว่า 200 ลูก

ตัวมัมพันธุ์ใหม่!!! ได้ทีกระทืบซ้ำ‘สายสีน้ำเงิน’ สอนมารยาททางการเมือง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved